เวลาย้ายการรักษา เปลี่ยน รพ. เปลี่ยนคุณหมอ เพื่อไปใช้สิทธิ์รักษาตามสิทธิ์ ต้องใช้อะไรและมีขั้นตอนอย่างไรบ้างครับ

** แก้ไขให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้นครับ

ผมไม่มีประสบการณ์ เกี่ยวกับการย้าย รพ. ครับ เลยอยากปรึกษา

คือ

รพ. A = รพ. รัฐ ใช้สิทธิ์ข้าราชการเบิก (เบิกตรง) รักษาหลายแผนก คุณหมอหลายท่าน ข้อมูลการรักษาคุณหมอดูผ่านฐานข้อมูล รพ. ได้ (กินยาอะไรอยู่ ผลเลือดเป็นยังไงบ้าง นัดคุณหมอแต่ละท่านเมื่อไหร่ ฯลฯ)

รพ ฺ B = รพ. เอกชน ราคาสูงประมาณนึง จ่ายเอง เบิกอะไรไม่ได้เลย รักษาแค่แผนกเดียว เจอคุณหมอท่านเดียว

ผู้สูงอายุที่บ้านผม (คนไข้) ปกติรักษาที่ รพ. A

เหตุการณ์ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ผู้สูงอายุที่บ้านป่วยกระทันหัน ต้องแอดมิท ก็เลยไป รพ.เอกชน เพราะติดต่อที่ รพ.รัฐที่รักษาประจำ แล้วปรากฏว่า เตียงเต็ม ครับ

วันนั้น (วันแอดมิท) ก็ค่อนข้างลำบากนิดหน่อยครับ เพราะคุณหมอ รพ. B ไม่มีข้อมูลจาก รพ. A ที่รักษาประจำ
คุณหมอเขาก็บอกผมว่า เขาทำได้แค่ประเมินจากยาที่กินประจำ กับสอบถามเบื้องต้น ก็เลยพอเดาได้ว่ามีโรคประจำตัวอะไรบ้าง
** ก็น่าจะเป็นข้อด้อย ของการรักษาคนละ รพ. ครับ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีข้อมูลของอีก รพ. นึง

คุณหมอที่ รพ. B เขาก็เก่งมากเลยครับ รักษาจากอาการที่ดูแย่ ก็ดีขึ้นตามลำดับครับ จนไม่ต้องแอทมิทครับ
ก็ออกจาก รพ. มา โดยคุณหมอก็มีนัดเป็นระยะ เพื่อติดตามอาการ คุณหมอบอกว่า อาการที่ป่วยอยู่เป็นการรักษาระยะยาว

ในมุมของผม
ผมมองว่า ณ ตอนนั้น (วันที่ออกจาก รพ. แอดมิท) อาการผู้สูงอายุยังไม่ดีขึ้นซักเท่าไหร่ เพื่อให้การรักษาคนไข้โดยต่อเนื่อง ก็รักษา กับคุณหมอ รพ. B ไปก่อน (ยอมจ่ายแพงกว่า)

ผ่านมาหลายเดือนแล้ว
ตอนนี้คนไข้อาการดีขึ้นเยอะแล้ว ก็เลยอยากจะกลับไปรักษา รพ. A เพื่อใช้สิทธิ์เบิกราชการครับ เพราะคุณหมอ รพ. B เขาก็บอกตลอดว่า เป็นการรักษาระยะยาว
และอีกอย่างที่สำคัญ คือ ทาง รพ. A ก็ไม่รู้ข้อมูลการรักษาของ รพ. B (เพราะคนละ รพ. กัน) ทาง รพ. B ก็ไม่รู้ข้อมูลการรักษาของ รพ. A

แล้วที่ผมรู้สึกว่าไม่ค่อยโอเค คือ
เวลาไปเจอคุณหมออีก รพ.นึงก็ต้องเล่า ข้อมูลจากอีก รพ. นึงให้คุณหมอฟัง เช่น ความเห็นของคุณหมอ การปรับยาของคุณหมอ
แล้วผมก็เริ่มกังวลกับการเก็บเอกสาร การหยิบเอกสารเข้า-ออก พวกผลเลือดล่าสุด (บางทีผมก็กังวลว่าผม จะลืมเอาผลเลือดไป แล้วทำให้ผู้สูงอายุต้องโดนเจาะเลือดซ้ำ เจ็บ เสียเวลาและค่าใช้จ่าย)
แล้วก็ความเห็นคุณหมอเหมือนจะตีกัน (มั้งนะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน) เพราะ อย่างที่เกริ่นไปตอนแรก คุณหมอ รพ. B ให้ยาบางตัวแล้วไปกระทบกับการรักษาของ รพ. A  เช่น กินยา รพ. B แล้วทำให้ค่าน้ำตาลขึ้น คุณหมอ รพ. A ก็ต้องเพิ่มยาเพื่อกดค่าน้ำตาลลง (ผมเข้าใจอย่างนี้ครับ ก็ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกหรือผิด)
ผมก็เลยรู้สึกว่า ควรกลับมารักษาที่ รพ. A ครับ เพื่อความไม่สับสนในข้อมูล และปัญหาการกินยา

แต่เนื่องจาก ผมไม่มีความรู้ด้านนี้เลยครับ ไม่รู้เรื่องธรรมเนียมปฏิบัติ
กลัวพลาด กลัวเสียเวลา เกรงใจคุณหมอ รพ. B และผมก็กลัวผิดมารยาทด้วยครับ
แล้วก็กังวลว่าหมอเขาจะคิดยังไงครับ จู่ๆ มาขอเปลี่ยน รพ. (เขาก็อุตส่าห์รักษามาตั้งแต่ต้นครับ)

รบกวนถามครับ
- เวลาย้ายการรักษา เปลี่ยน รพ. เปลี่ยนคุณหมอ เพื่อไปใช้สิทธิ์รักษาตามสิทธิ์ข้าราชการ
ต้องไปแจ้งที่ไหน ต้องบอกยังไงบ้าง แล้วต้องใช้อะไรและมีขั้นตอนอย่างไรบ้างครับ

- การขอข้อมูลจาก รพ. มีค่าใช้จ่ายไหมครับ เช่น ค่าดำเนินการ ค่าธรรมเนียม
ถ้ามีค่าใช้จ่าย ปกติค่าใช้จ่ายจะประมาณเท่าไหร่ครับ

ขออภัยในความไม่รู้ครับ

ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่