พลอยเหนื่อยแล้ว ฟาอัลไปคุยกับคนอื่นเถอะนะ
.
คุณเคยเจอคนที่คิดว่าตัวเอง ‘รู้มาก’ แต่จริงๆ เป็นแค่คน ‘มั่นมาก’ ไหม?
.
ตั้งแต่ป้าข้างบ้านที่ชอบโชว์เหนือ ชาวเน็ตที่สักแต่จะพ่นศัพท์ยากๆ เพื่อนร่วมงานที่มั่นว่าตนเองรู้สารพัดอย่าง หรือแม้กระทั่งตัวเราเอง บางครั้งยังเผลอคิดเลยว่า เราน่าจะรู้ดีแล้วนะ แต่พอต้องอธิบายจริงๆ กลับไม่ทราบอะไรเลย
.
[ รู้น้อยแต่มั่นมาก ]
.
‘Dunning-Kruger Effect’ คืออาการรู้น้อยแต่มั่นมากที่ได้จากการศึกษาในปี 1999 โดย David Dunning และ Justin Kruger นักจิตวิทยาจาก Cornell University
.
ทั้งสองคนได้ทำการทดลองด้วยการให้นักศึกษาปริญญาตรี 45 คน ตอบคำถามด้านตรรกะ 20 ข้อ โดยก่อนทำข้อสอบ พวกเขาให้เด็กลองคาดการณ์คะแนนของตนเอง ซึ่งมีการประเมิน 2 แบบ คือ
.
1. ประเมินว่าจะตอบคำถามถูกกี่ข้อ
2. ประเมินเทียบกับนักศึกษาคนอื่น
.
จากการทดลองนี้ Dunning และ Kruger แบ่งผลลัพธ์ออกเป็น 2 กลุ่มตามช่วงคะแนน ซึ่งกลุ่มแรกคือคนที่ได้คะแนนต่ำ หรือมีคะแนนเฉลี่ยที่ 10 เต็ม 20 ส่วนอีกกลุ่มคือคนที่ได้คะแนนสูง หรือมีคะแนนเฉลี่ย 17 เต็ม 20 โดยทั้งสองพบว่า
.
- คนส่วนใหญ่ประเมินตนเองสูงกว่าค่าเฉลี่ย
- กลุ่มที่ได้คะแนนต่ำ ประเมินตนเองสูงกว่าที่ควร
- กลุ่มที่ได้คะแนนสูง ประเมินตนเองต่ำกว่าที่ควร
- กลุ่มที่ได้คะแนนต่ำ คาดว่าจะทำได้ดีกว่า 62% ของคนที่ทำข้อสอบทั้งหมด
- กลุ่มที่ได้คะแนนสูง คาดว่าจะทำได้ดีกว่า 68% ของคนที่ทำข้อสอบทั้งหมด
.
ด้วยเหตุนี้ Dunning และ Kruger จึงสรุปว่า คนเรามีอคติทางความคิด โดยคนที่มีความรู้และประสบการณ์น้อย มีแนวโน้มที่จะคิดว่าตนเองรู้มากกว่าคนอื่น
.
[ คิดไปเองว่าเรารู้ ]
.
อีกหนึ่งการศึกษาที่น่าสนใจคือหนังสือ ‘The Knowledge Illusion’ โดย Steven Sloman ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์การรู้คิดประจำ Brown University และ Philip Fernbach ผู้ร่วมแต่ง
.
The Knowledge Illusion อธิบายว่า คนส่วนใหญ่มักคิดว่าตนเองรู้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันแล้ว แต่ความจริงคือเราคิดไปเองต่างหากว่าเรารู้
.
ถ้าคุณไม่เชื่อ ลองตอบคำถามง่ายๆ ที่เกี่ยวกับสิ่งที่เราใช้อยู่ทุกวันดูสิ เช่น ตู้เย็นทำงานยังไง? หรือ ชักโครกทำงานยังไง?
.
