แฉขั้นตอนอายัดบัญชีสุดมักง่าย โทร. 1441 บอกว่าโดนโกงก็สั่งได้แล้ว กรรมตกที่พนักงานสอบสวน
เฟซบุ๊กอ้างตำรวจชั้นผู้น้อยแฉตำรวจไซเบอร์ทำโปรเซสอายัดบัญชี ผู้เสียหาย โทร.ไปที่ 1441 บอกว่าโดนโกง ธนาคารอายัด ก่อนแจกคดีให้พนักงานสอบสวนตามโรงพักรับกรรมกันไป ขั้นตอนการปลดยุ่งยากต้องรอร้อยเวรเสนอไปที่ตำรวจไซเบอร์จะปลดให้หรือไม่ปลดอีกที พบเจ้าของบัญชีถูกมิจฉาชีพเอาไปหลอกโอนตังค์ เข้าทดลองทำภารกิจด่านแรก และโอนคืนให้ กลายเป็นบัญชีม้าแถว 1
วันนี้ (14 ก.ย.) เฟซบุ๊กเพจ "พนักงานสอบสวนหญิง" โพสต์ข้อความระบุว่า "1441 อายัดบัญชี ง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่รู้สี่รู้แปด แค่โทรบอกว่าโดนโกงก็อายัด
อายัดแบบคนอายัดคือใคร กรูก็ไม่รู้ แต่เ...อกรู้ชื่อว่ากรูเป็นร้อยเวรโรงพัก และเป็นโรงพักที่ใกล้ สะดวกที่ผู้เสียหายจะมาให้ปากคำ แจกเบอร์โทร.ส่วนตัว ผู้เสียหายโทร.จิกยิ่งกว่าผัว เพราะอยากได้ตังค์คืน ยังไม่พอ ว่าที่ผู้ต้องหา อ่อ ตอนนี้อาจจะเป็น “คนดีร์” ที่แบงก์ชาติเค้าว่า ที่โดนมิจฉาชีพมันแจกบัญชีให้ผู้เสียหายโอนตังค์เข้าทดลองทำภารกิจด่านแรก และโอนคืนให้ ถูกอ้างว่าเป็น "ม้าแถว 1" เลยเดือดร้อนกัน อายัดเร็วไม่ว่า ถอนอายัดนี่สุด ที่สุดของเจ๋ จะยากไปไหน ไม่ได้มีคดีเดียวนะจ๊ะ ในมือพนักงานสอบสวนคดีออนไลน์ คนหนึ่งนี่เป็นพัน เออบ่นแล้วบ่นอีก นับเอาไปประเมินผลการทำงานยังไม่ได้ ไม่อยู่ในระบบ CRIMES เพราะไม่ได้ตัดเลขเป็นเลขรับคดี
ปัญหามันยุ่งตั้งแต่ สอท. (กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์) ให้ ศปอส.ตร. (ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) แจกคดีมาโรงพักละ และแจกเบอร์โทรศัพท์ร้อยเวร ไม่ต้องมีวันเข้าเวรออกเวร โทร.ตั้งแต่ตีอะไรไม่รู้ จนดึกดื่นก็โทร. ค่าโอทีรับโทรศัพท์หลวงก็ไม่ได้จ่าย มือถือกรูก็ซื้อเอง เน็ตก็เติมเอง แถมยังต้องมาถ่ายเอกสารให้คนดีร์ที่โดนหลอก แถมเป็นความผิดต่อส่วนตัวด้วยนะจ๊ะ ปลดอายัดก็ไม่ได้ ความเครียดมวลมหาศาลมาตกที่ร้อยเวรโรงพัก คนอายัดก็เอาท์สอร์ท ขอให้โทรมาอายัด จะโดนหลอกจริงไม่หลอกจริง หรือสมรู้ร่วมคิด “คนดีร์” แบบใด...ไม่รู้
ระบบสร้างมา ขอให้ทบทวนด้วย ว่าที่เค้าแจ้งไปอะ ถอนให้ซะที
แต่จะให้ดี บัญชีต่างๆ ธนาคารรู้ได้เลยว่ามีเงินเข้าออกผิดปกติยังไง ให้มีเงินเยอะมีเงินน้อย เงินหมุนเพียงเสี้ยววินาที ไปมอนิเตอร์ตรงนั้น บล็อกเงินตรงนั้น กฎหมายให้ธนาคารรับผิดชอบไม่ใช่ให้ “พนักงานสอบสวนรับผิดชอบ” ทำนะจ๊ะ
