ปัญหาจากความพยายามปราบปรามบัญชีม้าครั้งนี้ของประเทศไทย คือยอดภูเขาน้ำแข็งที่กลายเป็นปัญหาที่หน่วยงานรัฐไทยเองแก้ไม่ตกไม่หลายปีแล้ว ในการพยายามจัดการกับกลุ่มอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ฉลาดเหลือเกิน พวกเขาหาทางหนีทีไล่ได้ตลอด จนธนาคารและตำรวจไทยไม่เคยไล่ตามพวกเขาได้ทัน แต่เหมือนการพยายาม ‘เผาป่าเพื่อไล่จับหนู’ที่เป็นแก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งคนที่โดนเผาส่วนใหญ่กลับเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์
.
ถ้าวันนี้คนที่ได้รับความเดือดร้อนคือพ่อค้าแม่ค้า ที่เสียงดังในโลกโซเชียล แต่คนที่ได้รับความทุกข์ร้อนมาเนิ่นนานตั้งแต่ช่วงปี 2564 คือคนชายขอบที่ถูกหลอกเข้าไปพัวพันกับเครือข่ายพวกนี้ และถูกอาชญากรรมซ้ำโดยตำรวจไทย
.
เคสแรกที่ผมติดตามคือกลุ่มนักศึกษานาฏศิลป์ จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกกลุ่มเพื่อนหลอกให้ไปเปิดบัญชีแลกค่าตอบแทนช่วงโควิด และนำบัญชีของพวกเขาไปใช้ทำบัญชีม้าตั้งแต่ช่วงปี 2564 ผลลัพธ์คือทั้งสามคนถูกจับติดคุกจนถึงปัจจุบัน ส่วนคนที่หลอกพวกเขาลอยนวล ผมยังจำคำพูดหนึ่งที่เขาพูดในห้องพิจารณาคดีได้ไม่ลืม
"หนูผิดขนาดนั้นเลยเหรอ ในวันที่หนูเรียนจบกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว ชีวิตหนูต้องสูญเสียทุกอย่าง หนูสูญเสียคุณยายระหว่างที่อยู่ในเรือนจำไม่มีโอกาสแม้จะได้บอกลากัน สิ่งที่ฟ้องหนูมันเกินไปรึเปล่า"
.
เคสที่สองคือกรณีปราบปรามสแกมเมอร์ที่เมืองเล่าก่าย ประเทศเมียนมาช่วงปลายปี 2566 กลุ่มคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งสแกมเมอร์ถูกช่วยเหลือกลับมาประเทศไทย คนบางส่วนถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมกับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ ติดคุกไปฟรีๆ 2 ปี ก่อนศาลยกฟ้อง
อ่านเรื่องราวได้ที่;
https://hardstories.org/th/stories/rights-suppression/when-cybercrime-trafficking-victims-become-suspects
.
เคสที่สามเป็นนักเทรดคริปโต ที่ดันไปแลกเปลี่ยนเหรียญกับผู้ใช้คนอื่น ก่อนถูกจับในข้อหาฟอกเงิน โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้เรื่องว่าเหรียญที่ตัวเองแลกมานั้น มันคือเงินที่ได้มาจากแก๊งสแกมเมอร์ ต้องเสียอนาคตและกิจการที่ตนเองพยายามสร้างขึ้นมา
.
เคสที่สี่คือครอบครัวจากปัตตานี ที่ไปทำงานขายของตามตลาดนัดที่อรัญประเทศ ทั้งครอบครัวพ่อ แม่ ลูก ถูกหลอกว่ามีงานให้ทำที่กัมพูชา ก่อนถูกขโมยบัญชีธนาคาร ไปทำธุรกรรมการเงินหลอกเงินคนอื่น ครอบครัวนี้หนีกลับมาประเทศไทยได้ ก่อนเหมือนเคยถูกตำรวจไทยจับเข้าคุก โชคดีได้รับการประกันตัวและช่วยเหลือจาก NGO และต้องมาต่อสู้คดีจากการถูกเอาบัญชีธนาคารของตนเองไปใช้อีก 5-6 คดีแน่นอนในปีนี้ยังมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นอีกนับร้อยคดี หลายคนโชคไม่เข้าข้างไม่ได้รับการประกันตัว ยังคงติดอยู่ในเรือนจำ และอย่างที่เน้นย้ำ เกือบทุกเคสที่ได้สัมภาษณ์คือคนจน ที่ไม่มีต้นทุนทางชีวิตและสังคม
อ่านเพิ่มเติมได้ที่;
https://plus.thairath.co.th/topic/politics&society/105152
.
