ส่วนตัวเป็นคนชอบการแสดงของเฉินหลงอยู่แล้ว แต่หลัง ๆ มายอมรับว่าอาจจะผิดหวังกับหนังเฉินหลงบ้าง แต่ก็เข้าใจว่าด้วยอายุอานามจะให้เฮียแกเล่นแบบตอนหนุ่ม ๆ ก็คงเป็นไปได้ยาก ล่าสุดอย่าง Karate Kid: Legends ที่ก็เป็นหนังที่สนุก แต่ก็เห็นความอ่อนแรงของเฮียได้อย่างค่อนข้างชัดเจน มาถึงเรื่องนี้ เห็นว่าทำเงินได้ดีมากในตลาดจีน ก็คงไม่พลาดที่จะเข้าไปดู แต่ในใจก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากครับ
ส่วนความรู้สึกหลังดู คือ ต้องบอกเลยว่า The Legend is Back ครับ เป็นที่สุดของหนังเฉินหลงในรอบหลายปีเลยครับ สนุกมาก ตัวหนังมีกลิ่นอายของหนังเฉินหลงในยุค 70's - 90's มาเต็ม เพิ่มเติมด้วยความล้ำยุคของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน ที่ผสานกันอย่างลงตัว ตัวบทมีลูกล่อลูกชน มีจุดพลิกจุดหัก จุดปมในใจตัวละครตามสไตล์หนังบู๊ฮ่องกงนั่นแหละครับ มีซีนผาดแผลงที่ดีงาม ถึงแม้ดูแล้วเหมือนจะได้แรงบันดาลใจมาจากหนังฝรั่งบ้างก็ตาม รวมทั้ง CG ที่ออกจะลอย ๆ ไปบ้าง ก็ข้าม ๆ ไปได้ เพราะหนังมันสนุก
อยากจะพูดถึงเนื้อเรื่องและบท อันนี้ทำออกได้แบบเป็น Signature ของหนังบู๊ฮ่องกงสมัยก่อนเลย แต่กลับดูไม่เชย เพราะอย่างที่บอกว่าเขาเอาเรื่องเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเติมไว้ด้วย ซีนภาพออกมาสวย ถ่ายมาเก๊าออกมาได้อลังการดี และซีนบู๊ที่ออกมาแบบนันสต๊อบสไตล์หนังบู๊ฮ่องกงก็เป็นอะไรที่ดูแล้วเหนื่อยแต่ดีงาม หนังไม่ได้ให้เฉินหลงแบกหนักแบบในอดีตแล้ว แต่ให้เป็นเหมือนคนนำทาง ส่งบทบาทให้กับตัวแสดงอื่น ๆ ทำให้บทคนอื่น ๆ ในเรื่องไม่จมไปกับเนื้อเรื่อง ทุกคนในทีมดูมีตัวมีตน แถมยังไม่ลืมใส่ความฮาในแบบที่หนังเฉินหลงต้องมีมาอีก ครบเครื่องครับ
มาถึงตัวเฉินหลง ใครจะนึกว่าคนอายุ 71 ปี จะเล่นบทบู๊ได้อลังการขนาดนี้ และพี่แกมาเต็มสไตล์ดั้งเดิมจริง คือ บู๊แบบกวน ๆ ฮา ๆ มีให้หลุดยิ้มหลุดขำหลายตอนเชียวครับ แถมเรื่องนี้ยังมาพร้อมกับ "Big Tony" เหลียงเจียฮุย ที่เคยฝากผลงานไว้ในใจคนไทย เช่น โหดเลวดี คนตัดคน ฯลฯ อีก คนนี้ก็ 67 ปี แล้วครับ และซีนบู๊ท้ายเรื่องระหว่างทั้ง 2 ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นอะไรที่คลาสสิกมากครับ พูดได้แค่นี้ ดีงามมาก
และที่จะลืมไม่ได้เลย คือ นางเอกของเรื่อง จางจื่อเฟิง เธอเพิ่งอายุ 24 ปีเอง แต่แสดงได้เก่งมาก ๆ นึกไปถึงน้องจีจ้าของไทยเราเลยครับ ในอนาคตเธออาจจะกลายเป็นราชินีนักบู๊คนใหม่ก็ได้ครับ และนักแสดงร่วมคนอื่น ๆ ก็คือดีงามหมด ทั้งทีมฝั่งตำรวจ และฝั่งตัวร้าย (ที่แบบเท่มาก ๆ)
สรุป ถ้าคุณเป็นแฟนเฉินหลง ถ้าคุณชอบดูหนังบู๊ฮ่องกงสไตล์ Original ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง และต่อให้คุณไม่ได้เป็น FC ใด ๆ แต่อยากดูหนังที่สนุก ก็ห้ามพลาดเช่นกัน หนังความยาว 141 นาที แป๊ปเดียวเองจบแล้วครับ อ้อ! หนังมี End Credit ที่ห้ามพลาดเลยครับ ต้องนั่งรอดูนะครับ เพราะใช่ครับ..