แน่ล่ะ มันต้องมีคนตอบได้บ้างอยู่แล้ว แต่ก็อาจมีบางส่วนที่รู้สึกว่า นี่น่าจะเป็นสิ่งที่เรารู้มาตลอดนะ แต่พอให้อธิบาย กลับไม่รู้หรือตอบผิดๆ ถูกๆ เสียงั้น
.
[ ยอดเขาแห่งความโง่ หุบเขาแห่งความสิ้นหวัง สู่เนินเขาแห่งความตื่นรู้ ]
.
แล้วอะไรเป็นสาเหตุให้รู้น้อยแต่มั่นมาก?
.
เวลาคนเราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะต้องผ่านช่วงที่เรียกว่า ‘Mount Stupid’ หรือ ‘ยอดเขาแห่งความโง่’ ซึ่งเป็นช่วงที่คุณเข้าใจว่าตนเองรู้เยอะแล้ว แม้จริงๆ อาจรู้แค่ 10 จาก 100 เท่านั้น และไม่รู้ว่ายังมีอะไรให้รู้อีกมาก จนความมั่นใจพุ่งสูงจนฉุดไม่อยู่ แถมกล้าแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ด้วย
.
แต่ความมั่นใจนี้จะลดลงเมื่อถึงช่วง ‘Valley of Despair’ หรือ ‘หุบเขาแห่งความสิ้นหวัง’ เพราะความมั่นใจดันลดดิ่งลงเหว หลังจากรู้ว่าจริงๆ แล้ว เรื่องที่เชื่อว่ารู้มาก มันซับซ้อนกว่าที่คิด แม้ ณ ตอนนั้น ความรู้อาจมากกว่าคนทั่วไปก็ตาม
.
หากยังไม่ถอดใจจนหยุดเรียนรู้ไปก่อน จากหุบเขาแห่งความสิ้นหวัง จะผันเป็น ‘Slope of Enlightenment’ หรือ ‘เนินเขาแห่งความตื่นรู้’ ที่กราฟความมั่นใจจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่พุ่งกระฉูดแรงเท่าตอนยอดเขาแห่งความโง่ แถมคราวนี้ ความรู้ในเรื่องนั้นๆ จะเพิ่มขึ้น จนอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญเลยก็ได้
.
ทั้งนี้ การจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ยังไงๆ ก็ต้องผ่านช่วงยอดเขาแห่งความโง่ไปก่อน ทำให้ใครๆ ต่างล้วนเคยพูดในเรื่องที่ตนเองไม่รู้อย่างมั่นใจเกินเหตุกันทั้งนั้น
.
[ จะรู้น้อยรู้มาก ก็อย่าเป็นน้ำเต็มแก้ว ]
.
ปัญหาหนึ่งของอาการรู้น้อยแต่มั่นมากคือ มันอาจทำให้บางคนกลายเป็นตัวตลกของสังคม หรือเสียการงาน เพราะทำตัวเป็น ‘น้ำเต็มแก้ว’ ไม่ฟังผู้ใด
.
แต่ใช่ว่าปัญหานี้จะแก้ไม่ได้ เพียงแค่เราต้องรู้จักเป็นผู้ฟังและตั้งคำถามมากกว่าเป็นผู้พูดที่ไม่ฟังอะไรเลย
.
เมื่อไรก็ตามที่มั่นอกมั่นใจเกินไป อาจลองหยุดคิด แล้วฟังความเห็นที่ต่างออกไปบ้าง และก่อนเอ่ยคำใดๆ ออกไป ถามตนเองว่า สิ่งที่กำลังจะพูดนั้นเป็นเรื่องที่รู้จริง หรือเป็นเพียงความเห็นต่อประเด็นที่เราไม่รู้อะไรเลย
.
เพราะสุดท้ายแล้ว ความไม่รู้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ความไม่รู้อะไรเลยแต่ยังดื้อดึงว่าตนเองรู้มากที่สุดต่างหาก จะกลายเป็นศรย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวคุณเอง
.
#BrandInside #ธุรกิจคิดใหม่ #ความมั่นใจ #ความรู้ #ภัยความมั่น #DunningKruger
‘Dunning-Kruger Effect’ อาการรู้น้อยแต่มั่นมาก 🤫
.