ไม่ใช่มาบอกอะไรก็มาหา “ตำรวจ” และยังไม่พอ “ตำรวจ สอท.” ที่มีหน้าที่เฉพาะ ก็ไม่ได้ทำทุกคดี เลือกคดีใหญ่ๆ ไปทำ ทิ้งงานให้ “พนักงานสอบสวนโรงพัก” ที่รบกับ Street Crime ยังไม่พอ ต้องรบกับ Cyber Crime อีก
ส่วนเราก็ก้มหน้าก้มตาทำสำนวนไป ทับท่วมพื้นที่ไปหมด ยิ่งกว่าน้ำท่วม กรรมของกรู"
ด้านเฟซบุ๊ก "Ton Thanapon" โพสต์ข้อความระบุว่า "จากท็อปคอมเมนต์โพสต์หนึ่ง เอามาแบ่งปันครับ ประเด็น “ร้อยเวรอายัดบัญชี” อยากให้เข้าใจ
ผมเป็นร้อยเวรเหมือนกัน บอกเลยว่าเป็นมาตรการที่บ้งที่สุดตั้งแต่ทำงานมา 5 ปี ผมขอมาอธิบายแล้วให้ทุกๆ ท่านลองอ่านดูแล้วคิดว่ามันสมเหตุสมผลไหม?
โปรเซสการทำงานของระบบนี้คือ เมื่อสายหนึ่งโทร.เข้า 1441 บอกว่าบัญชีนี้โกง แค่ตรวจสอบว่ามีรายการโอนจริง ธนาคารก็อายัดเลย 3 วัน โดยใช้อำนาจ พ.ร.ก.อาชญากรรมเทคโนฯ ปี 66
ต่อมา 1441 จะลงข้อมูลในระบบรับแจ้งความออนไลน์ของตำรวจ ผมขอเรียกว่า TPO นะครับ ในส่วนของคดี ตัวระบบจะเร่งรัดให้มีการแจกคดีให้กับร้อยเวรตามโรงพัก ว่าตำรวจคนไหนจะได้คดีนี้ไปรับผิดชอบต่อ และก็จะปรากฏชื่อของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในระบบ TPO ต่อมาจะมี SMS บอกผู้เสียหายให้มาแจ้งความกับร้อยเวรที่เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ที่ สน. โดยเอกสารอะไรก็ให้มายื่นที่ สน.หมด
แต่ต่อมาทางกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) จะเอาข้อมูลที่อยู่ใน TPO ที่ได้จากแค่การโทร. ตรงนั้น ไม่มีแชท ไม่มีหลักฐาน ไม่มีอะไรอื่นๆ เพราะหลักฐานในคดี ผู้เสียหายจะนำมาให้ร้อยเวรที่โรงพัก
ไปทำหมายอายัดบัญชี หรือที่ตำรวจเรียกว่า หมาย H ส่งทางระบบออนไลน์ ไปที่ธนาคารของผู้เสียหาย โดยยืนยันว่ามีคดีอาชญากรรมเทคโนฯ เกิดขึ้นจริง 100% แน่นอน (ทั้งๆ ที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลยซักอย่างตามที่บอกไปข้างต้น และไม่เคยติดต่อมาขอข้อมูลจากโรงพักก่อนไปทำหมาย H) กับทางธนาคาร เพื่อให้ธนาคารผู้เสียหายไล่เส้นเงินมาให้ พร้อมทั้งทำอายัดไปด้วย ซึ่งทาง บช.สอท. จะทำทุกคดีที่โผล่เข้ามาในระบบรับแจ้งความออนไลน์ แปลง่ายๆ คือเด้งปุ๊บทำปั๊บ มี 100 คดีก็ทำ 100 คดี
ทีนี้ความวายป่วงก็จะเริ่มต้นจากหมาย H นี่ละครับ ถ้าใครที่เป็นบัญชีรับเงินแถวแรก แล้วคดีนั้นมีหมาย H คุณมีโอกาสจะโดนนำชื่อไปเสนอเป็นบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือ HR03 หรือเป็นม้าดำ คุณจะโดนอายัดทุกบัญชีที่เปิดด้วยบัตรประชาชนของท่าน
