"เว็บเถื่อน-ของไม่ตรงปก" มีปัญหาติดต่อ 1212 และ กลต. เปิดสถิติหลอก-ชวนลงทุนพุ่ง

ETDA เผยสถิติปี 68 แค่ 8 เดือน คนไทยร้องเรียนออนไลน์พุ่ง 2.7 หมื่นครั้ง เพิ่มขึ้น 20% ชี้ปัญหา “ซื้อขายออนไลน์-เว็บผิดกฎหมาย” นำโด่ง
 

สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เปิดเผยข้อมูลน่ากังวล พบ 8 เดือนแรกของปี 2568 ยอดเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์ผ่านศูนย์ 1212 ETDA สูงถึง 27,332 เรื่อง
 

เพิ่มขึ้น 20.10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัญหาการซื้อขายสินค้าออนไลน์และเว็บไซต์ผิดกฎหมายยังคงเป็นสองอันดับแรกที่ถูกร้องเรียนมากที่สุด  
 

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA ได้เปิดเผยสถิติเรื่องร้องเรียนออนไลน์ที่น่าสนใจ
 

ซึ่งรวบรวมโดยศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ (1212 ETDA) ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม - สิงหาคม) โดยมีรายละเอียดดังนี้
 

 

สถิติการร้องเรียนออนไลน์ 8 เดือนแรก ปี 2568
 

ข้อมูลระบุว่ามีจำนวนเรื่องร้องเรียนรวมทั้งสิ้น 27,332 เรื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ถึง 4,574 เรื่อง หรือคิดเป็น 20.10%
 

โดย 5 อันดับแรกของปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนสูงสุด ได้แก่
 

ปัญหาการซื้อขายสินค้าออนไลน์: 10,306 เรื่อง (41.79%)
ปัญหาเว็บไซต์ผิดกฎหมาย: 9,090 เรื่อง (36.87%)
ขอคำปรึกษาและปัญหาอื่นๆ: 2,460 เรื่อง (9.98%)
ปัญหาด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล: 1,421 เรื่อง (5.76%)
ปัญหาการประกอบธุรกิจอย่างไม่เป็นธรรม: 1,382 เรื่อง (5.60%)
 

ดร.ชัยชนะ ชี้ว่า แม้สถิติรายปีในช่วง 2 ปีก่อนหน้า (ปี 2566 มี 45,181 เรื่อง และปี 2567 มี 35,358 เรื่อง) จะมีแนวโน้มลดลง
 

แต่การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ สะท้อนว่าภัยออนไลน์ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญ ท่ามกลางการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัล
 


 

รูปแบบกลโกงที่ซับซ้อนขึ้น และต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ปัญหารุนแรงขึ้นมาจากกลโกงของมิจฉาชีพที่มีความซับซ้อนและพัฒนารูปแบบใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยอาศัยช่องว่างทางเทคโนโลยี
 

เช่น การใช้ AI Deepfake ปลอมเสียงและใบหน้าเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อหลอกลวงประชาชน ประกอบกับผู้บริโภคบางส่วนยังขาดความรู้เท่าทัน (AI and Digital Literacy)

 

สำหรับกลโกงที่ต้องจับตาและเฝ้าระวังเป็นพิเศษในปีนี้ ได้แก่
 

การหลอกลวงซื้อขายออนไลน์: โดยเฉพาะสินค้าปลอม สินค้าไม่ได้มาตรฐาน
 

การหลอกลงทุนหรือทำงานออนไลน์: เช่น การลงทุนในหุ้น, คริปโทเคอร์เรนซี, แชร์ลูกโซ่รูปแบบใหม่ หรือการชวนไปทำงานทั้งในและต่างประเทศ
 

การหลอกให้กู้เงินออนไลน์: มิจฉาชีพจะหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าธรรมเนียมก่อน แต่สุดท้ายไม่ได้รับเงินกู้จริง

 

ETDA  ได้ใช้ศูนย์ 1212 ETDA เป็นช่องทางกลางในการรับเรื่องและประสานงานแก้ไขปัญหา
 

โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา สามารถช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้กับผู้ร้องเรียนได้สำเร็จแล้ว 26,794 เรื่อง หรือคิดเป็น 98.03% ของเรื่องร้องเรียนทั้งหมด  
 

นอกจากนี้ ETDA ยังได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกหลายด้านเพื่อปิดช่องว่างของมิจฉาชีพผ่านกลไกการกำกับดูแลร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร อาทิ
 

เชื่อมระบบแจ้งความออนไลน์ กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
 

ร่วมมือกับ กรมการค้าต่างประเทศ, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และแพลตฟอร์มดิจิทัลชั้นนำ (Facebook, TikTok)
 

ออกมาตรฐานและคู่มือ สำหรับแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น คู่มือการพิสูจน์และยืนยันตัวตนผู้ใช้, การดูแลโฆษณาออนไลน์ และการดูแลสินค้าที่ต้องมีมาตรฐาน
 

เตรียมออกประกาศฉบับใหม่ เพื่อกำกับดูแลแพลตฟอร์มประเภท Online Marketplace และ Ride Sharing เพิ่มเติม
 

