พุทธศักราช 2548 หรือคริสต์ศักราช 2005 เป็นปีที่ "บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)" เดินทางสู่ปีที่ 24 เป็นปีที่เต็มไปด้วยเรื่องราวหลากหลายอารมณ์ และมีสิ่งใหม่ ๆ ที่ทำให้คนนับล้านต้องทึ่ง มาดูว่าในปีนั้น ค่ายบันเทิงย่านลาดพร้าว ซอย 15 (ในขณะนั้น) มีอะไรเด็ด ๆ เด่น ๆ ดัง ๆ ดี ๆ ที่ทำให้หลายคนยังคงจดจำมิรู้ลืม
2548 ปีทองของอาร์เอส
"พี่บาวเจอน้องปาน" ปรากฏการณ์ฮิตชนิดพิเศษตลอดกาล
ช่วงหัวปี 2548 นักร้องหญิงเบอร์หนึ่ง "ปาน ธนพร" ออกอัลบั้มซีรีส์ไตรภาคที่รวบรวมเพลงดี-เพลงดังจากอัลบั้มก่อน ๆ พร้อมเพลงเพิ่มใหม่อีกหลายเพลง สานต่อความสำเร็จจากอัลบั้มนรกในใจ หลังจากนั้นบรรดาสาวกต่างรอคอยงานเพลงชุดต่อไปของเธอว่าจะออกมาสไตล์เดียวกันหรือไม่ กระทั่งช่วงท้ายปี งานเพลงใหม่จึงออกมาแบบเซอร์ไพรส์สุด ๆ เพราะมากับไอดอลเพื่อชีวิตระดับตำนานอย่าง "คาราบาว" ภายใต้โปรเจ็กต์ "หนุ่มบาว-สาวปาน" ที่แรก ๆ มีทีท่าว่าการจับคู่ครั้งนี้อาจจะไปไม่รอด แต่เมื่อเพลงจังหวะโจ๊ะ ๆ ในอัลบั้มถูกเปิดออกไป กลับโด่งดังระเบิดชนิดไม่มีใครไม่ได้ยิน ชาวนา-ชาวไร่ยันมหาเศรษฐี กระทั่งร้านคาราโอเกะแทบทุกแห่งพากันเปิดร้องกันถ้วนหน้า แม้จะเป็นเพียงอัลบั้มเฉพาะกิจ แต่มนต์ขลังบาว-ปานยังไม่จางหายไปจากโลกนี้ชั่วนิรันดร์
เปิดตัวอีสานแบนด์ "โปงลางสะออน" ในอ้อมอก "อาร์สยาม"
ถือเป็นศิลปินหน้าใหม่ที่มีสมาชิกมากที่สุดวงหนึ่ง นำโดย "อี๊ด-ลาล่า-ลูลู่" เดินทางจากจังหวัดกาฬสินธุ์มาทะลวงหัวใจแฟนเพลงทั่วประเทศ ด้วยลีลาการร้อง เต้น เล่นตลกแบบครบเครื่อง เปิดตัวด้วยคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกเมื่อ 20 สิงหาคม 2548 ผลตามมาคือการผลิตเทปคอนเสิร์ตจนขายได้ทะลุ 1 ล้านชุด ข้ามไปปี 2549 จึงได้ออกสตูดิโออัลบั้มภายใต้แบรนด์อาร์สยาม ทำให้มีเพลงฮิตติดหูมากมาย งานนี้เฮียฮ้อได้เศรษฐีภูธรเพิ่มมาอีกกลุ่มโดยบัดดล
"ลีเดีย" ดาวรุ่งแห่งวงการอาร์แอนด์บี
นักร้องสาวหน้าใหม่ที่ดูจะไม่ใหม่นักสำหรับคอเพลงบางคน เพราะเธอเคยออกอัลบั้มแนวกุ๊กกิ๊กในนามศิลปินดูโอตอนเด็ก ๆ แต่ก็ไม่โด่งดังนัก เมื่อกลับมาตอนเต็มสาววัย 18 "ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา" ก็ทำให้คนที่หลงใหลเพลงแนวอาร์แอนด์บีทึ่งในคุณภาพการเอื้อนเสียงของเธอ อัลบั้ม "ลีเดีย" จึงประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วจากบทเพลง "ว่างแล้วช่วยโทร.กลับ" ที่มี "ปอนด์-ธนา ลวสุต" รับหน้าที่โปรดิวเซอร์ ส่งผลให้เธอคว้ารางวัลนักร้องหญิงเดี่ยวยอดเยี่ยม จากงานสีสันอะวอร์ดส์ และได้ฉายา "เจ้าหญิงอาร์แอนด์บีเลือดใหม่" ทันที