หรือไม่ก็เป็นม้าเทาเข้ม ซึ่งเหมือนกับม้าดำนั่นแหละ โดนอายัดหมดเหมือนกัน แค่ขั้นตอนขอปลดอายัด ไม่ต้องเสนอไปถึง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อปลดอายัด เสนอแค่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็แจ้งธนาคารขอปลดได้
และยังมีม้าเทาอ่อนอีก อันนี้คือบัญชีแถวสอง แถวสาม ที่อาจจะเป็นบัญชีม้าหรือไม่ก็ได้ แค่ธนาคารไล่เส้นทางการเงินตามหมาย H แล้วไปแตะๆ ก็อาจจะโดนอายัดได้ และโดนทุกบัญชีเหมือนกัน
ทีนี้มาถึงขั้นตอนการปลดอายัด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกระเบียบในเรื่องของการปลดอายัด โดยผมจะสรุปเป็นภาษาชาวบ้านคือ ให้ บช.สอท.ทำหมาย H เพื่ออายัด (อย่างเดียว) แต่เรื่องการขอปลด ให้ร้อยเวรตามโรงพักที่ 1441 แจกคดีให้ เป็นคนทำเรื่องเสนอ ไปให้ บช.สอท. อ่านก่อน ว่าจะปลดให้ หรือไม่ให้
ผลที่ได้ก็คือ คนทำอายัดก็ทำไป ทำผิดทำมั่ว ก็บอกว่า อ้อ ต้องให้โรงพักทำเสนอขึ้นมาครับ … ผมเคยได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ที่เจ้าของบัญชีคนหนึ่งที่โดนอายัดโทร.ไปหา 1441 แล้ว 1441 บอกว่า “ทางเรา มีหน้าที่รับแจ้งและส่งเรื่องต่อให้ บช.สอท. ทำอายัดครับ ส่วนเรื่องของการปลดอายัดบัญชี เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน (ร้อยเวรโรงพัก) ต้องมาตามแก้ปัญหาตรงนี้ให้”
หลักฐานผมมี กล้องหลังโต๊ะทำงานผมบันทึกไว้หมด เขาพูดแบบนี้จริงๆ ครับ
ทีนี้กรรมมันก็มาตกอยู่ที่ตำรวจโรงพัก ผู้เสียหายก็มาตามคดี ส่วนเจ้าของบัญชีก็มาตามเรื่องถอนอายัด ที่ตัวเองไม่ได้ทำอายัด
ปกติแล้วร้อยเวรโรงพักหน้าที่หลักๆ คือทำคดีครับ ส่งสำนวนให้อัยการฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล ซึ่งต่อให้ไม่ใช่คดีออนไลน์ก็ต้องทำ รถชน ไฟไหม้ เช็คเด้ง ข้างบ้านตีกัน ด่าพ่อล้อแม่ โพสประจานหมิ่นประมาท ฯลฯ ซึ่งต่างจาก บช.สอท. ที่หน่วยงานภายในที่รับผิดชอบเรื่องทำหมาย H นั้น ไม่ต้องมาทำงานจับฉ่ายแบบนี้ และทุกอย่างเป็นไฟล์ส่งผ่านระบบกันทั้งหมด คลิกๆ ไม่กี่ปุ่ม คุณก็โดนอายัดได้แล้ว
และที่สำคัญคือ เรื่องทำถอนอายัดตอนนี้ มันไม่เกี่ยวกับคดีครับ คอมมอนเซนส์ง่ายๆ ไปอายัดบัญชีที่ไม่เกี่ยวกับคดี มันจะเกี่ยวกับการทำคดีได้ยังไง
อ้อ…และขอเพิ่มเติมว่าการทำถอนอายัดนั้น ต้องสอบปากคำทั้งเจ้าของบัญชี ทั้งผู้เสียหายลงในกระดาษ ให้ลงลายมือชื่อ ร่างหนังสือราชการเสนอผู้บังคับบัญชาลงนาม และเอาที่เป็นกระดาษนี้ สแกนเป็น PDF และส่งเข้าระบบไปอีกที ไม่มีมาคลิกๆ กดๆ ง่าย เหมือนหน่วยที่ทำอายัดครับ
