เฟดเหยียบคันเร่ง “ลดดอกเบี้ย” หุ้นไทยยิ้ม เงินเตรียมไหลเข้าเพียบ เช็ก 8 หุ้นปันผล เรียงแถวเตรียมรับเงินก่อน
.
สหรัฐฯ ปรับลดดอกเบี้ยตามคาดหวังจากคณะกรรมการ FOMC ที่มีมติ 11 ต่อ 1 ให้ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.25% ด้วยเหตุผลหลักๆ จากตลาดแรงงานอ่อนตัว หลังอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% สูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี บวกกับตัวเลขการจ้างงานที่ลดลงอย่างหนัก และมีโอกาสจะปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้มากกว่าปกติ
.
นักวิเคราะห์มองว่า ภาพดังกล่าวจะส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นอีกครั้ง ในยามที่ดอกเบี้ยมีทิศทางการปรับตัวลดลงเร็วและแรง ซึ่งตลาดหุ้นไทยมีความโดดเด่น เพราะอัตราผลตอบแทนจากกำไรของตลาดหุ้นโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นในหลายประเทศ
.
บล.เอเซีย พลัส ชี้ว่า ตลาดหุ้นไทยเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ หลังจากนี้ FED มีโอกาสลดดอกเบี้ยมากกว่าประเทศอื่นๆ ในโลก ในช่วงที่เหลือของปีคาดหวัง 2 ครั้ง ส่วนประเทศอื่นๆ คาดว่าอาจจะคงดอกเบี้ย หรือลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งเท่านั้นในช่วงที่เหลือของปี
.
ทำให้คาดหวังว่าเม็ดเงินจากตราสารหนี้จะไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในฝั่งเอเชีย ที่มีระดับ Market Earning Yield เด่นกว่าฝั่งตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว โดยไทยอยู่ระดับสูงถึง 6.7% ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ อย่าง S&P500 และ NASDAQ ที่อยู่ระดับ 4.1% และ 3.1% ตามลำดับ
.
ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนในยามที่ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ลงเร็วและแรงกว่าประเทศอื่นๆ แนะนำหุ้นปันผลเด่น อย่าง ICHI, TISCO, CPF, AP, PTT, WHA, ADVANC, BDMS
.
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำให้นักลงทุนเล่นหุ้นในกลุ่มปันผล มองเป็นจังหวะ Buy on Dip บางอุตสาหกรรมในกลุ่ม ‘Yield Play’ เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่ม ‘Yield Play’ โดยเฉพาะการถือครองระยะกลาง-ยาว
.
จึงเป็นโอกาส ‘Buy on dip’ หากหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง เช่น REITs & IFFs ย่อตัวลงในระยะสั้น ทั้งนี้ คาดว่าแรงเก็งกำไรหลักจะเกิดขึ้นในกลุ่ม ‘Domestic Play’ ในช่วงที่เหลือของเดือน ก.ย. เพื่อเก็งกำไรปัจจัยในประเทศคือการฟอร์มทีมและการประกาศนโยบายของรัฐบาลใหม่ แนะนำสะสมหุ้นในกลุ่มค้าปลีก, ธนาคารพาณิชย์, Home Improvement, รับเหมาก่อสร้าง, อสังหาฯ และท่องเที่ยว
เฟดเหยียบคันเร่ง “ลดดอกเบี้ย” หุ้นไทยยิ้ม เงินเตรียมไหลเข้าเพียบ เช็ก 8 หุ้นปันผล
.
สหรัฐฯ ปรับลดดอกเบี้ยตามคาดหวังจากคณะกรรมการ FOMC ที่มีมติ 11 ต่อ 1 ให้ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.25% ด้วยเหตุผลหลักๆ จากตลาดแรงงานอ่อนตัว หลังอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% สูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี บวกกับตัวเลขการจ้างงานที่ลดลงอย่างหนัก และมีโอกาสจะปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้มากกว่าปกติ
.
นักวิเคราะห์มองว่า ภาพดังกล่าวจะส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นอีกครั้ง ในยามที่ดอกเบี้ยมีทิศทางการปรับตัวลดลงเร็วและแรง ซึ่งตลาดหุ้นไทยมีความโดดเด่น เพราะอัตราผลตอบแทนจากกำไรของตลาดหุ้นโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นในหลายประเทศ
.
บล.เอเซีย พลัส ชี้ว่า ตลาดหุ้นไทยเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ หลังจากนี้ FED มีโอกาสลดดอกเบี้ยมากกว่าประเทศอื่นๆ ในโลก ในช่วงที่เหลือของปีคาดหวัง 2 ครั้ง ส่วนประเทศอื่นๆ คาดว่าอาจจะคงดอกเบี้ย หรือลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งเท่านั้นในช่วงที่เหลือของปี
.
ทำให้คาดหวังว่าเม็ดเงินจากตราสารหนี้จะไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในฝั่งเอเชีย ที่มีระดับ Market Earning Yield เด่นกว่าฝั่งตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว โดยไทยอยู่ระดับสูงถึง 6.7% ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ อย่าง S&P500 และ NASDAQ ที่อยู่ระดับ 4.1% และ 3.1% ตามลำดับ
.
ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนในยามที่ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ลงเร็วและแรงกว่าประเทศอื่นๆ แนะนำหุ้นปันผลเด่น อย่าง ICHI, TISCO, CPF, AP, PTT, WHA, ADVANC, BDMS
.
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำให้นักลงทุนเล่นหุ้นในกลุ่มปันผล มองเป็นจังหวะ Buy on Dip บางอุตสาหกรรมในกลุ่ม ‘Yield Play’ เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่ม ‘Yield Play’ โดยเฉพาะการถือครองระยะกลาง-ยาว
.
จึงเป็นโอกาส ‘Buy on dip’ หากหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง เช่น REITs & IFFs ย่อตัวลงในระยะสั้น ทั้งนี้ คาดว่าแรงเก็งกำไรหลักจะเกิดขึ้นในกลุ่ม ‘Domestic Play’ ในช่วงที่เหลือของเดือน ก.ย. เพื่อเก็งกำไรปัจจัยในประเทศคือการฟอร์มทีมและการประกาศนโยบายของรัฐบาลใหม่ แนะนำสะสมหุ้นในกลุ่มค้าปลีก, ธนาคารพาณิชย์, Home Improvement, รับเหมาก่อสร้าง, อสังหาฯ และท่องเที่ยว