เช้าวันนั้น—
ยามินทร์เดินไปที่ห้องพักของมัชฌาในโรงแรม บรรยากาศเช้านั้นดูไม่สดใสเอาซะเลย
เขาเคาะประตูอยู่พักใหญ่ ไม่มีเสียงตอบรับ มือที่แตะบานไม้เย็นเยียบจนปลายนิ้วชา
“ไม่ได้ล็อก?”
เมื่อเข้าไปในห้อง เครื่องปรับอากาศยังคงทำงาน แต่ห้องกลับว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยมัชฌา ข้าวของทุกอย่างยังคงอยู่กับที่เหมือนเมื่อวาน กระเป๋าเดินทางก็ยังอยู่ แต่เตียงไม่มีร่องรอยของการนอน
มินรีบลงไปถามพนักงานต้อนรับ หญิงวัยกลางคนยกหัวจากหน้อจอคอมพิวเตอร์ มองเขาด้วยสายตาแปลกใจ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“เมื่อคืนราวหนึ่งทุ่ม เห็นคุณมัชออกไปข้างนอก…ไม่ได้เอาสัมภาระไปด้วยนะคะ”
นี่แหละขอดีของคนอัธยาศัยดีอย่างมัชฌา มาอยู่ไม่กี่วันพนักงานก็จำกันได้หมด
แม้จะคิดอย่างนั้นแต่หัวใจมินกับหวิวโหวง รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกำลังพรากเพื่อนสนิทอีกคนไปจากเขา
เขารีบโทรหา โทรซ้ำแล้วซ้ำเล่า—แต่ปลายสายกลับบอกว่า “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
เสียงสัญญาณตัดห้วนเหมือนตอกย้ำความว่างเปล่าในอก
เขาตรงไปหาพลบในทันที
“มัชหายไป…! ติดต่อไม่ได้เลย” มินพูดอย่างร้อนรน
พลบชะงักไปชั่วครู่ ก่อนพูดเสียงต่ำเย็น
“หรือว่า…เขาจะหายไปเหมือนอุษา”
คำพูดนั้นทำให้ร่างมินสะท้านราวถูกฟาดกลางอก
ในหัวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวปนสิ้นหวัง แต่ยังมีสิ่งเดียวที่ผลักดันให้เขายืนหยัด—
ความคิดว่ามัชฌาอาจยังรอเขาอยู่ที่ไหนสักแห่ง
ทั้งสองรีบไปยังตึกเรียนเก่าของมหาวิทยาลัย
ตึกนั้นตั้งตระหง่านราวเฝ้ามองคนผู้กล้าเข้ามาท้าทายชะตากรรม
หน้าต่างที่แตกกระจายสะท้อนแสงแดดยามบ่ายเป็นเส้นคมเหมือนมีด
เสียงลมพัดลอดเข้าซอกอิฐเก่า ๆ ดังหวิวเป็นคำเชื้อเชิญชวนที่ฟังดูน่าขนลุก
ที่ชั้นสี่—
ประตูสีดำ 404 ยืนรออยู่ตรงหน้า บานไม้เรียบสนิทแต่คล้ายแฝงรอยยิ้มชั่วร้ายที่พร้อมกลืนกินผู้คน
ยามินทร์เอื้อมมือไปแตะลูกบิด เหล็กเย็นจัดเหมือนถูกจุ่มในน้ำแข็ง
เส้นประสาทที่ปลายนิ้วเหมือนถูกช็อตจนใจเต้นถี่รัว
เสียงของพลบดังขึ้นข้างหู
“จำไว้นะ…ถ้าเจออุษา—พาเธอกลับมาด้วย”
คำนั้นก้องสะท้อนในหัวทันที ภาพรอยยิ้มเศร้าของอุษาผุดขึ้นมาอย่างชัดเจน
เขากัดฟันแน่น…บิดลูกบิด—
เสียง
กึก ดังสะท้อนในอก
แล้วสติของเขาก็ดับวูบ ร่วงหายไปพร้อมกลุ่มควันในความมืด
หน้าประตูสีดำ
เหลือเพียงพลบที่ยืนเฝ้าอยู่ลำพัง
เงาของมินเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอยในกลุ่มควันทันทีห้วงวินาทีที่ประตูเปิดออก