มันเลยกลายเป็นงานเอกสารที่เพิ่มเข้ามาให้ร้อยเวรทำเพิ่ม และแน่นอนว่าคนทำมันมีอยู่คนเดียว มันก็ไปเบียดบังเวลาทำคดีของคนอื่นอีก เป็นเหตุให้ทุกที่เลยเป็นเหมือนกันหมด คืองานมันมาติดคอขวดที่ร้อยเวรโรงพัก เกิดความล่าช้า
ณ วันนี้ ไม่มีวิธีอื่นนอกจากต้องรอร้อยเวรเจ้าของคดีที่ผู้เสียหายโทรไปแจ้ง 1441 เขาทำเรื่องเสนอไป บช.สอท. ต่อ
ถ้าใครมีเพาเวอร์ แล้วอยากทำเพื่อประชาชนจริงๆ น่าเอาเรื่องนี้เข้าศาลปกครอง ไม่ก็เอาเข้าสภาไปเลยครับ จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
เพิ่มเติม ทีนี้มีหลายๆ คนที่โดนอายัดบัญชีจะพูดเหมือนกันว่า ธนาคารโยนกันไปโยนกันมากับตำรวจ สาเหตุมันมาจากตรงนี้ครับ
ในการไล่เส้นทางการเงินจากหมาย H นั้น คนที่เลือกบัญชีไหนจะอยู่ในเส้นเงินบ้าง คือ ธนาคารเป็นคนเลือกเอง ไม่ใช่ตำรวจ แต่เมื่อมีเจ้าของบัญชีโดนอายัด โทร.ไปถามธนาคาร ธนาคารจะบอกว่า ตำรวจสั่งให้อายัดจากหมาย H (ก็ถูกที่ตำรวจ บช.สอท. ออกหมาย H นะ แต่ทำไมไม่กล้าบอกชาวบ้านไปล่ะว่า ฉันนี่แหละเลือกอายัดเอง กลัวโดนด่าหรืออย่างไร) และแนะนำให้โทร. 1441 ซึ่งเมื่อโทร.หา 1441 1441 จะไม่ไปถาม บช.สอท.นะ แต่จะค้นชื่อพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบในระบบ TPO ว่าใครเป็นร้อยเวรรับผิดชอบ และก็จะเอาเบอร์ของร้อยเวรคนนั้นให้เจ้าของบัญชีโทรมาสอบถามกับร้อยเวรอีกที พอร้อยเวรรับสายก็จะงง ว่าใครโทร.มา เพราะ
- บช.สอท.ออกหมาย H
- ธนาคารเลือกบัญชีอายัด
- แต่ให้มาถามกับร้อยเวร ว่าเขาโดนอายัดเพราะอะไร
- ร้อยเวรก็เลยบอกให้ไปถามธนาคารอีกทีว่าอายัดเพราะมาตรการอะไร
มันเลยกลายเป็นวงจรอุ... ที่โยนกันไปโยนกันมาแบบที่ทุกท่านได้พบเห็น"
'ดีอี–แบงก์ชาติ' เร่งปลดล็อกบัญชีบริสุทธิ์ ป้องกันผลกระทบประชาชนหลังถูกอายัดเงิน
ที่ประชุมมีมติให้ศูนย์ศปอท. ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการกลั่นกรองและสั่งปลดล็อกบัญชีที่พิสูจน์แล้วว่าบริสุทธิ์
ประชาชนผู้สุจริตที่ได้รับผลกระทบ สามารถติดต่อสายด่วน AOC 1441 กด 2 เพื่อเข้าสู่กระบวนการเพิกถอนการระงับบัญชี โดยธนาคารจะเป็นผู้แจ้งผลให้ทราบโดยตรง
มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ กับการปกป้องสิทธิ์ของประชาชนผู้สุจริตที่ได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชี
ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ เปิดเผยว่า การระงับบัญชีธนาคารเป็นมาตรการภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 มาตรา 6 และ 7 โดยมุ่งติดตามเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงอาชญากรรมออนไลน์ และคืนเงินให้ผู้เสียหาย