สิ่งที่ผมอยากสื่อสารและเชื่อมโยงให้เห็นกับปัญหาการระงับบัญชีที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ หน่วยงานรัฐไทย โดยเฉพาะตำรวจไทยไม่มีความสามารถมากพอในการสืบสวน และติดตามลงโทษผู้กระทำความผิดที่แท้จริงได้ ถ้าพูดภาษาชาวบ้านคือแก๊งสแกมเมอร์ที่ส่วนใหญ่แฝงตัวอยู่ทั้งในประเทศและในประเทศเพื่อนบ้าน รู้ช่องทางในการเอาตัวรอดและตำรวจไทยตามไม่ทัน หลายครั้งสำนวนคดีที่ตำรวจไทยพยายามทำ ไม่เคยสาวไปถึงตัวการใหญ่ แต่ไล่จับเอาคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหลักฐานบางทีที่ไม่สมเหตุสมผล
.
ผลลัพธ์ก็อย่างที่เราเห็นความซวยก็มาตกกับประชาชนธรรมดา ถ้าคิดว่าการถูกอายัดบัญชีสองเดือนก็เดือดร้อนทรมานแล้ว ลองนึกถึงคนที่ถูกหลอกให้ไปทำงานหรือแม้กระทั่งถูกบังคับใช้บัญชีธนาคาร และต้องกลับมาติดคุกฟรีๆ นานนับปี กว่าที่หลายคนจะเป็นอิสระเมื่อศาลยกฟ้อง หลายคนพอได้อิสระ ชีวิตก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว เสียเวลา เสียประวัติ กลับเข้าสู่วังวนของความยากจน ที่รอเวลาถูกหลอกอีกครั้ง
.
ยอดภูเขาน้ำแข็งของปัญหาการตามระงับบัญชีม้าในประเทศไทย
ปัญหาจากความพยายามปราบปรามบัญชีม้าครั้งนี้ของประเทศไทย คือยอดภูเขาน้ำแข็งที่กลายเป็นปัญหาที่หน่วยงานรัฐไทยเองแก้ไม่ตกไม่หลายปีแล้ว ในการพยายามจัดการกับกลุ่มอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ฉลาดเหลือเกิน พวกเขาหาทางหนีทีไล่ได้ตลอด จนธนาคารและตำรวจไทยไม่เคยไล่ตามพวกเขาได้ทัน แต่เหมือนการพยายาม ‘เผาป่าเพื่อไล่จับหนู’ที่เป็นแก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งคนที่โดนเผาส่วนใหญ่กลับเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์
.
ถ้าวันนี้คนที่ได้รับความเดือดร้อนคือพ่อค้าแม่ค้า ที่เสียงดังในโลกโซเชียล แต่คนที่ได้รับความทุกข์ร้อนมาเนิ่นนานตั้งแต่ช่วงปี 2564 คือคนชายขอบที่ถูกหลอกเข้าไปพัวพันกับเครือข่ายพวกนี้ และถูกอาชญากรรมซ้ำโดยตำรวจไทย
.
เคสแรกที่ผมติดตามคือกลุ่มนักศึกษานาฏศิลป์ จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกกลุ่มเพื่อนหลอกให้ไปเปิดบัญชีแลกค่าตอบแทนช่วงโควิด และนำบัญชีของพวกเขาไปใช้ทำบัญชีม้าตั้งแต่ช่วงปี 2564 ผลลัพธ์คือทั้งสามคนถูกจับติดคุกจนถึงปัจจุบัน ส่วนคนที่หลอกพวกเขาลอยนวล ผมยังจำคำพูดหนึ่งที่เขาพูดในห้องพิจารณาคดีได้ไม่ลืม
"หนูผิดขนาดนั้นเลยเหรอ ในวันที่หนูเรียนจบกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว ชีวิตหนูต้องสูญเสียทุกอย่าง หนูสูญเสียคุณยายระหว่างที่อยู่ในเรือนจำไม่มีโอกาสแม้จะได้บอกลากัน สิ่งที่ฟ้องหนูมันเกินไปรึเปล่า"
.