คุณเคยเจอคนที่คิดว่าตัวเอง ‘รู้มาก’ แต่จริงๆ เป็นแค่คน ‘มั่นมาก’ ไหม?
.
ตั้งแต่ป้าข้างบ้านที่ชอบโชว์เหนือ ชาวเน็ตที่สักแต่จะพ่นศัพท์ยากๆ เพื่อนร่วมงานที่มั่นว่าตนเองรู้สารพัดอย่าง หรือแม้กระทั่งตัวเราเอง บางครั้งยังเผลอคิดเลยว่า เราน่าจะรู้ดีแล้วนะ แต่พอต้องอธิบายจริงๆ กลับไม่ทราบอะไรเลย
.
[ รู้น้อยแต่มั่นมาก ]
.
‘Dunning-Kruger Effect’ คืออาการรู้น้อยแต่มั่นมากที่ได้จากการศึกษาในปี 1999 โดย David Dunning และ Justin Kruger นักจิตวิทยาจาก Cornell University
.
ทั้งสองคนได้ทำการทดลองด้วยการให้นักศึกษาปริญญาตรี 45 คน ตอบคำถามด้านตรรกะ 20 ข้อ โดยก่อนทำข้อสอบ พวกเขาให้เด็กลองคาดการณ์คะแนนของตนเอง ซึ่งมีการประเมิน 2 แบบ คือ
.
1. ประเมินว่าจะตอบคำถามถูกกี่ข้อ
2. ประเมินเทียบกับนักศึกษาคนอื่น
.
จากการทดลองนี้ Dunning และ Kruger แบ่งผลลัพธ์ออกเป็น 2 กลุ่มตามช่วงคะแนน ซึ่งกลุ่มแรกคือคนที่ได้คะแนนต่ำ หรือมีคะแนนเฉลี่ยที่ 10 เต็ม 20 ส่วนอีกกลุ่มคือคนที่ได้คะแนนสูง หรือมีคะแนนเฉลี่ย 17 เต็ม 20 โดยทั้งสองพบว่า
.
- คนส่วนใหญ่ประเมินตนเองสูงกว่าค่าเฉลี่ย
- กลุ่มที่ได้คะแนนต่ำ ประเมินตนเองสูงกว่าที่ควร
- กลุ่มที่ได้คะแนนสูง ประเมินตนเองต่ำกว่าที่ควร
- กลุ่มที่ได้คะแนนต่ำ คาดว่าจะทำได้ดีกว่า 62% ของคนที่ทำข้อสอบทั้งหมด
- กลุ่มที่ได้คะแนนสูง คาดว่าจะทำได้ดีกว่า 68% ของคนที่ทำข้อสอบทั้งหมด
.
ด้วยเหตุนี้ Dunning และ Kruger จึงสรุปว่า คนเรามีอคติทางความคิด โดยคนที่มีความรู้และประสบการณ์น้อย มีแนวโน้มที่จะคิดว่าตนเองรู้มากกว่าคนอื่น
.
[ คิดไปเองว่าเรารู้ ]
.
อีกหนึ่งการศึกษาที่น่าสนใจคือหนังสือ ‘The Knowledge Illusion’ โดย Steven Sloman ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์การรู้คิดประจำ Brown University และ Philip Fernbach ผู้ร่วมแต่ง
.
The Knowledge Illusion อธิบายว่า คนส่วนใหญ่มักคิดว่าตนเองรู้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันแล้ว แต่ความจริงคือเราคิดไปเองต่างหากว่าเรารู้
.
ถ้าคุณไม่เชื่อ ลองตอบคำถามง่ายๆ ที่เกี่ยวกับสิ่งที่เราใช้อยู่ทุกวันดูสิ เช่น ตู้เย็นทำงานยังไง? หรือ ชักโครกทำงานยังไง?
.