ปัง! ประตูปิดกลับไปเองทันทีราวกับมีมือใหญ่ยักษ์มากระชากมันไป
ไม่กี่วินาทีต่อมา ตัวเลขบนป้าย
404 เริ่มบิดเบี้ยว
รอยแตกสีเงินไหลรินเหมือนโลหะกำลังละลาย ก่อนค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นตัวเลขใหม่—
389
หัวใจพลบเต้นแรง เสียงหายใจสะท้อนในหูตัวเองดังกว่าปกติ
แกร็ก…
เสียงบานประตูเปิดอีกครั้ง
หญิงสาวคนหนึ่งก้าวออกมาอย่างช้า ๆ เงามืดคลี่คลุมใบหน้า แต่เมื่อแสงลอดผ่าน—
อุษา
“อุษา…” พลบเรียกเสียงสั่น น้ำตารื้นจนพร่ามัว เขาแทบทรุดลงด้วยความโล่งใจปนดีใจที่ได้เจอเธออีกครั้ง
แต่…ในแววตาของอุษากลับซ่อนบางสิ่งไว้
ความเศร้าแฝงความตระหนักลึกเร้น คล้ายกับรู้ดีว่า—
พลบได้ทำอะไรบางอย่างลงไปเพื่อแลกเธอกลับมา
ในห้อง 404
มินสะดุ้งตื่นขึ้นมา ร่างแนบกับพื้นปูนเย็นเฉียบจนแผ่ซ่านเข้าสู่กระดูก
เขาลุกขึ้นมองรอบ ๆ —
ห้องสี่เหลี่ยมปิดทึบ ไม่มีหน้าต่าง มีเพียงประตูไม้เก่าไร้ลูกบิด บรรยากาศเงียบงันอึดอัดจนแทบขาดอากาศหายใจ
แสงไฟนีออนเก่า ๆ บนเพดานกระพริบพร่า
แป๊ะ ๆ
“เฮ้ย! มีใครอยู่ไหม! เปิดประตูให้ฉันที!”
เสียงเขาดังก้องสะท้อนกลับมาเหมือนเยาะเย้ยตัวเอง
เขาตะโกน เคาะกำแพงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เสียงกำปั้นกระแทกกับผนังคอนกรีตดัง
ตุ้บ ๆ ๆ แต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกไป
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้—
จนกระทั่งเสียงแปลกดังขึ้น
ติ๊กๆๆๆ
เขาหันไปเห็นโต๊ะเก่า ๆ ตั้งอยู่กลางห้อง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มี
บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์เก่า หน้าจอสีเขียวกระพริบสว่างขึ้น
ตัวอักษรสีขาวค่อย ๆ ปรากฏทีละบรรทัด
“จบบริบูรณ์”
หัวใจมินเหมือนถูกบีบรัดจนหายใจไม่ออก
เขาเดินถอยหลัง เหงื่อเย็นไหลท่วมแผ่นหลัง
เงาดำเคลื่อนตัวในความมืด
ชายสูงใหญ่ใน
ชุดสูทขาว ค่อย ๆ เดินออกมา เสียงก้าวเท้ากระทบพื้นดัง
กึก…กึก…
บนโต๊ะ
สมุดบันทึกสีดำ ปรากฏขึ้นราวกับเกิดจากอากาศว่างเปล่า
ปกหน้าสลักตัวอักษร—
“บันทึกฝันที่ 404”
ชายชุดขาวหยิบมันขึ้นมาในมือ พลิกดูอย่างพอใจ
ก่อนจะยกขึ้นเก็บบนชั้นสูงเหมือนเก็บสมบัติเลอค่า
แล้วเสียงทุ้มเย็นเยียบเอื้อนเอ่ยออกมา
เป็นเพียงคำพูดคล้ายพึมพำกับตัวเอง แต่กลับบาดลึกเข้าไปถึงกระดูกยามินทร์
“แท้จริงแล้ว…จิตใจมนุษย์ต่างหาก ที่น่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งลี้ลับใด ๆ”
เสียงนั้นก้องสะท้อนในความว่างเปล่า—
เหมือนปิดฝาโลงลงอย่างสมบูรณ์
.........................สิ้นสุด บันทึกฝันที่ 404.....................
