ธุรกิจสีเขียว... โอกาสสร้างรายได้จาก Green Service

หลายปีก่อนตอนไปเยอรมัน ทันทีที่เราทิ้งขวดน้ำดื่ม เป็นขวดพลาสติก มีคนวิ่งมาเก็บทันที
เราเป็นงง ก็เลยเข้าไปพูดคุย เขาบอกว่า เขานำมันไปขายได้ราคาเกือบครึ่งหนึ่ง
ของราคาน้ำที่เราซื้อมาเชียวนะ จึงได้ข้อสรุปว่า กติกาใหม่ ได้เปลี่ยน mindset คนในสังคม
จากขยะคือ สิ่งที่ต้องทิ้ง เป็น ขยะคือสิ่งที่ต้องรีบเก็บ เพราะมันมีค่า

ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับ Bio-Circular-Green Model (BCG)
Bio (ชีวภาพ)  Circular (การนำมาหมุนเวียนใช้ซ้ำ)  Green (เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม)
ถึงขนาดให้สิทธิทางภาษีแก่ธุรกิจแนวนี้  และกลายเป็นเกณฑ์ตัดสินใจเลือกสินค้านำเข้า
หากคุณส่งออกวัตถุดิบไปต่างประเทศ
คุณจะได้เปรียบถ้ากระบวนการผลิตเป็นแนวรักษ์โลก ตรงกับเกณฑ์ที่ประเทศรับซื้อกำหนด
โดยผู้ประกอบการที่นั่น ก็ได้สิทธิพิเศษทางภาษีเช่นกันหากเลือกใช้ของที่มาจากโมเดล BCG
การทำสิ่งออก จึงไม่ใช่ทำราคาให้ถูกกว่าประเทศอื่น แต่คือ การออกแบบวิธีการผลิต
ที่รักษ์โลก มากกว่าประเทศอื่น

ตัดกลับมาที่ประเทศไทย สิ่งที่เป็นอยู่คือ
1. ไม่มีการจัดวางถังขยะแบบแยกประเภทอย่างทั่วถึง
เช่น ตามหมู่บ้านจัดสรร ยังใช้ถังใบเดียวสำหรับทิ้งขยะทุกชนิด

2. ขาดการให้ความรู้กับสังคม ว่าการแยกขยะ คือ อุปนิสัยที่ศิวิไล ควรปลูกฝัง
ระดับ รมต ควรออกมาพูดกับสื่อมวลชน และผลิต VDO เผยแพร่ผ่านสื่อโซเชี่ยล
จะว่าจ้างอินฟลูด้วยก็ไม่ว่ากัน เช่น ติ๊กต๊อกเก้อคนใด ให้ข้อมูลเรื่องนี้กับประชาชน
รัฐจะลดภาษีรายได้ให้ทันที

3.  ผู้ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับขยะ ไม่มีรายได้มั่นคง และขาดสิทธิพิเศษจูงใจ
มีโอกาสคุยกับคุณยายคนหนึ่ง เมื่ออายุมากขึ้ร ไม่สามารถทำอาชีพเดิม สายตาไม่เหมือนเดิม
แกจึงหันมาเก็บขยะรีไซเคิ่ล แต่ปัญหาคือ แกต้องเก็บขยะไว้จำนวนมาก โดยไม่แน่นอน
ว่าเมื่อใด รถจากโรงงานแยกขยะ จะมารับซื้อไป แกบอกว่า รถมาบ้าง ไม่มาบ้าง
จะให้แกซื้อรถขับไปขายเอง ก็คือต้นทุนที่สูงเกินรับไหว

ด้วยเหตุนี้  ช่องโหว่ ในแต่ละจังหวัด คือ มีผู้ประกอบการรายใหญ่ รอรับซื้อขยะรีไซเคิ่ล
แต่พวกเขาไม่อาจเข้าถึงชุมชนได้ทั่วถึง นอกจากว่า ชาวบ้านต้องเอาขยะใส่ซาเล้ง ไปขายเอง
จึงเป็นที่มาของอาชีพ ตัวกลางรับซื้อขยะ เพื่อนำไปขายต่อให้กับรายใหญ่ของจังหวัด หรือ อำเภอ
โดยจะเจรจาราคารับซื้อจากรายใหญ่ เพื่อกำหนดราคารับซื้อจากชาวบ้าน เกิดส่วนต่าง = กำไร

อาจเกิดข้อกังขาว่า ทำงานกับขยะ สกปรก ชีวิตต่ำตม
เปล่าเลย ตอนอยู่ที่อังกฤษ สำหรับขยะรีไซเคิ่ล เราต้องล้างทำความสะอาดและจัด ก่อนทิ้งลงถัง จนเป็นนิสัย
แต่ที่นั่น ขยะก็ขายไม่ได้เช่นกัน เพียงแต่มีรถเทศบาลมารับจากถังขยะแยก ขยะเปียก ขยะแห้ง ซึ่งวางให้ทุกบ้าน

สนใจธุรกิจรับซื้อขยะในไทย อาจเริ่มต้นที่
1. มีรถกระบะเก่า 1 คัน + ตาชั่ง
2. ทำตารางรายเดือน
ระบุ วันที่ เวลา จุดรับขยะ ราคาขยะประเภทที่รับซื้อ เป็นโปสเตอร์ ต่อ 1 ตำบล
พร้อมถ่ายวิดิโอ แสดงวิธีทำความสะอาดและจัดแยกขยะ ก่อนนำมาขาย
โพสต์โปสเตอร์ ตารางนัดรับซื้อ และวิดิโอ ลงโซเชี่ยลกลุ่มชุมชนนั้นๆ
รวมถึงขอความร่วมมือบุคคลที่เป็นที่รู้จักในชุมชนช่วยแชร์ประชาสัมพันธ์

สิ่งที่รับซื้อ คือ พลาสติก โลหะ ที่สะอาดพอควรและคัดแยกแล้ว
แม้ราคาไม่ได้แพง แต่สำหรับคนทั่วไป ก็ดีกว่า
ทิ้งไปแบบไม่ได้อะไรกลับมา  เด็กๆ จะรู้สึกอยากเก็บขยะมากขึ้น

คุณ คือ พ่อค้าคนกลางที่รับซื้อขยะชุมชน ไปขายต่อ ณ โรงงานแยกขยะ
1 วัน รับซื้อตามจุดต่างๆ ภายใน 1 ตำบล
ทำงาน 22 วัน  = 22 ตำบล ต่อเดือน
ทำรายได้ราว 200 บาท/รอบ หรือ 1000 บาท/วัน  ทำงาน 22 วัน/เดือน
รายได้คือ 22,000 บาท หักค่าน้ำมันรถราว 4000 บาท ต่อเดือน

ผลพลอยได้  
เช่น ลูกบางคนอยากขายโซฟา โต๊ะ ตู้เย็น
คุณอาจเป็นผู้โพสต์ขายเฟอร์นิเจอร์มือสอง พร้อมให้บริการส่งถึงบ้าน
รวมถึงเพิ่มมูลค่าของเก่า เช่น ซ่อมแซม ทาสี เปลี่ยนผ้าคลุม
แล้วขายในราคาสูงขึ้น อุปกรณ์แต่งที่สั่งออนไลน์ได้

ก้าวไปอีกขั้น วางถังขยะรับขยะรีไซเคิ่ลตามจุดต่างๆ
มีแบรนด์บริษัทของคุณเอง แต่ต้องขออนุญาตเจ้าของสถานที่
และรัฐบาลท้องถิ่นด้วย

การทำธุรกิจแนวนี้ ต้องมีการทำสื่อประชาสัมพันธ์ที่ดี
มารับขยะให้ตรงจุด ตรงเวลา
ที่สำคัญ สิ่งที่ขับเคลื่อนงาน คือ อุดมการณ์รักษ์โลก
ถ้าคุณรู้สึกว่า สิ่งที่ทำ ไม่ใช่แค่เพื่อรายได้ แต่เพื่อให้โลกนี้น่าอยู่
รายรับสำคัญ นอกจากเงิน ก็คือความสุข
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่