โดยย้ำว่า การระงับจะเป็น “เฉพาะวงเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมต้องสงสัย” มิใช่การปิดกั้นบัญชีทั้งเล่ม
เจ้าของบัญชีจึงยังทำธุรกรรมอื่นได้ตามปกติ ขณะที่การอายัดบัญชีเต็มรูปแบบต้องดำเนินการผ่านหมายอายัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเท่านั้น
ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) ทำหน้าที่กลั่นกรองและปลดล็อกบัญชีที่พิสูจน์แล้วว่าไม่เกี่ยวข้อง โดยอาศัยศูนย์ประสานงาน AOC 1441 เป็นกลไกกลาง ร่วมมือกับ ธปท. ธนาคารพาณิชย์ และตำรวจ ตรวจสอบในสองมิติหลัก ได้แก่
วิเคราะห์เส้นทางและรูปแบบทางการเงินว่าเป็นธุรกรรมปกติหรือไม่
ตรวจสอบความเกี่ยวพันกับบัญชีที่ ปปง. และตำรวจออกคำสั่งอายัดไว้
“ขณะนี้ศูนย์ AOC เร่งรัดการตรวจสอบ และปลดล็อกบัญชีของประชาชนทั่วไปไปแล้วจำนวนหนึ่ง ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถติดต่อสายด่วน 1441 กด 2 เพื่อดำเนินการเพิกถอนการระงับตามขั้นตอน และเมื่อมีคำสั่งปลดล็อกจาก ศปอท. ธนาคารจะเป็นผู้แจ้งตรงไปยังเจ้าของบัญชี โดยศูนย์ AOC ไม่มีการติดต่อกับประชาชนเพื่อป้องกันการสวมรอยจากมิจฉาชีพ
อายัดบัญชีธนาคาร ง่ายแบบนี้เอง ทำให้'ดีอี–แบงก์ชาติ' เร่งปลดล็อกบัญชีบริสุทธิ์ กระทบประชาชนหลังถูกอายัดเงิน
วันนี้ (14 ก.ย.) เฟซบุ๊กเพจ "พนักงานสอบสวนหญิง" โพสต์ข้อความระบุว่า "1441 อายัดบัญชี ง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่รู้สี่รู้แปด แค่โทรบอกว่าโดนโกงก็อายัด
อายัดแบบคนอายัดคือใคร กรูก็ไม่รู้ แต่เ...อกรู้ชื่อว่ากรูเป็นร้อยเวรโรงพัก และเป็นโรงพักที่ใกล้ สะดวกที่ผู้เสียหายจะมาให้ปากคำ แจกเบอร์โทร.ส่วนตัว ผู้เสียหายโทร.จิกยิ่งกว่าผัว เพราะอยากได้ตังค์คืน ยังไม่พอ ว่าที่ผู้ต้องหา อ่อ ตอนนี้อาจจะเป็น “คนดีร์” ที่แบงก์ชาติเค้าว่า ที่โดนมิจฉาชีพมันแจกบัญชีให้ผู้เสียหายโอนตังค์เข้าทดลองทำภารกิจด่านแรก และโอนคืนให้ ถูกอ้างว่าเป็น "ม้าแถว 1" เลยเดือดร้อนกัน อายัดเร็วไม่ว่า ถอนอายัดนี่สุด ที่สุดของเจ๋ จะยากไปไหน ไม่ได้มีคดีเดียวนะจ๊ะ ในมือพนักงานสอบสวนคดีออนไลน์ คนหนึ่งนี่เป็นพัน เออบ่นแล้วบ่นอีก นับเอาไปประเมินผลการทำงานยังไม่ได้ ไม่อยู่ในระบบ CRIMES เพราะไม่ได้ตัดเลขเป็นเลขรับคดี
