วันนี้มาแนะนำให้รู้จักกับพิม พิมประภา ตั้งประภาพร by ช่องยูทูบ @letsgettoknowher (ep 38)

สวัสดีจร้าทุกคน! กลับมาพบกันอีกครั้งกับช่อง letsgettoknowher วันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งที่หลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี เธอคือเจ้าหญิงในวงการบันเทิงที่เต็มไปด้วยความสามารถทั้งร้อง เต้น เล่นละครเวที เดินแบบ ถ่ายแบบ และเติบโตมาพร้อมกับเสียงปรบมือและแสงไฟ  แต่เบื้องหลังความสำเร็จที่เห็นนั้นกลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ วันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกเรื่องจริงที่ไม่ลับในทุกเรื่องราวของนางเอกสาวที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่หัวใจของเธอแข็งแกร่งเกินกว่าที่เราจะจินตนาการไว้มากกับเธอคนนี้ "พิม พิมประภา ตั้งประภาพร"
   ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2535 มีเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งที่มีชื่อเล่นว่า "โบนัส" ได้เกิดขึ้นมา โดยเป็นลูกสาวคนโตในบรรดาพี่น้อง 3 ใบเถา ซึ่งน้องสาวคนรองก็คือ พลอย พลอยไพลิน นักแสดงและยูทูบเบอร์สายท่องเที่ยวชื่อดังนั่นเอง ต่อมาจากชื่อเล่นว่า"โบนัส"  ก็เปลี่ยนมาเป็น พิม พิมประภา โดยเธอได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงครั้งแรกในปี 2543 ด้วยวัยเพียง 7 ขวบเองนะ กับละครเรื่อง “ลูกไม้ไกลต้น” และนับตั้งแต่วันนั้น ดวงดาวดวงนี้ก็ฉายแววความสามารถให้เห็นอย่างชัดเจน พิมไม่ได้เก่งแค่การแสดงนะจ๊ะ แต่เธอมีความสามารถรอบด้าน ทั้งการรำไทย เดินแบบ และร้องเพลง ทำให้เธอคว้ารางวัลมาแล้วมากมายตั้งแต่วัยเยาว์ โดยเฉพาะรางวัลนักแสดงดาวรุ่งยอดเยี่ยมจากละคร “สายโลหิต” ในขณะที่อายุเพียง 11 ปีเท่านั้น! นี่คือบทพิสูจน์ที่บอกว่าเธอเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริง ๆ
   พิมไม่ได้โด่งดังในฐานะนักแสดงเท่านั้น แต่ยังเคยเป็นพิธีกรในรายการ ฮิคารุ เซียนโกะ และเป็นส่วนหนึ่งของตำนานวงการเพลงวัยรุ่นในยุคนั้น นั่นก็คือค่าย กามิกาเซ่ พิมเริ่มต้นในฐานะสมาชิกวง Chilli White Choc และในช่วงนี้เธอเจอกับความท้าทาย เธอได้อยู่ลำดับท้าสุดๆเพราะภาพลักษณ์ของศิลปินในตัวเธอไม่ชัดเจน ไม่มีสเน่ห์ ถึงขนาดที่เคยถูกบอกให้ต้องปรับตัว
   ในปี 2550 เธอได้ร่วมโปรเจกต์สุดปังอย่าง Seven Days ที่มีเพลงฮิตติดหูอย่าง “ภาวะโลก Luv” และปิดท้ายด้วยวง SWEED ที่เพลง “ห้าม (Stop It)” โด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมืองเลยค่ะ หลังจากนั้นไม่นาน พิมก็ตัดสินใจพักงานในวงการเพื่อทุ่มเทให้กับการเรียน ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอยึดมั่นมาตลอด
   หลังจากเรียนจบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาการออกแบบนิเทศศิลป์ (หลักสูตรนานาชาติ) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2556 พิมก็ได้กลับมาทวงบัลลังก์นางเอกอย่างเต็มตัว การกลับมาในครั้งนี้ของเธอเต็มไปด้วยคุณภาพและฝีมือที่พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น โดยเฉพาะในละครเรื่อง “กาลครั้งหนึ่งในหัวใจ” ที่สร้างปรากฏการณ์ความนิยมทั้งในไทยและจีน ทำให้ชื่อของเธอเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และคว้ารางวัลนักแสดงดาวรุ่งยอดเยี่ยมมาครองได้สำเร็จ ต่อเนื่องด้วยละคร “ลูกไม้ลายสนธยา” ที่ทำให้เธอคว้ารางวัลเพียบตั้งแต่รางวัลนาคราช ครั้งที่ 4 สาขานักแสดงนำหญิงยอดนิยมแห่งปี รางวัลสยามคเณศวร 2561 สาขานักแสดงนำหญิงดีเด่น รางวัล Daradaily The Great Awards 2018 สาขา Hot Girl of The Year เป็นต้น เรียกได้ว่าพิมเป็นหนึ่งในนางเอกที่มีฝีมือการแสดงที่น่าจับตามองมากที่สุดในยุคนี้เลยนะ
   แต่ถึงเธอจะมีรางวัลการันตีฝีมือก็ตาม เธอก็เจอปัญหาไม่มีคนจ้างเธอเล่นละครเลยนานเกือบ 2 ปี เธอนั่งโทษตัวเองว่าเธอคงไม่ดีพอแล้ว  เธอใช้เวลาในช่วงนี้มากในการปรับตัว และบอกกับตัวเองว่าชีวิต ต้องไม่มีทางตัน เธอกลับเข้ามาสู่เส้นทางการร้องเพลงที่เธอชอบอีกครั้งด้วยการเปิดช่องยูทูปส่วนตัวในช่อง PimNiyom เพื่ออัดคลิป cover เพลงต่าง ๆ รวมถึงวิดีโอ vlog ในชีวิตประจำวัน กระแสความเป็นพิมได้กลับมาอีกครั้งจากแฟนคลับกลุ่มเดิมที่ติดตามเธอตั้งแต่อยู่วง กามิกาเซ่ และจากจุดนี้ เธอได้รับโอกาสได้กลับมาทำงานในวงการบันเทิงเพิ่มขึ้นหลากหลายรูปแบบ และไม่เท่านั้นเธอยังต่อยอดเปิดช่อง TikTok ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 5 ล้านคน เพื่อทำคอนเทนต์สนุกๆ จนในปี 2567 เธอได้แข่งทำคอนเทนต์แคมเปญของ SAMSUNG GALAXY ในช่อง TikTok แข่งกับหลายประเทศทั่วโลกจนสามารถคว้ารางวัลอันดับ 1 ของโลกมาครอบครองอย่างไม่ทันตั้งตัว และนอกจากนั้นเธอยังคงแสดงความสามารถด้านการร้องเพลงผ่านรายการวาไรตี้มากมาย อาทิ เป็นผู้เข้าแข่งขันในรายการเปลี่ยนหน้าท้าโชว์ Sing Your Face Off (season 3), เป็นนักร้องหน้ากำแพงในรายการ ร้องข้ามกำแพง และในปี 2023 พิมได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในรายการ The mask singer 12 และได้โชว์สกิลการร้องเพลงอีกครั้ง ซึ่งสะกดผู้ฟังได้เป็นอย่างดีพร้อมได้ทิ้งท้ายว่า "ที่เลือกหน้ากากมดงาน เพราะ เธอชื่นชมในความพยายามของเค้า ถึงเค้าจะตัวเล็ก แต่ความพยายามของเค้าไม่เล็กเลย ไม่ว่าสิ่งๆ นั้นจะใหญ่กว่าตัวเค้ามากแค่ไหน มดงานก็จะแบกกลับไปที่รังเพื่อดูแลมดทุกๆตัวในรังเสมอ เธอจึงอยากเป็นเหมือนมดงาน และขอบคุณที่ติดตามมดงานตัวนี้น้า"
   มาต่อที่เรื่องดราม่าของเธอที่เคยเป็นข่าวกันบ้าง พิมเคยออกมาเปิดใจว่าในอดีต เธอเคยมีข่าวว่าเป็นลูกคุณหนูที่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในครอบครัวจนต้องนำเงินเก็บทั้งหมดไปช่วยปลดหนี้ ทำให้ชีวิตของเธอไม่ได้สบายอย่างที่คนภายนอกคิด เธอทำงานอย่างหนักมาตลอดเพื่อช่วยเหลือครอบครัว และเธอก็ภูมิใจในความพยายามของตัวเอง ที่สำคัญ พิมยังเป็นพี่สาวคนโตที่คอยดูแลและเป็นแรงบันดาลใจให้น้อง ๆ เสมอ โดยเฉพาะน้องสาวคนกลางอย่าง พลอยไพลิน ที่เธอยังเป็นคนช่วยผลักดันเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยตัวเองอีกด้วย