"หิน เหล็ก ไฟ" กลับมาเรียกแรงศรัทธา
แยกตัวไปได้พักใหญ่ สมาชิกวง "หิน เหล็ก ไฟ" ยุคดั้งเดิมก็กลับมารวมตัวอีกครั้งด้วยแรงหนุนจากต้นสังกัด รวมถึงคอร็อกที่รอคอยงานเพลงชุดใหม่ อัลบั้ม "Never Say Die" คือผลงานเด่นในรอบปี แม้ว่ายอดขายเทปจะไม่แรงเท่าชุดก่อน ๆ แต่เพลงที่มีความหมายดี ๆ อย่าง "ศรัทธา" ก็กลายเป็นเพลงดังชั่วข้ามคืนไปอีกเพลงหนึ่ง พร้อมกันนั้นก็มีคอนเสิร์ต "Trilogy Rock Concert" ที่พี่โป่งประสาน 3 ขุมพลังคนดนตรีคือ ดิ โอฬาร โปรเจ็กต์, หิน เหล็ก ไฟ และ เดอะ ซัน มาครวญเพลงให้หายคิดถึงกัน ตำนานร็อกไม่มีวันตายยังคงใช้อยู่...ไม่ว่าฤดูหรือเวลาไหนก็ตาม
"ฟิล์ม รัฐภูมิ" ว่าที่ซุปตาร์เบอร์ 1 ของอาร์เอส
นักร้องคนใหม่ที่หล่อ เท่ สไตล์ T-Pop ละลายใจแฟน ๆ จากงานเพลงชุดแรกที่เปิดตัวด้วยเพลง "Say Hi!" ทำยอดขายเทปไปมากพอสมควร จากจุดนี้จึงมีงานต่าง ๆ รุมตอมเข้ามาไม่ขาดสาย ทั้งโฆษณา ละคร ภาพยนตร์ ฯลฯ เรียกว่าอาร์เอสได้เพชรเม็ดงามผู้มากความสามารถและทรงอิทธิพลอีกหนึ่งราย ก่อนที่ตัวเองจะหันเหไปทำงานด้านการเมืองและสังคมแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จดังใจหวัง
3 เหลือ 2 "แดน-บีม" บ่ยั่นทำเทปต่อ
แม้ว่าหนึ่งหนุ่มในดีทูบีอย่างนายบิ๊กจะยังมีอาการไม่แน่นอน สมาชิกที่เหลืออยู่คือนายแดนกับนายบีมจึงหาทางเพื่อจะเรียกความนิยมจากแฟนคลับกลับคืนมา ในที่สุดจึงเร่งออกงานเพลงชุดใหม่ในนามนักร้องดูโอ "แดน-บีม" พลาง ๆ ไปก่อน มีเพลงฮิตสุดไพเราะอย่าง คิดมาก และยังมีอีกเพลงที่น่าสนใจเช่น ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย ที่เสมือนจะอวยพรให้นายบิ๊กพ้นขีดอันตรายอย่างปาฏิหาริย์ ถือเป็นอีกผลงานที่ควรค่าแก่การฟังไม่น้อยกว่าสมัยเป็นดีทูบี
หายใจก็ "โฟร์-มด" ดูโอใหม่มาแรงแห่งปี
เปิดตัวดูโอวัยทีนอีกคู่ของอาร์เอส "โฟร์-ศกลรัตน์ วรอุไร" กับ "มด-ชุติมณฑน์ ชัยรัตน์" (ชื่อในขณะนั้น) จากโนเนมที่เคยกินใจวัยรุ่นช่วงหนึ่ง กลายเป็นศิลปินคู่ที่เป็นความหวังของวงการเพลงแนวลูกกวาด แค่บทเพลง "หายใจเป็นเธอ" เพลงเดียวก็ขายดีเทน้ำเทท่าทันที สมกับที่ "พี่เจมส์ เรืองศักดิ์" ผู้ดูแลงานชุดแรกของพวกเธอหมายมั่นปั้นมืออย่างได้ผล มิน่าล่ะ...ถึงหายใจเป็นเงิน!!!
