ก่อนจะถาม ขอเล่ารายละเอียดก่อน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมกับแฟนคบกันมา 13 ใกล้จะ 14 ปี ก่อนหน้านี้11 ปีมีความสุขกันมากมาตลอด ทะเลาะกันน้อยมากๆ ในช่วงปีที่ 12 มีปัญหาเรื่องงาน และ ครอบครัวของทางแฟน ต้องเข้ารับการตรวจจากทางโรงพยาบาลบ่อยครั้งในแต่ละเดือน งานก็ค่อนข้างเยอะ กลับบ้านก็ดึก (เราทำงานที่เดียวกันไปกลับด้วยกันตลอด)
ในตอนช่วง 11 ปีแฟนขับรถไม่เป็น หากพ่อแม่เค้าต้องการจะไปโรงพยาบาล ผมจะเป็นคนพาไป แต่มีช่วงที่ผมต้องเข้ารับการผ่าตัดในโรงพยาบาลและต้องนอนโรงพยาบาลราว 2 อาทิตย์ และแฟนลำบากในการเดินทางไปทำงานและกลับมานอนเฝ้าไข้ผมที่โรงพยาบาลผมเลยคิดว่าต้องให้แฟนลองหัดขับรถหลังจากออกมา(แฟนมีใบขับขี่อยู่แล้วจากการไปเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถแค่ไม่ได้ขับเลยหลังจากมีใบขับขี่) ผมก็ช่วยแนะนำช่วยสอนเค้าจนเขาขับรถได้ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มที่จะพาพ่อแม่ของเขาไปโรงพยาบาลเอง ในช่วงแรกผมก็รู้สึกว่าตัวเองได้พัก แต่พอเริ่มเห็นเขาเริ่มเหนื่อยจากหลายๆทาง ผมเลยท้วงติงการกระทำของเขา ในความคิดลึกๆก็แค่อยากให้เขาได้พักบ้าง แต่ในมุมของเขาคือเขายอมเหนื่อยเพื่อพ่อแม่ของเขา เขาทนได้ จนทำให้มีการทะเลาะกันจากเรื่องเล็กๆหลายครั้งจากที่ไม่เคยทะเลาะกันเลย ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าปัญหาอะไรมันรุมเร้าเข้ามาทั้งผมและแฟน ทำให้เราทั้ง 2คนเริ่มเปลี่ยนไป แฟนผมเริ่มนอนไม่หลับ เริ่มขอแยกกลับไปพักที่บ้านพ่อแม่และในที่ทำงานสังคมก็เริ่มแยกกัน เขาเริ่มมีกลุ่มของตัวเอง มีผู้ชายในกลุ่มเทคแคร์เค้าทำให้เค้าหวั่นไหว(เขาบอกผมในช่วงที่เราปรับความเข้าใจกัน) จนมีเรื่องที่บานปลายเค้าแอบไปเที่ยวทะเลกัน 2คน แต่มีน้องที่ทีมทราบเรื่องแล้วแจ้งผม ในส่วนของตัวผู้ชายที่เข้ามาผมคิดเองนะว่างน้องเขาอาจจะสนิทกันแบบพี่น้องจริงๆ เพราะถ้าน้องเขาไม่หลุดพูดจนคนในทีมทราบเรื่องแล้วแอบไปกัน 2คนเรื่องก็คงไม่มาถึงผม และในวันที่เขาไปผมก็ตัดสินใจบอกว่า ให้เขาเลือกว่าจะกลับมาเคลียปัญหา หรือจะเลิกกันเลย สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะกลับมา และเราคุยกันนานหลายชั่วโมง จนได้ข้อสรุปประมาณว่า เรื่องนี้เขาเป็นคนผิด เพราะฉะนั้นเขาต้องเป็นคนปรับตัวกลับมาเป็นคนเดิมที่เคยรักกันมากๆมาตลอด ส่วนตัวผมก็มีความระแวง และมีกำแพงบางอย่างมาตลอดราวๆ 8-9เดือนถัดมา ผมบอกเค้าว่าผมยังไม่รู้สึกเลยนะว่าเราเหมือนเดิม