นี่คืออีกมุมหนึ่งที่ทำให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีดีแค่ความสามารถ แต่เธอมีความรับผิดชอบและความรักที่ยิ่งใหญ่ให้กับคนในครอบครัว บทเรียนจากชีวิตนี้ สร้างความแข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ในตัวของเธอ ซึ่งหลายคนคงจะทราบว่าจากข่าวแล้วว่า ชีวิตของพิมต้องเจอกับมรสุมครั้งใหญ่ เรื่องราวความขัดแย้งในครอบครัวกลายเป็นข่าวใหญ่ที่ถูกพูดถึงในวงกว้าง ถึงแม้จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่พิมก็ตัดสินใจออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำตาคลอเบ้า ยอมรับว่าที่บ้านมีปัญหาจริง ๆ และที่สำคัญ เธอยังขอร้องให้ทุกคนอย่าไปว่าคุณแม่ของเธอเลย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งที่เธอและน้อง ๆ ต้องการให้เป็น พิมบอกว่าเรื่องนี้จะเป็นแผลในใจของเธอตลอดไป แต่มันก็เป็นบทเรียนที่ทำให้เธอได้รู้ว่าเธอเข้มแข็งแค่ไหน และความรักในครอบครัวนั้นสำคัญเพียงใด
   ตัดมาที่เรื่องความรักของเธอกันบ้าง เธอเคยมีข่าวคบหาแฟนหนุ่มนอกวงการที่คบหาดูใจกันมายาวนานถึง 4 ปี ก่อนที่จะออกมายอมรับว่าเลิกกันเมื่อต้นปี 2568 แต่เธอก็โสดได้ไม่นานเธอก็ได้เจอความรักครั้งใหม่ที่ช่วยเยียวยาหัวใจของเธอ โดยเธอได้ออกมาเปิดใจว่ากำลังศึกษาดูใจกับ แทม ชวนันท์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ แทม โคโค่แทม นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของร้านอาหารดังที่เกาะสมุย โดยมี เอมมี่ มรกต เป็นแม่สื่อให้ ทั้งคู่สาดความหวานกันแบบไม่ปิดบังในช่วงที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัน และฝ่ายชายยังเคยออกมาปกป้องพิมจากข่าวลือว่าเป็นเมียน้อยด้วยตัวเองอีกด้วย ทำให้เห็นว่าความรักครั้งนี้จริงจังและไปได้สวยเลยทีเดียว
   เป็นอย่างไรบ้างกับเรื่องราวของเธอคนนี้ พิม พิมประภา สาวสวยที่สอนให้เราได้รู้ว่าชีวิตคนเรานั้นมีทั้งด้านที่สว่างไสวและด้านที่มืดมน ไม่ว่าภายนอกจะดูสมบูรณ์แบบแค่ไหน ทุกคนต่างก็มีปัญหาในแบบของตัวเอง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการที่เราจะเรียนรู้และก้าวผ่านมันไปได้อย่างไร พิมเป็นตัวอย่างของผู้หญิงที่แม้จะเจอเรื่องราวที่ยากลำบาก แต่เธอก็เลือกที่จะรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ และที่สำคัญที่สุดคือเลือกที่จะปกป้องคนที่เธอรักอย่างสุดหัวใจ เรื่องราวของเธอจึงไม่ใช่แค่ประวัติของดาราสาวคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องราวของผู้หญิงที่มีความเข้มแข็ง ความรัก และความมุ่งมั่น ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลาย ๆ คนที่กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายในชีวิต ...ก่อนจากกันไปถ้าใครชอบคอนเทนต์แบบนี้ก็อย่าลืมบอกต่อด้วยนะ สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อนนะ แล้วพบกันใหม่ในคลิปหน้า บ้ายบาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่