ปัญหามันยุ่งตั้งแต่ สอท. (กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์) ให้ ศปอส.ตร. (ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) แจกคดีมาโรงพักละ และแจกเบอร์โทรศัพท์ร้อยเวร ไม่ต้องมีวันเข้าเวรออกเวร โทร.ตั้งแต่ตีอะไรไม่รู้ จนดึกดื่นก็โทร. ค่าโอทีรับโทรศัพท์หลวงก็ไม่ได้จ่าย มือถือกรูก็ซื้อเอง เน็ตก็เติมเอง แถมยังต้องมาถ่ายเอกสารให้คนดีร์ที่โดนหลอก แถมเป็นความผิดต่อส่วนตัวด้วยนะจ๊ะ ปลดอายัดก็ไม่ได้ ความเครียดมวลมหาศาลมาตกที่ร้อยเวรโรงพัก คนอายัดก็เอาท์สอร์ท ขอให้โทรมาอายัด จะโดนหลอกจริงไม่หลอกจริง หรือสมรู้ร่วมคิด “คนดีร์” แบบใด...ไม่รู้
ระบบสร้างมา ขอให้ทบทวนด้วย ว่าที่เค้าแจ้งไปอะ ถอนให้ซะที
แต่จะให้ดี บัญชีต่างๆ ธนาคารรู้ได้เลยว่ามีเงินเข้าออกผิดปกติยังไง ให้มีเงินเยอะมีเงินน้อย เงินหมุนเพียงเสี้ยววินาที ไปมอนิเตอร์ตรงนั้น บล็อกเงินตรงนั้น กฎหมายให้ธนาคารรับผิดชอบไม่ใช่ให้ “พนักงานสอบสวนรับผิดชอบ” ทำนะจ๊ะ
ไม่ใช่มาบอกอะไรก็มาหา “ตำรวจ” และยังไม่พอ “ตำรวจ สอท.” ที่มีหน้าที่เฉพาะ ก็ไม่ได้ทำทุกคดี เลือกคดีใหญ่ๆ ไปทำ ทิ้งงานให้ “พนักงานสอบสวนโรงพัก” ที่รบกับ Street Crime ยังไม่พอ ต้องรบกับ Cyber Crime อีก
ส่วนเราก็ก้มหน้าก้มตาทำสำนวนไป ทับท่วมพื้นที่ไปหมด ยิ่งกว่าน้ำท่วม กรรมของกรู"
ด้านเฟซบุ๊ก "Ton Thanapon" โพสต์ข้อความระบุว่า "จากท็อปคอมเมนต์โพสต์หนึ่ง เอามาแบ่งปันครับ ประเด็น “ร้อยเวรอายัดบัญชี” อยากให้เข้าใจ
ผมเป็นร้อยเวรเหมือนกัน บอกเลยว่าเป็นมาตรการที่บ้งที่สุดตั้งแต่ทำงานมา 5 ปี ผมขอมาอธิบายแล้วให้ทุกๆ ท่านลองอ่านดูแล้วคิดว่ามันสมเหตุสมผลไหม?
โปรเซสการทำงานของระบบนี้คือ เมื่อสายหนึ่งโทร.เข้า 1441 บอกว่าบัญชีนี้โกง แค่ตรวจสอบว่ามีรายการโอนจริง ธนาคารก็อายัดเลย 3 วัน โดยใช้อำนาจ พ.ร.ก.อาชญากรรมเทคโนฯ ปี 66
ต่อมา 1441 จะลงข้อมูลในระบบรับแจ้งความออนไลน์ของตำรวจ ผมขอเรียกว่า TPO นะครับ ในส่วนของคดี ตัวระบบจะเร่งรัดให้มีการแจกคดีให้กับร้อยเวรตามโรงพัก ว่าตำรวจคนไหนจะได้คดีนี้ไปรับผิดชอบต่อ และก็จะปรากฏชื่อของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในระบบ TPO ต่อมาจะมี SMS บอกผู้เสียหายให้มาแจ้งความกับร้อยเวรที่เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ที่ สน. โดยเอกสารอะไรก็ให้มายื่นที่ สน.หมด
แต่ต่อมาทางกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) จะเอาข้อมูลที่อยู่ใน TPO ที่ได้จากแค่การโทร. ตรงนั้น ไม่มีแชท ไม่มีหลักฐาน ไม่มีอะไรอื่นๆ เพราะหลักฐานในคดี ผู้เสียหายจะนำมาให้ร้อยเวรที่โรงพัก
ไปทำหมายอายัดบัญชี หรือที่ตำรวจเรียกว่า หมาย H ส่งทางระบบออนไลน์ ไปที่ธนาคารของผู้เสียหาย โดยยืนยันว่ามีคดีอาชญากรรมเทคโนฯ เกิดขึ้นจริง 100% แน่นอน (ทั้งๆ ที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลยซักอย่างตามที่บอกไปข้างต้น และไม่เคยติดต่อมาขอข้อมูลจากโรงพักก่อนไปทำหมาย H) กับทางธนาคาร เพื่อให้ธนาคารผู้เสียหายไล่เส้นเงินมาให้ พร้อมทั้งทำอายัดไปด้วย ซึ่งทาง บช.สอท. จะทำทุกคดีที่โผล่เข้ามาในระบบรับแจ้งความออนไลน์ แปลง่ายๆ คือเด้งปุ๊บทำปั๊บ มี 100 คดีก็ทำ 100 คดี
ทีนี้ความวายป่วงก็จะเริ่มต้นจากหมาย H นี่ละครับ ถ้าใครที่เป็นบัญชีรับเงินแถวแรก แล้วคดีนั้นมีหมาย H คุณมีโอกาสจะโดนนำชื่อไปเสนอเป็นบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือ HR03 หรือเป็นม้าดำ คุณจะโดนอายัดทุกบัญชีที่เปิดด้วยบัตรประชาชนของท่าน
หรือไม่ก็เป็นม้าเทาเข้ม ซึ่งเหมือนกับม้าดำนั่นแหละ โดนอายัดหมดเหมือนกัน แค่ขั้นตอนขอปลดอายัด ไม่ต้องเสนอไปถึง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อปลดอายัด เสนอแค่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็แจ้งธนาคารขอปลดได้
และยังมีม้าเทาอ่อนอีก อันนี้คือบัญชีแถวสอง แถวสาม ที่อาจจะเป็นบัญชีม้าหรือไม่ก็ได้ แค่ธนาคารไล่เส้นทางการเงินตามหมาย H แล้วไปแตะๆ ก็อาจจะโดนอายัดได้ และโดนทุกบัญชีเหมือนกัน
ทีนี้มาถึงขั้นตอนการปลดอายัด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกระเบียบในเรื่องของการปลดอายัด โดยผมจะสรุปเป็นภาษาชาวบ้านคือ ให้ บช.สอท.ทำหมาย H เพื่ออายัด (อย่างเดียว) แต่เรื่องการขอปลด ให้ร้อยเวรตามโรงพักที่ 1441 แจกคดีให้ เป็นคนทำเรื่องเสนอ ไปให้ บช.สอท. อ่านก่อน ว่าจะปลดให้ หรือไม่ให้
ผลที่ได้ก็คือ คนทำอายัดก็ทำไป ทำผิดทำมั่ว ก็บอกว่า อ้อ ต้องให้โรงพักทำเสนอขึ้นมาครับ … ผมเคยได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ที่เจ้าของบัญชีคนหนึ่งที่โดนอายัดโทร.ไปหา 1441 แล้ว 1441 บอกว่า “ทางเรา มีหน้าที่รับแจ้งและส่งเรื่องต่อให้ บช.สอท. ทำอายัดครับ ส่วนเรื่องของการปลดอายัดบัญชี เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน (ร้อยเวรโรงพัก) ต้องมาตามแก้ปัญหาตรงนี้ให้”
หลักฐานผมมี กล้องหลังโต๊ะทำงานผมบันทึกไว้หมด เขาพูดแบบนี้จริงๆ ครับ
ทีนี้กรรมมันก็มาตกอยู่ที่ตำรวจโรงพัก ผู้เสียหายก็มาตามคดี ส่วนเจ้าของบัญชีก็มาตามเรื่องถอนอายัด ที่ตัวเองไม่ได้ทำอายัด
ปกติแล้วร้อยเวรโรงพักหน้าที่หลักๆ คือทำคดีครับ ส่งสำนวนให้อัยการฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล ซึ่งต่อให้ไม่ใช่คดีออนไลน์ก็ต้องทำ รถชน ไฟไหม้ เช็คเด้ง ข้างบ้านตีกัน ด่าพ่อล้อแม่ โพสประจานหมิ่นประมาท ฯลฯ ซึ่งต่างจาก บช.สอท. ที่หน่วยงานภายในที่รับผิดชอบเรื่องทำหมาย H นั้น ไม่ต้องมาทำงานจับฉ่ายแบบนี้ และทุกอย่างเป็นไฟล์ส่งผ่านระบบกันทั้งหมด คลิกๆ ไม่กี่ปุ่ม คุณก็โดนอายัดได้แล้ว
และที่สำคัญคือ เรื่องทำถอนอายัดตอนนี้ มันไม่เกี่ยวกับคดีครับ คอมมอนเซนส์ง่ายๆ ไปอายัดบัญชีที่ไม่เกี่ยวกับคดี มันจะเกี่ยวกับการทำคดีได้ยังไง
อ้อ…และขอเพิ่มเติมว่าการทำถอนอายัดนั้น ต้องสอบปากคำทั้งเจ้าของบัญชี ทั้งผู้เสียหายลงในกระดาษ ให้ลงลายมือชื่อ ร่างหนังสือราชการเสนอผู้บังคับบัญชาลงนาม และเอาที่เป็นกระดาษนี้ สแกนเป็น PDF และส่งเข้าระบบไปอีกที ไม่มีมาคลิกๆ กดๆ ง่าย เหมือนหน่วยที่ทำอายัดครับ
มันเลยกลายเป็นงานเอกสารที่เพิ่มเข้ามาให้ร้อยเวรทำเพิ่ม และแน่นอนว่าคนทำมันมีอยู่คนเดียว มันก็ไปเบียดบังเวลาทำคดีของคนอื่นอีก เป็นเหตุให้ทุกที่เลยเป็นเหมือนกันหมด คืองานมันมาติดคอขวดที่ร้อยเวรโรงพัก เกิดความล่าช้า
ณ วันนี้ ไม่มีวิธีอื่นนอกจากต้องรอร้อยเวรเจ้าของคดีที่ผู้เสียหายโทรไปแจ้ง 1441 เขาทำเรื่องเสนอไป บช.สอท. ต่อ
ถ้าใครมีเพาเวอร์ แล้วอยากทำเพื่อประชาชนจริงๆ น่าเอาเรื่องนี้เข้าศาลปกครอง ไม่ก็เอาเข้าสภาไปเลยครับ จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
เพิ่มเติม ทีนี้มีหลายๆ คนที่โดนอายัดบัญชีจะพูดเหมือนกันว่า ธนาคารโยนกันไปโยนกันมากับตำรวจ สาเหตุมันมาจากตรงนี้ครับ
ในการไล่เส้นทางการเงินจากหมาย H นั้น คนที่เลือกบัญชีไหนจะอยู่ในเส้นเงินบ้าง คือ ธนาคารเป็นคนเลือกเอง ไม่ใช่ตำรวจ แต่เมื่อมีเจ้าของบัญชีโดนอายัด โทร.ไปถามธนาคาร ธนาคารจะบอกว่า ตำรวจสั่งให้อายัดจากหมาย H (ก็ถูกที่ตำรวจ บช.สอท. ออกหมาย H นะ แต่ทำไมไม่กล้าบอกชาวบ้านไปล่ะว่า ฉันนี่แหละเลือกอายัดเอง กลัวโดนด่าหรืออย่างไร) และแนะนำให้โทร. 1441 ซึ่งเมื่อโทร.หา 1441 1441 จะไม่ไปถาม บช.สอท.นะ แต่จะค้นชื่อพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบในระบบ TPO ว่าใครเป็นร้อยเวรรับผิดชอบ และก็จะเอาเบอร์ของร้อยเวรคนนั้นให้เจ้าของบัญชีโทรมาสอบถามกับร้อยเวรอีกที พอร้อยเวรรับสายก็จะงง ว่าใครโทร.มา เพราะ
- บช.สอท.ออกหมาย H
- ธนาคารเลือกบัญชีอายัด
- แต่ให้มาถามกับร้อยเวร ว่าเขาโดนอายัดเพราะอะไร
- ร้อยเวรก็เลยบอกให้ไปถามธนาคารอีกทีว่าอายัดเพราะมาตรการอะไร
มันเลยกลายเป็นวงจรอุ... ที่โยนกันไปโยนกันมาแบบที่ทุกท่านได้พบเห็น"