วันนี้มีประเด็นที่ออม สุชาร์ ได้ออกมาพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในมุมของตนเอง หลังจากที่ก่อนหน้านี้คุณพริมเคยให้สัมภาษณ์ไปแล้ว
ออมเล่าว่าเธอตัดสินใจร่วมทำธุรกิจเครื่องสำอาง F กับคุณพริมและศสา ผู้จัดการเก่า โดยในช่วงแรกเธอให้ความเชื่อใจและยอมรับการแบ่งสัดส่วนหุ้นที่ต่างกันไป จนกระทั่งมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนหุ้นให้เท่ากันภายหลัง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ออมรู้สึกไม่พอใจคือการที่เธอมาทราบภายหลังว่าคุณพริมยังคงทำแบรนด์เครื่องสำอางเดิม (RAD) อยู่ ซึ่งเป็นธุรกิจคู่แข่งที่อยู่ในไลน์เดียวกันกับ F และเมื่อได้เห็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะรีแบรนด์สินค้าใหม่ ยิ่งทำให้ออมรู้สึกไม่ไว้ใจและยืนยันว่า หากเธอรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ต้น เธอจะไม่ร่วมทำธุรกิจด้วยอย่างแน่นอน
หลังจากเกิดความไม่ไว้ใจ ออมจึงตัดสินใจเข้าซื้อหุ้น 4% ของศสาในราคา 2.5 ล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อแก้ปัญหาและต้องการเข้ามาบริหารงานเองโดยตรง และยืนยันว่าเป็นการซื้อขายที่ถูกต้องตามกฎหมาย และศสาก็รับทราบดีว่าบริษัทไม่ได้ขาดทุน อีกทั้งเธอยังได้มีการเสนอให้คุณพริมเข้ามาซื้อหุ้นของเธอในราคาที่เทียบเคียงกัน แต่คุณพริมไม่ได้สนใจ
หลังจากที่เรื่องการซื้อหุ้นรั่วไหลไปถึงคุณพริม ไฟล์สำคัญของบริษัทก็หายไป ทำให้ความไม่ไว้ใจยิ่งเพิ่มขึ้น นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริษัทและถอดถอนคุณพริมออกจากการเป็นกรรมการ
สำหรับเรื่องค่าตัวพรีเซ็นเตอร์ 9.5 ล้านบาท ออมชี้แจงว่าเป็นการทำขึ้นมาเพื่อให้เห็นถึงต้นทุนแฝงของบริษัท และยังไม่ได้มีการจ่ายเงินจริงแต่อย่างใด เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลเท่านั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้เธอทำงานให้บริษัทมาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ดาราฮุบกิจการ จากมุมมองของออม สุชาร์ หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจ จะเลือกแนวทางในการแก้ไขปัญหายังไง?
ออมเล่าว่าเธอตัดสินใจร่วมทำธุรกิจเครื่องสำอาง F กับคุณพริมและศสา ผู้จัดการเก่า โดยในช่วงแรกเธอให้ความเชื่อใจและยอมรับการแบ่งสัดส่วนหุ้นที่ต่างกันไป จนกระทั่งมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนหุ้นให้เท่ากันภายหลัง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ออมรู้สึกไม่พอใจคือการที่เธอมาทราบภายหลังว่าคุณพริมยังคงทำแบรนด์เครื่องสำอางเดิม (RAD) อยู่ ซึ่งเป็นธุรกิจคู่แข่งที่อยู่ในไลน์เดียวกันกับ F และเมื่อได้เห็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะรีแบรนด์สินค้าใหม่ ยิ่งทำให้ออมรู้สึกไม่ไว้ใจและยืนยันว่า หากเธอรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ต้น เธอจะไม่ร่วมทำธุรกิจด้วยอย่างแน่นอน
หลังจากเกิดความไม่ไว้ใจ ออมจึงตัดสินใจเข้าซื้อหุ้น 4% ของศสาในราคา 2.5 ล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อแก้ปัญหาและต้องการเข้ามาบริหารงานเองโดยตรง และยืนยันว่าเป็นการซื้อขายที่ถูกต้องตามกฎหมาย และศสาก็รับทราบดีว่าบริษัทไม่ได้ขาดทุน อีกทั้งเธอยังได้มีการเสนอให้คุณพริมเข้ามาซื้อหุ้นของเธอในราคาที่เทียบเคียงกัน แต่คุณพริมไม่ได้สนใจ
หลังจากที่เรื่องการซื้อหุ้นรั่วไหลไปถึงคุณพริม ไฟล์สำคัญของบริษัทก็หายไป ทำให้ความไม่ไว้ใจยิ่งเพิ่มขึ้น นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริษัทและถอดถอนคุณพริมออกจากการเป็นกรรมการ
สำหรับเรื่องค่าตัวพรีเซ็นเตอร์ 9.5 ล้านบาท ออมชี้แจงว่าเป็นการทำขึ้นมาเพื่อให้เห็นถึงต้นทุนแฝงของบริษัท และยังไม่ได้มีการจ่ายเงินจริงแต่อย่างใด เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลเท่านั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้เธอทำงานให้บริษัทมาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย