คอนเสิร์ตพิเศษ "SM CLASSICS LIVE 2025 in TOKYO" เพื่อฉลองครบรอบ 30 ปี SM ENTERTAINMENT ได้จัดขึ้นที่ Tokyo International Forum Hall A โดย SM Classics เป็นค่ายเพลงคลาสสิกและแจ๊สที่เปิดตัวในปี 2020 ซึ่งได้นำเพลง K-POP ยอดนิยมมาเรียบเรียงใหม่ในรูปแบบออร์เคสตราและดนตรีคลาสสิกเพื่อนำเสนอเสน่ห์ใหม่ๆ บนเวทีนี้ ผู้ชมจะได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์และมรดกทางดนตรีตลอด 30 ปีของ SM ผ่านเสียงอันไพเราะของวงออร์เคสตราเต็มวง
คอนเสิร์ตครั้งนี้ได้ คุณฮิเดอากิ มัตสึมูระ มาเป็นวาทยากร และ New Japan Philharmonic Orchestra มาร่วมบรรเลง สร้างสรรค์พื้นที่ทางดนตรีที่น่าประทับใจ นอกจากนี้ อีทึก จากวง SUPER JUNIOR ยังได้ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ หรือ "ผู้นำทางดนตรี" โดยเล่าเรื่องราวเบื้องหลังและเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของแต่ละเพลง ทำให้การแสดงเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง แม้แต่ผู้ชมที่ไม่คุ้นเคยกับคอนเสิร์ตคลาสสิกก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย
และยังมี รยออุค จาก SUPER JUNIOR มาเป็นนักร้องรับเชิญพิเศษ โดยนำเพลง "The Little Prince" และ "It's okay" มาร้องในเวอร์ชันออร์เคสตรา ด้วยเสียงที่นุ่มนวลแต่ทรงพลังที่สะกดผู้ชมได้อย่างอยู่หมัด
ในคอนเสิร์ตนี้ เพลงที่เป็นตัวแทนของ SM ENTERTAINMENT ได้ถูกนำมาผสมผสานกับดนตรีคลาสสิกจนเกิดเป็นเสียงใหม่ๆ ที่น่าทึ่ง
เพลง "Growl" ของ EXO ได้นำองค์ประกอบจาก Symphony No. 5 "Destiny" ของ Beethoven มาผสมผสาน และปรับโครงสร้างจังหวะดั้งเดิมให้เป็นรูปแบบดนตรีคลาสสิก
เพลง "Rising Sun" ของ TVXQ! ได้รวมกับ "The Four Seasons (Summer) 3rd movement" ของ Vivaldi ทำให้เกิดความรู้สึกเร่งรีบและมีเรื่องราวดราม่า
เพลง "Feel My Rhythm" ของ Red Velvet ได้นำ "Air on the G String" ของ Bach มาใช้ แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างดนตรีคลาสสิกและป๊อป
เพลง "Into The New World" ของ Girls' Generation ได้นำ "Pomp and Circumstance" ของ Elgar มาใช้ในการเรียบเรียงที่ยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการยกย่องประวัติศาสตร์ของวง
นอกจากนี้ยังมีการแสดงเพลงอื่นๆ เช่น "Tree" ของ BoA, "Black Mamba" ของ aespa, "Make A Wish (Birthday Song)" ของ NCT U และ "Sherlock (Clue + Note)" ของ SHINee ซึ่งเป็นการผสมผสานที่หลากหลายระหว่างดนตรีคลาสสิกและ K-POP
"SM CLASSICS LIVE" ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่นครั้งนี้ ถือเป็นคอนเสิร์ตที่น่าจดจำ ซึ่งทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับมรดกทางดนตรีของ SM ENTERTAINMENT ในรูปแบบใหม่ และเป็นค่ำคืนที่เหมาะสมกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีอย่างแท้จริง
ที่มา:
Korepo
LEETEUK และ RYEOWOOK นำทีม! 'SM CLASSICS LIVE 2025' ครั้งแรกในญี่ปุ่น
คอนเสิร์ตครั้งนี้ได้ คุณฮิเดอากิ มัตสึมูระ มาเป็นวาทยากร และ New Japan Philharmonic Orchestra มาร่วมบรรเลง สร้างสรรค์พื้นที่ทางดนตรีที่น่าประทับใจ นอกจากนี้ อีทึก จากวง SUPER JUNIOR ยังได้ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ หรือ "ผู้นำทางดนตรี" โดยเล่าเรื่องราวเบื้องหลังและเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของแต่ละเพลง ทำให้การแสดงเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง แม้แต่ผู้ชมที่ไม่คุ้นเคยกับคอนเสิร์ตคลาสสิกก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย
และยังมี รยออุค จาก SUPER JUNIOR มาเป็นนักร้องรับเชิญพิเศษ โดยนำเพลง "The Little Prince" และ "It's okay" มาร้องในเวอร์ชันออร์เคสตรา ด้วยเสียงที่นุ่มนวลแต่ทรงพลังที่สะกดผู้ชมได้อย่างอยู่หมัด
ในคอนเสิร์ตนี้ เพลงที่เป็นตัวแทนของ SM ENTERTAINMENT ได้ถูกนำมาผสมผสานกับดนตรีคลาสสิกจนเกิดเป็นเสียงใหม่ๆ ที่น่าทึ่ง
เพลง "Growl" ของ EXO ได้นำองค์ประกอบจาก Symphony No. 5 "Destiny" ของ Beethoven มาผสมผสาน และปรับโครงสร้างจังหวะดั้งเดิมให้เป็นรูปแบบดนตรีคลาสสิก
เพลง "Rising Sun" ของ TVXQ! ได้รวมกับ "The Four Seasons (Summer) 3rd movement" ของ Vivaldi ทำให้เกิดความรู้สึกเร่งรีบและมีเรื่องราวดราม่า
เพลง "Feel My Rhythm" ของ Red Velvet ได้นำ "Air on the G String" ของ Bach มาใช้ แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างดนตรีคลาสสิกและป๊อป
เพลง "Into The New World" ของ Girls' Generation ได้นำ "Pomp and Circumstance" ของ Elgar มาใช้ในการเรียบเรียงที่ยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการยกย่องประวัติศาสตร์ของวง
นอกจากนี้ยังมีการแสดงเพลงอื่นๆ เช่น "Tree" ของ BoA, "Black Mamba" ของ aespa, "Make A Wish (Birthday Song)" ของ NCT U และ "Sherlock (Clue + Note)" ของ SHINee ซึ่งเป็นการผสมผสานที่หลากหลายระหว่างดนตรีคลาสสิกและ K-POP
"SM CLASSICS LIVE" ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่นครั้งนี้ ถือเป็นคอนเสิร์ตที่น่าจดจำ ซึ่งทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับมรดกทางดนตรีของ SM ENTERTAINMENT ในรูปแบบใหม่ และเป็นค่ำคืนที่เหมาะสมกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีอย่างแท้จริง
ที่มา: Korepo