แต่ผมขอออกตัวก่อนนะครับแม้ว่าผมจะมีกำแพงบางอย่างแต่ในหน้าที่ของแฟน ผมไม่เคยขาดตกบกพร่อง อะต่อครับ ผมเลยบอกว่าถ้างั้นเราควรจะมาปรับกันเป็นรายเดือนแทนนะเรามีคุยกันว่าตรงไหนที่ยังไม่ใช่ ตรงไหนที่ยังต้องปรับซัก 3 เดือนเราค่อยมาดูความคืบหน้ากันผ่านมา 3เดือนเหมือนมันจะยิ่งแย่ลงแฟนกลับบ้านบ่อยขึ้น และในเดือนที่ 3ในวันเกิดผมแฟนก็อวยพรแปลกๆ บอกว่าดูแลพ่อแม่ดีๆนะ ดูแลแมวที่เลี้ยงดีๆนะ ผมก็เอะใจตั้งแต่ตอนนั้น แต่เขายังไม่คุยผ่านมาอีกราว 10วันเขาก็บอกเลิกผม เขาบอกว่าเขาคิดมาแล้วว่าเขากลับไปรู้สึกกับผมแบบคนรักคนที่อยากมีสัมพันธ์แบบนั้นไม่ได้และยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งรู้สึกอึดอัด ในตอนนั้นทำให้ผมรู้สึกว่ารอบนี้คงจะจบแล้วจริงๆ แต่ด้วยความที่คบกันมานานมากๆมันเลยมีปัจจัยหลายๆอย่างผมเลยเสนอไปว่า ผมขอว่าให้ตอนนี้เราห่างกันไปก่อนเฉยๆได้มั้ย ยังคงสถานะไว้ก่อน ถ้าเขากลับไปอยู่บ้านโดยไม่มีผมในชีวิตเขา ไม่ทักไม่คุยกันเขาจะรู้สึกดีกว่าตอนนี้มั้ย หลังจากคุยกันก็ได้ข้อสรุปตามนั้น ในช่วงเวลานั้นผมทำใจแล้วว่าคงไม่ได้แล้วจริงๆ แม้ผมจะยังรู้สึกรักและเป็นห่วงเขามากแค่ไหน เขาก็คงไม่รู้สึกแล้ว แต่หลังจากผ่านมาแค่ 1วัน เขาทักมาบอกว่า เขาไม่โอเคเลยกับการที่ไม่มีผมอยู่แบบนี้อย่างน้อยๆเขายังอยากรู้ว่า ผมถึงที่ทำงานแล้วกลับถึงบ้านแล้วได้มั้ย ผมรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมต้องคว้าเอาไว้หากผมยังอยากมีเค้าอยู่ ผมเลยบอกว่าผมก็รู้สึกแย่มากเหมือนกันมีวิธีอื่นมั้ย เค้าเลยเสนอมาว่า เค้าอยากคุยกับผมในโซเชียลแบบปกติ แต่ขอกลับไปอยู่บ้านแยกกันอยู่แต่ยังรับรู้ชีวิตของกันและกัน ส่วนผมก็กลับมาคิดว่า ถ้าเราห่างกันไปเลยเราจะได้รู้ความรู้สึกของตัวเองแต่ถ้าสุดท้ายแล้วมันรับไหวเราจะจากกันจริงๆ ทำให้ผมตัดสินใจรับข้อเสนอที่ตกลงร่วมกัน
คำถาม จากรายละเอียดที่ผมเล่าไป ผมอยากรู้ว่ามันเป็นไปได้มั้ยครับที่เราจะกลับมารักกันได้แบบเดิม และผมควรจะทำตัวยังไงบ้างในช่วงเวลาอ่อนไหวตรงนี้ ผมไม่เคยเจอสถานะการนี้มาก่อนเลยทำตัวไม่ถูก ในส่วนของผม ผมพยายามอย่างเต็มที่แน่นอน
อยากประคองความสัมพันธ์ กับคนที่ยังมีความรู้สึกดีๆให้กัน แต่มีกำแพงที่ตัวเค้าก็ไม่เข้าใจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำถาม จากรายละเอียดที่ผมเล่าไป ผมอยากรู้ว่ามันเป็นไปได้มั้ยครับที่เราจะกลับมารักกันได้แบบเดิม และผมควรจะทำตัวยังไงบ้างในช่วงเวลาอ่อนไหวตรงนี้ ผมไม่เคยเจอสถานะการนี้มาก่อนเลยทำตัวไม่ถูก ในส่วนของผม ผมพยายามอย่างเต็มที่แน่นอน