บันทึกฝันที่ 404 ตอนที่ 15 บันทึกฝันที่ 404
ยามินทร์เดินไปที่ห้องพักของมัชฌาในโรงแรม บรรยากาศเช้านั้นดูไม่สดใสเอาซะเลย
เขาเคาะประตูอยู่พักใหญ่ ไม่มีเสียงตอบรับ มือที่แตะบานไม้เย็นเยียบจนปลายนิ้วชา
“ไม่ได้ล็อก?”
เมื่อเข้าไปในห้อง เครื่องปรับอากาศยังคงทำงาน แต่ห้องกลับว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยมัชฌา ข้าวของทุกอย่างยังคงอยู่กับที่เหมือนเมื่อวาน กระเป๋าเดินทางก็ยังอยู่ แต่เตียงไม่มีร่องรอยของการนอน
มินรีบลงไปถามพนักงานต้อนรับ หญิงวัยกลางคนยกหัวจากหน้อจอคอมพิวเตอร์ มองเขาด้วยสายตาแปลกใจ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“เมื่อคืนราวหนึ่งทุ่ม เห็นคุณมัชออกไปข้างนอก…ไม่ได้เอาสัมภาระไปด้วยนะคะ”
นี่แหละขอดีของคนอัธยาศัยดีอย่างมัชฌา มาอยู่ไม่กี่วันพนักงานก็จำกันได้หมด
แม้จะคิดอย่างนั้นแต่หัวใจมินกับหวิวโหวง รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกำลังพรากเพื่อนสนิทอีกคนไปจากเขา
เขารีบโทรหา โทรซ้ำแล้วซ้ำเล่า—แต่ปลายสายกลับบอกว่า “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
เสียงสัญญาณตัดห้วนเหมือนตอกย้ำความว่างเปล่าในอก
เขาตรงไปหาพลบในทันที
“มัชหายไป…! ติดต่อไม่ได้เลย” มินพูดอย่างร้อนรน
พลบชะงักไปชั่วครู่ ก่อนพูดเสียงต่ำเย็น
“หรือว่า…เขาจะหายไปเหมือนอุษา”
คำพูดนั้นทำให้ร่างมินสะท้านราวถูกฟาดกลางอก
ในหัวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวปนสิ้นหวัง แต่ยังมีสิ่งเดียวที่ผลักดันให้เขายืนหยัด—
ความคิดว่ามัชฌาอาจยังรอเขาอยู่ที่ไหนสักแห่ง
ทั้งสองรีบไปยังตึกเรียนเก่าของมหาวิทยาลัย
ตึกนั้นตั้งตระหง่านราวเฝ้ามองคนผู้กล้าเข้ามาท้าทายชะตากรรม
หน้าต่างที่แตกกระจายสะท้อนแสงแดดยามบ่ายเป็นเส้นคมเหมือนมีด
เสียงลมพัดลอดเข้าซอกอิฐเก่า ๆ ดังหวิวเป็นคำเชื้อเชิญชวนที่ฟังดูน่าขนลุก
ที่ชั้นสี่—
ประตูสีดำ 404 ยืนรออยู่ตรงหน้า บานไม้เรียบสนิทแต่คล้ายแฝงรอยยิ้มชั่วร้ายที่พร้อมกลืนกินผู้คน
ยามินทร์เอื้อมมือไปแตะลูกบิด เหล็กเย็นจัดเหมือนถูกจุ่มในน้ำแข็ง
เส้นประสาทที่ปลายนิ้วเหมือนถูกช็อตจนใจเต้นถี่รัว
เสียงของพลบดังขึ้นข้างหู
“จำไว้นะ…ถ้าเจออุษา—พาเธอกลับมาด้วย”
คำนั้นก้องสะท้อนในหัวทันที ภาพรอยยิ้มเศร้าของอุษาผุดขึ้นมาอย่างชัดเจน
เขากัดฟันแน่น…บิดลูกบิด—
เสียง กึก ดังสะท้อนในอก
แล้วสติของเขาก็ดับวูบ ร่วงหายไปพร้อมกลุ่มควันในความมืด
หน้าประตูสีดำ
เหลือเพียงพลบที่ยืนเฝ้าอยู่ลำพัง
เงาของมินเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอยในกลุ่มควันทันทีห้วงวินาทีที่ประตูเปิดออก