เคสที่สองคือกรณีปราบปรามสแกมเมอร์ที่เมืองเล่าก่าย ประเทศเมียนมาช่วงปลายปี 2566 กลุ่มคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งสแกมเมอร์ถูกช่วยเหลือกลับมาประเทศไทย คนบางส่วนถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมกับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ ติดคุกไปฟรีๆ 2 ปี ก่อนศาลยกฟ้อง
อ่านเรื่องราวได้ที่; https://hardstories.org/th/stories/rights-suppression/when-cybercrime-trafficking-victims-become-suspects
.
เคสที่สามเป็นนักเทรดคริปโต ที่ดันไปแลกเปลี่ยนเหรียญกับผู้ใช้คนอื่น ก่อนถูกจับในข้อหาฟอกเงิน โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้เรื่องว่าเหรียญที่ตัวเองแลกมานั้น มันคือเงินที่ได้มาจากแก๊งสแกมเมอร์ ต้องเสียอนาคตและกิจการที่ตนเองพยายามสร้างขึ้นมา
.
เคสที่สี่คือครอบครัวจากปัตตานี ที่ไปทำงานขายของตามตลาดนัดที่อรัญประเทศ ทั้งครอบครัวพ่อ แม่ ลูก ถูกหลอกว่ามีงานให้ทำที่กัมพูชา ก่อนถูกขโมยบัญชีธนาคาร ไปทำธุรกรรมการเงินหลอกเงินคนอื่น ครอบครัวนี้หนีกลับมาประเทศไทยได้ ก่อนเหมือนเคยถูกตำรวจไทยจับเข้าคุก โชคดีได้รับการประกันตัวและช่วยเหลือจาก NGO และต้องมาต่อสู้คดีจากการถูกเอาบัญชีธนาคารของตนเองไปใช้อีก 5-6 คดีแน่นอนในปีนี้ยังมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นอีกนับร้อยคดี หลายคนโชคไม่เข้าข้างไม่ได้รับการประกันตัว ยังคงติดอยู่ในเรือนจำ และอย่างที่เน้นย้ำ เกือบทุกเคสที่ได้สัมภาษณ์คือคนจน ที่ไม่มีต้นทุนทางชีวิตและสังคม
อ่านเพิ่มเติมได้ที่; https://plus.thairath.co.th/topic/politics&society/105152
.
สิ่งที่ผมอยากสื่อสารและเชื่อมโยงให้เห็นกับปัญหาการระงับบัญชีที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ หน่วยงานรัฐไทย โดยเฉพาะตำรวจไทยไม่มีความสามารถมากพอในการสืบสวน และติดตามลงโทษผู้กระทำความผิดที่แท้จริงได้ ถ้าพูดภาษาชาวบ้านคือแก๊งสแกมเมอร์ที่ส่วนใหญ่แฝงตัวอยู่ทั้งในประเทศและในประเทศเพื่อนบ้าน รู้ช่องทางในการเอาตัวรอดและตำรวจไทยตามไม่ทัน หลายครั้งสำนวนคดีที่ตำรวจไทยพยายามทำ ไม่เคยสาวไปถึงตัวการใหญ่ แต่ไล่จับเอาคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหลักฐานบางทีที่ไม่สมเหตุสมผล
.
ผลลัพธ์ก็อย่างที่เราเห็นความซวยก็มาตกกับประชาชนธรรมดา ถ้าคิดว่าการถูกอายัดบัญชีสองเดือนก็เดือดร้อนทรมานแล้ว ลองนึกถึงคนที่ถูกหลอกให้ไปทำงานหรือแม้กระทั่งถูกบังคับใช้บัญชีธนาคาร และต้องกลับมาติดคุกฟรีๆ นานนับปี กว่าที่หลายคนจะเป็นอิสระเมื่อศาลยกฟ้อง หลายคนพอได้อิสระ ชีวิตก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว เสียเวลา เสียประวัติ กลับเข้าสู่วังวนของความยากจน ที่รอเวลาถูกหลอกอีกครั้ง
.