"จอมขมังเวทย์-อหิงสาฯ-พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า" หนังเด่นแห่งปี
ภายหลังจากยุบงานเทเลมูฟวี่ แต่งานมูฟวี่จอยักษ์ก็ทำท่าจะไปได้ดี สังเกตจาก 3 ใน 5 เรื่องที่อาร์เอสนำมาฉายในรอบปีก็ทำชื่อเสียงให้ประเทศชาติและนานาชาติอย่างภาคภูมิ เรื่อง "จอมขมังเวทย์" ก็คว้ารางวัลสุพรรณหงส์ สาขาผู้แสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) ส่วน "พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า" ของผู้กำกับหน้าใหม่ ยอร์ช ฤกษ์ชัย ก็กลายเป็นหนังตลกทำเงินสูงสุดในรอบปี แม้เป็นรองเพียงหลวงพี่เท่ง และ "อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม" กลายเป็นตัวแทนหนังไทยไปประกวดรางวัลออสการ์ ขณะที่หนังที่ขายดาราดัง ๆ อย่าง "เดอะเมีย" และ "เพราะรักครับผม" กลับวูบสนิท แต่ยังสู้ต่อไปเพื่อวงการหนังไทย
อาร์เอสสยายปีก ร่วมทุน 300 ล้าน ปั้น "ดาราเดลี่" นสพ.รายวัน
นับว่าโชคดีสำหรับอาร์เอส เก่งเรื่องเพลงอยู่แล้ว ทำหนังก็ไม่น้อยหน้า ลุยงานวิทยุ-ทีวีก็มีคนชื่นชอบ จนกระทั่งมีข่าวมาว่า..อาร์เอสจะทำหนังสือพิมพ์รายวันก็เป็นที่ตื่นตัวกันยกใหญ่ และแล้วความฝันก็คือความจริง โดยจับมือกับนักข่าวปากกาคมอย่าง "ต้อย แอ๊คเน่อร์" ที่แยกตัวจากมายาแชนแนล ร่วมกันทำ "ดาราเดลี่" ให้เป็นหนังสือพิมพ์ข่าวบันเทิงรายวันชนิดเจาะลึกทุกแง่มุม ด้วยราคา 10 บาท พิมพ์จำหน่าย 3 แสนเล่ม แค่ฉบับปฐมฤกษ์ (19 ก.ย. 48) เล่นเจาะข่าว "อากู๋ แกรมมี่ ฮุบสื่อ" กับ "แหม่ม คัทลียา ตั้งท้อง" ก็ทำยอดขายและผู้อ่านทะลุเป้า รั้งตำแหน่งที่ 1 ในหมวดหนังสือพิมพ์บันเทิง ก่อนจะขายดีเรื่อย ๆ จนมาแตกคอ-ต่างคนต่างไป หลังร่วมกันทำได้เพียง 3 ปีเท่านั้น
ละครโทรทัศน์จากอาร์เอสที่ออกอากาศในปี 2548 : พี่น้อง 2 เลือด, เทพธิดาโรงงาน, 2+1 แกร่งเกินพิกัด, รถด่วนขบวนสุดท้าย, คนละวัยหัวใจเดียวกัน, ฮอยอันฉันรักเธอ, รักของนายดอกไม้, ย.ยักษ์ยอดยุ่ง, สุภาพบุรุษ-ีนควาย, ดื้อนักรักเลย, หัวใจลัดฟ้า, หักเหลี่ยมรัก, รักบานฉ่ำ, นายกระจอก, จ๊ะเอ๋...เบบี้
ขอให้ทุกท่านย้อนรำลึกอย่างมีความสุข...สวัสดี.
รื้อเรื่องเก่า : มีอะไรเด่น อะไรดัง ใน "อาร์เอส" ปี 2005 (ติ่งแกรมมี่ก็อ่านได้นะ)