ปัง! ประตูปิดกลับไปเองทันทีราวกับมีมือใหญ่ยักษ์มากระชากมันไป
ไม่กี่วินาทีต่อมา ตัวเลขบนป้าย 404 เริ่มบิดเบี้ยว
รอยแตกสีเงินไหลรินเหมือนโลหะกำลังละลาย ก่อนค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นตัวเลขใหม่—
389
หัวใจพลบเต้นแรง เสียงหายใจสะท้อนในหูตัวเองดังกว่าปกติ
แกร็ก…
เสียงบานประตูเปิดอีกครั้ง
หญิงสาวคนหนึ่งก้าวออกมาอย่างช้า ๆ เงามืดคลี่คลุมใบหน้า แต่เมื่อแสงลอดผ่าน—
อุษา
“อุษา…” พลบเรียกเสียงสั่น น้ำตารื้นจนพร่ามัว เขาแทบทรุดลงด้วยความโล่งใจปนดีใจที่ได้เจอเธออีกครั้ง
แต่…ในแววตาของอุษากลับซ่อนบางสิ่งไว้
ความเศร้าแฝงความตระหนักลึกเร้น คล้ายกับรู้ดีว่า—
พลบได้ทำอะไรบางอย่างลงไปเพื่อแลกเธอกลับมา
ในห้อง 404
มินสะดุ้งตื่นขึ้นมา ร่างแนบกับพื้นปูนเย็นเฉียบจนแผ่ซ่านเข้าสู่กระดูก
เขาลุกขึ้นมองรอบ ๆ —
ห้องสี่เหลี่ยมปิดทึบ ไม่มีหน้าต่าง มีเพียงประตูไม้เก่าไร้ลูกบิด บรรยากาศเงียบงันอึดอัดจนแทบขาดอากาศหายใจ
แสงไฟนีออนเก่า ๆ บนเพดานกระพริบพร่า แป๊ะ ๆ
“เฮ้ย! มีใครอยู่ไหม! เปิดประตูให้ฉันที!”
เสียงเขาดังก้องสะท้อนกลับมาเหมือนเยาะเย้ยตัวเอง
เขาตะโกน เคาะกำแพงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เสียงกำปั้นกระแทกกับผนังคอนกรีตดัง ตุ้บ ๆ ๆ แต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกไป
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้—
จนกระทั่งเสียงแปลกดังขึ้น ติ๊กๆๆๆ
เขาหันไปเห็นโต๊ะเก่า ๆ ตั้งอยู่กลางห้อง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มี
บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์เก่า หน้าจอสีเขียวกระพริบสว่างขึ้น
ตัวอักษรสีขาวค่อย ๆ ปรากฏทีละบรรทัด
“จบบริบูรณ์”
หัวใจมินเหมือนถูกบีบรัดจนหายใจไม่ออก
เขาเดินถอยหลัง เหงื่อเย็นไหลท่วมแผ่นหลัง
เงาดำเคลื่อนตัวในความมืด
ชายสูงใหญ่ใน ชุดสูทขาว ค่อย ๆ เดินออกมา เสียงก้าวเท้ากระทบพื้นดัง กึก…กึก…
บนโต๊ะ สมุดบันทึกสีดำ ปรากฏขึ้นราวกับเกิดจากอากาศว่างเปล่า
ปกหน้าสลักตัวอักษร—
“บันทึกฝันที่ 404”
ชายชุดขาวหยิบมันขึ้นมาในมือ พลิกดูอย่างพอใจ
ก่อนจะยกขึ้นเก็บบนชั้นสูงเหมือนเก็บสมบัติเลอค่า
แล้วเสียงทุ้มเย็นเยียบเอื้อนเอ่ยออกมา
เป็นเพียงคำพูดคล้ายพึมพำกับตัวเอง แต่กลับบาดลึกเข้าไปถึงกระดูกยามินทร์
“แท้จริงแล้ว…จิตใจมนุษย์ต่างหาก ที่น่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งลี้ลับใด ๆ”
เสียงนั้นก้องสะท้อนในความว่างเปล่า—
เหมือนปิดฝาโลงลงอย่างสมบูรณ์
.........................สิ้นสุด บันทึกฝันที่ 404.....................