สำหรับประชาชนที่ประสบปัญหาจากการใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลหรือถูกหลอกลวงทางออนไลน์ สามารถติดต่อขอคำปรึกษาและร้องเรียนได้ที่ สายด่วน 1212 ETDA  



เปิดสถิติหลอก-ชวนลงทุนพุ่งแตะ 6 พันครั้ง สั่งปิด 3 พันบัญชี Facebook นำโด่งอันดับ 1

ก.ล.ต. รับแจ้งหลอกลงทุนพุ่งเกือบ 8 เดือนแรกปี 68 เกิน 6,000 ครั้ง ส่งเรื่องปิดช่องทาง 3,036 บัญชี พบผ่านโซเซียลมีเดีย Facebook นำโด่ง สั่งปิดกั้นแล้ว 2,139 บัญชี

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดสถิติการดำเนินการของ “สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน” ในปี 2568 (1 ม.ค. - 15 ก.ย.68) ได้รับแจ้งเบาะแสหลอกลงทุน รวมทั้งสิ้น 6,354 ครั้ง ผ่านระบบรับแจ้งใน 6 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต.
(www.sec.or.th/scamalert) โทรศัพท์ (1207 กด 22) อีเมล (scamalert@sec.or.th) การเดินทางมายังสำนักงาน ระบบบริการสนทนา และไปรษณีย์

โดยมีบัญชีโซเชียลมีเดียเข้าข่ายหลอกลงทุนที่ประสานผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และหน่วยงานภาครัฐเพื่อปิดกั้น จำนวน 3,036 บัญชี โดยผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้ปิดกั้นไปแล้วร้อยละ 100 ภายในเวลา 7 นาที - 48 ชั่วโมง และให้คำปรึกษาในเรื่องการหลอกลงทุน จำนวน 3,318 ครั้ง
         

ทั้งนี้ การดำเนินการปิดกั้นช่องทางการหลอกลงทุนบนแพลตฟอร์มต่างๆ จะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ประชาชนรายอื่นตกเป็นเหยื่อถูกชักชวนหลอกลงทุน และมีกระบวนการตรวจสอบ ตั้งแต่ตรวจสอบข้อมูล เก็บพยานหลักฐาน เตรียมเอกสารและข้อมูลเพื่อใช้ในการปิดกั้น ติดต่อผู้แจ้งเบาะแสเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ค้นหาข้อมูลที่ได้รับจากการแจ้งเบาะแสเพิ่มเติม รวมถึงติดต่อผู้ถูกใช้ชื่อในการหลอกลงทุนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งการดำเนินการด้วยความรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นการหลอกลงทุนจริง และระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการปิดกั้นเกิดขึ้น 
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ทั้งในประเทศ และต่างประเทศในการป้องกันการถูกชักชวนหลอกลงทุนให้แก่ประชาชน ผู้ลงทุน และผู้ประกอบธุรกิจ และหน่วยงานในตลาดทุน ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในประเทศ
         

        (1) เปิดรับสายตรงจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30 – 24.00 น. เพื่อให้ประชาชนหรือผู้ลงทุนที่จะดำเนินการแจ้งความ และอายัดบัญชีกับ AOC 1441 แต่ยังไม่มั่นใจว่าถูกชักชวนหลอกลงทุนหรือไม่ ได้สอบถามข้อมูลก่อนการแจ้งความอายัดบัญชีเพื่อไม่ให้เกิดการแจ้งความเท็จเกิดขึ้น
        (2) เข้าร่วมศูนย์บริการเหตุการณ์แก๊งคอลเซนเตอร์ และด้านมนุษย์นานาชาติ (War Room) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยนำข้อมูลที่ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลงทุนในตลาดทุนได้มีการแจ้งความมาดำเนินการตามกระบวนการของ ก.ล.ต.
        (3) เพิ่มช่องทางการเข้าถึงข้อมูล SEC Check First บน Cyber Check* ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชน และผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบข้อมูลก่อนการลงทุน (สามารถดาวน์โหลดทั้งระบบ iOS และ Android)
        (4) เข้าร่วม/จัดกิจกรรม แคมเปญ หรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความตระหนักรู้ และป้องกันการถูกชักชวนหลอกลงทุนให้แก่ประชาชน ผู้ลงทุน และผู้ประกอบธุรกิจ และหน่วยงานในตลาดทุน ซึ่งมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น
โครงการ “เสริมเกราะป้องกันให้บัญชีด้วย Brand Rights Protection & Meta Verified”
โครงการให้ความรู้ภัยหลอกลวงออนไลน์ (Investment scam campaign) แคมเปญต้านภัยมิจฉาชีพออนไลน์ “Is This Legit?” และร่วมเสวนาในงานต่างๆ ร่วมกับ Meta Platform, Inc. และบริษัท เฟซบุ๊ก (ไทยแลนด์) จำกัด
แคมเปญ #คนไทยรู้ทัน ปี 2567 และ 2568 ร่วมกับบริษัท ติ๊กต๊อก เทคโนโลยีส์ จำกัด หรือ เจ้าของแอปพลิเคชัน TikTok
เสวนา Smart Senior 2025 “วัยเก๋า ลงทุนฉลาด สมาร์ตดิจิทัล” ร่วมกับบริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่