เราเป็นคนแคร์เพื่อนมากๆเลย แค่เพื่อนเป็นไข้นิดหน่อย เราก็จะพาเพื่อนไปส่งห้องพยาบาลแล้ว เราคอยถามว่า อาการดีขึ้นไหม เป็นยังไงบ้าง ไหวหรือเปล่า จะบอกว่าเราเป็นเด็กใหม่ย้ายมาตอนม.1 ที่โรงเรียนนึง เราเจอเพื่อนคนนึงที่ดูเงียบๆ น่าจะเป็นคนที่จริงใจกับเรา ตอนแรกๆเขาก็ไม่ค่อยพูดกับเรา แต่พอสนิทกันจริงๆ เพื่อนคนนั้นเป็นเพื่อนที่คุยแล้วสบายใจมาก ถ้าสนิทจริงๆแล้วจะเป็นคนสนุกสนาน แล้วพอตอนม.2 โรงเรียนนี้คือเขาจะต้องสอบเลือกห้อง มีเพื่อนอีกคนนึงเข้ามาด้วย แต่เขาก็เป็นเพื่อนเราเหมือนกันแล้วก็สนิทมากๆด้วย พอเพื่อนคนนั้นเข้ามา เราจะอธิบายก่อนว่าเรานั่งโต๊ะหน้ากระดานเลย เพื่อนเราตอนที่สนิทกันตอนม 1 เขานั่งตรงกลางเพื่อนอีกคนนึงนั่งข้างซ้าย ส่วนเรานั่งข้างขวา เราลืมบอกไปเลย เพื่อนคนนั้นที่นั่งข้างซ้าย เขาก็เป็นเพื่อนเราตอนม 1 เหมือนกัน พอเพื่อนเราคนนั้นที่คุยกันตอนม 1 เราขอตั้งชื่อย่อให้เขาว่า ม. ละกัน ส่วนเพื่อนคนที่นั่งข้างซ้าย เราขอตั้งชื่อย่อเขาว่า บ.เพื่อน 2 คนนี้เป็นผู้หญิงนะคะ พอ ม. นั่งตรงกลาง เรานั่งฝั่งขวา บ.นั่งฝั่งซ้าย ตอนแรกๆเราก็คุยกันปกติแต่หลังๆมานี้เรารู้สึกว่ามันเริ่มไม่เหมือนเดิม ม.ได้เริ่มไปคุยกับ บ. มากขึ้น แล้วคุยกับเราน้อยลง บางชั่วโมง เขาก็ไม่ได้คุยกับเราเลย จนเราเริ่มรู้สึกนอยนิดๆ ตอนทำกิจกรรมเรียนพละ เรามีกันอยู่ 3 คน ม.กับ บ. ก็ทำกิจกรรมด้วยกัน เหลือเราเป็นเศษที่ไม่มีคู่ เราก็พยายามที่จะไม่คิดอะไร ตอนไปทัศนศึกษา ม.กับ บ. ก็นั่งข้างกัน เราไม่มีคู่ จึงได้นั่งกับคุณครูที่เป็นเจ้าของห้องแทน ทุกครั้งมันก็จะมีคนทำเวรในห้อง โต๊ะเรียนของเรากับ ม. เริ่มห่างกันขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบโต๊ะจะชิดกัน เราก็พยายามขยับโต๊ะไปคุย และหาเรื่องตลกๆมาเล่าให้เขาฟัง บางทีก็แต่งเรื่องโกหกบ้าง เพื่อมีเรื่องมาคุยกับเพื่อนๆเขาจะได้คุยกับเราบ้าง เราเจอแบบนี้ทุกวัน พูดถึงเพื่อนอักษรย่อว่า บ. จริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้อะไรหรอกเราไม่ได้นอยอะไรกับเขาเลย แต่เรานอยกับ ม. มากกว่า เราก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่เล่ามาทั้งหมดเราคิดไปเองหรือเปล่า เราไม่พยายามเก็บมาคิดแล้ว แต่มันเจออย่างนี้ทุกวัน มันก็น้อยนะเว้ย อยากจะถามความคิดเห็นจากทุกคนค่ะว่าคิดยังไง
มีเพื่อน 3 คน เเต่เรารู้สึกเหมือนเราห่างเหินกับเพื่อนคนนั้นเรื่อยๆ