ใครได้ไปดูมาแล้วบ้าง คิดเห็นอย่างไรมาแชร์กันได้นะครับ
The Shadow's Edge แผนระห่ำ ใหญ่ฟัดเดือด.. ใครไปดูมาแล้วบ้าง ชอบ ไม่ชอบ อย่างไรกันบ้างครับ
ส่วนตัวเป็นคนชอบการแสดงของเฉินหลงอยู่แล้ว แต่หลัง ๆ มายอมรับว่าอาจจะผิดหวังกับหนังเฉินหลงบ้าง แต่ก็เข้าใจว่าด้วยอายุอานามจะให้เฮียแกเล่นแบบตอนหนุ่ม ๆ ก็คงเป็นไปได้ยาก ล่าสุดอย่าง Karate Kid: Legends ที่ก็เป็นหนังที่สนุก แต่ก็เห็นความอ่อนแรงของเฮียได้อย่างค่อนข้างชัดเจน มาถึงเรื่องนี้ เห็นว่าทำเงินได้ดีมากในตลาดจีน ก็คงไม่พลาดที่จะเข้าไปดู แต่ในใจก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากครับ
ส่วนความรู้สึกหลังดู คือ ต้องบอกเลยว่า The Legend is Back ครับ เป็นที่สุดของหนังเฉินหลงในรอบหลายปีเลยครับ สนุกมาก ตัวหนังมีกลิ่นอายของหนังเฉินหลงในยุค 70's - 90's มาเต็ม เพิ่มเติมด้วยความล้ำยุคของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน ที่ผสานกันอย่างลงตัว ตัวบทมีลูกล่อลูกชน มีจุดพลิกจุดหัก จุดปมในใจตัวละครตามสไตล์หนังบู๊ฮ่องกงนั่นแหละครับ มีซีนผาดแผลงที่ดีงาม ถึงแม้ดูแล้วเหมือนจะได้แรงบันดาลใจมาจากหนังฝรั่งบ้างก็ตาม รวมทั้ง CG ที่ออกจะลอย ๆ ไปบ้าง ก็ข้าม ๆ ไปได้ เพราะหนังมันสนุก
อยากจะพูดถึงเนื้อเรื่องและบท อันนี้ทำออกได้แบบเป็น Signature ของหนังบู๊ฮ่องกงสมัยก่อนเลย แต่กลับดูไม่เชย เพราะอย่างที่บอกว่าเขาเอาเรื่องเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเติมไว้ด้วย ซีนภาพออกมาสวย ถ่ายมาเก๊าออกมาได้อลังการดี และซีนบู๊ที่ออกมาแบบนันสต๊อบสไตล์หนังบู๊ฮ่องกงก็เป็นอะไรที่ดูแล้วเหนื่อยแต่ดีงาม หนังไม่ได้ให้เฉินหลงแบกหนักแบบในอดีตแล้ว แต่ให้เป็นเหมือนคนนำทาง ส่งบทบาทให้กับตัวแสดงอื่น ๆ ทำให้บทคนอื่น ๆ ในเรื่องไม่จมไปกับเนื้อเรื่อง ทุกคนในทีมดูมีตัวมีตน แถมยังไม่ลืมใส่ความฮาในแบบที่หนังเฉินหลงต้องมีมาอีก ครบเครื่องครับ
มาถึงตัวเฉินหลง ใครจะนึกว่าคนอายุ 71 ปี จะเล่นบทบู๊ได้อลังการขนาดนี้ และพี่แกมาเต็มสไตล์ดั้งเดิมจริง คือ บู๊แบบกวน ๆ ฮา ๆ มีให้หลุดยิ้มหลุดขำหลายตอนเชียวครับ แถมเรื่องนี้ยังมาพร้อมกับ "Big Tony" เหลียงเจียฮุย ที่เคยฝากผลงานไว้ในใจคนไทย เช่น โหดเลวดี คนตัดคน ฯลฯ อีก คนนี้ก็ 67 ปี แล้วครับ และซีนบู๊ท้ายเรื่องระหว่างทั้ง 2 ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นอะไรที่คลาสสิกมากครับ พูดได้แค่นี้ ดีงามมาก
และที่จะลืมไม่ได้เลย คือ นางเอกของเรื่อง จางจื่อเฟิง เธอเพิ่งอายุ 24 ปีเอง แต่แสดงได้เก่งมาก ๆ นึกไปถึงน้องจีจ้าของไทยเราเลยครับ ในอนาคตเธออาจจะกลายเป็นราชินีนักบู๊คนใหม่ก็ได้ครับ และนักแสดงร่วมคนอื่น ๆ ก็คือดีงามหมด ทั้งทีมฝั่งตำรวจ และฝั่งตัวร้าย (ที่แบบเท่มาก ๆ)
สรุป ถ้าคุณเป็นแฟนเฉินหลง ถ้าคุณชอบดูหนังบู๊ฮ่องกงสไตล์ Original ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง และต่อให้คุณไม่ได้เป็น FC ใด ๆ แต่อยากดูหนังที่สนุก ก็ห้ามพลาดเช่นกัน หนังความยาว 141 นาที แป๊ปเดียวเองจบแล้วครับ อ้อ! หนังมี End Credit ที่ห้ามพลาดเลยครับ ต้องนั่งรอดูนะครับ เพราะใช่ครับ..
ใครได้ไปดูมาแล้วบ้าง คิดเห็นอย่างไรมาแชร์กันได้นะครับ