แน่ล่ะ มันต้องมีคนตอบได้บ้างอยู่แล้ว แต่ก็อาจมีบางส่วนที่รู้สึกว่า นี่น่าจะเป็นสิ่งที่เรารู้มาตลอดนะ แต่พอให้อธิบาย กลับไม่รู้หรือตอบผิดๆ ถูกๆ เสียงั้น
.
[ ยอดเขาแห่งความโง่ หุบเขาแห่งความสิ้นหวัง สู่เนินเขาแห่งความตื่นรู้ ]
.
แล้วอะไรเป็นสาเหตุให้รู้น้อยแต่มั่นมาก?
.
เวลาคนเราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะต้องผ่านช่วงที่เรียกว่า ‘Mount Stupid’ หรือ ‘ยอดเขาแห่งความโง่’ ซึ่งเป็นช่วงที่คุณเข้าใจว่าตนเองรู้เยอะแล้ว แม้จริงๆ อาจรู้แค่ 10 จาก 100 เท่านั้น และไม่รู้ว่ายังมีอะไรให้รู้อีกมาก จนความมั่นใจพุ่งสูงจนฉุดไม่อยู่ แถมกล้าแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ด้วย
.
แต่ความมั่นใจนี้จะลดลงเมื่อถึงช่วง ‘Valley of Despair’ หรือ ‘หุบเขาแห่งความสิ้นหวัง’ เพราะความมั่นใจดันลดดิ่งลงเหว หลังจากรู้ว่าจริงๆ แล้ว เรื่องที่เชื่อว่ารู้มาก มันซับซ้อนกว่าที่คิด แม้ ณ ตอนนั้น ความรู้อาจมากกว่าคนทั่วไปก็ตาม
.
หากยังไม่ถอดใจจนหยุดเรียนรู้ไปก่อน จากหุบเขาแห่งความสิ้นหวัง จะผันเป็น ‘Slope of Enlightenment’ หรือ ‘เนินเขาแห่งความตื่นรู้’ ที่กราฟความมั่นใจจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่พุ่งกระฉูดแรงเท่าตอนยอดเขาแห่งความโง่ แถมคราวนี้ ความรู้ในเรื่องนั้นๆ จะเพิ่มขึ้น จนอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญเลยก็ได้
.
ทั้งนี้ การจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ยังไงๆ ก็ต้องผ่านช่วงยอดเขาแห่งความโง่ไปก่อน ทำให้ใครๆ ต่างล้วนเคยพูดในเรื่องที่ตนเองไม่รู้อย่างมั่นใจเกินเหตุกันทั้งนั้น
.
[ จะรู้น้อยรู้มาก ก็อย่าเป็นน้ำเต็มแก้ว ]
.
ปัญหาหนึ่งของอาการรู้น้อยแต่มั่นมากคือ มันอาจทำให้บางคนกลายเป็นตัวตลกของสังคม หรือเสียการงาน เพราะทำตัวเป็น ‘น้ำเต็มแก้ว’ ไม่ฟังผู้ใด
.
แต่ใช่ว่าปัญหานี้จะแก้ไม่ได้ เพียงแค่เราต้องรู้จักเป็นผู้ฟังและตั้งคำถามมากกว่าเป็นผู้พูดที่ไม่ฟังอะไรเลย
.
เมื่อไรก็ตามที่มั่นอกมั่นใจเกินไป อาจลองหยุดคิด แล้วฟังความเห็นที่ต่างออกไปบ้าง และก่อนเอ่ยคำใดๆ ออกไป ถามตนเองว่า สิ่งที่กำลังจะพูดนั้นเป็นเรื่องที่รู้จริง หรือเป็นเพียงความเห็นต่อประเด็นที่เราไม่รู้อะไรเลย
.
เพราะสุดท้ายแล้ว ความไม่รู้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ความไม่รู้อะไรเลยแต่ยังดื้อดึงว่าตนเองรู้มากที่สุดต่างหาก จะกลายเป็นศรย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวคุณเอง
.
#BrandInside #ธุรกิจคิดใหม่ #ความมั่นใจ #ความรู้ #ภัยความมั่น #DunningKruger