ช่วงนี้เขมรส่งโดรนเข้ามาในไทยทุกวัน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการป่วนเล่นๆ แล้วก็ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อสอดแนม เพราะว่า
1. โดรนบางตัวไม่มีกล้อง จึงสอดแนมไม่ได้
2. โดรนส่วนใหญ่จะถูกส่งมาตอนกลางคืน และเปิดไฟสว่าง ถ้าเป็นโดรนสอดแนม จะต้องปิดไฟมืดไม่ให้เราเห็นโดรน
เขมรส่งโดรนมาตอนกลางคืนแล้วเปิดไฟ เพื่อต้องการให้เราเห็นโดรนชัดๆ เพื่อที่จะตรวจสอบว่า
เรามีแอนตี้โดรนหรือเปล่า ตอนนี้เขมรเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆว่าพื้นที่ไหนบ้างที่เรามีแอนตี้โดรน
พื้นที่ไหนบ้างที่เราไม่มี เช่น ส่งโดรนเข้ามา 10 ลำ ตอนขากลับมีครบ 10 ลำ แสดงว่าพื้นที่นั้นไม่มีแอนตี้โดรน
แต่ถ้าเหลือกลับแค่ 2 ลำ แสดงว่าพื้นที่นั้นมีขีดความสามารถในการกำจัดโดรน
แล้วเขมรมันก็รู้ความถี่ของแอนตี้โดรนเราด้วยนะ
เช่นมันส่งโดรนมา 2 ลำ ลำแรกใช้ความถี่บังคับวิทยุ 1 ghz
ลำที่ 2 ใช้ความถี่ 2 ghz แล้วลำแรกถูกเราสอยตก แต่ลำที่ 2 ไม่ตก
แสดงว่าความถี่ของแอนตี้โดรนของเราคือ 1 ghz
ดังนั้นเขมรมันก็สามารถหลีกเลี่ยงความถี่นี้ได้ โดยใช้โดรนที่ความถี่อื่น
ตอนนี้ประเทศไทยแทบไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับแอนตี้โดรนของเขมรเลยนะ
ว่ามีประสิทธิภาพมากแค่ไหน เพราะเราไม่ได้ส่งโดรนไปทดสอบระบบแอนตี้โดรนของเขมรเลย
ความจริงเขมรมันไม่ได้ฉลาดหรอก แต่ว่ามันซื้อโดรนจากต่างประเทศ เช่นจีนหรือรัสเซีย
แล้วมันก็จ้างจีนหรือรัสเซีย ให้เป็นที่ปรึกษาการรบด้วยโดรนให้
ถ้ามีการรบครั้งต่อไป เขมรก็จะส่งโดรนติดระเบิดเข้ามาจำนวนมากเหมือนห่าฝน
ตรงพื้นที่ที่ไม่สามารถกำจัดโดรนได้ เพราะว่าเขมรมีข้อมูลหมดแล้วว่าพื้นที่ไหนที่เราอ่อนแอ
ทุกวันนี้ข่าวที่เสนอเกี่ยวกับเขมรส่งโดรนเข้ามา เจ้าหน้าที่ไทยส่วนใหญ่จะได้แต่ยืนมอง
ยังไม่มีความสามารถในการสอยโดรนเขมรให้ร่วงเลย
ดังนั้นเราต้องเร่งสร้างเครื่องแอนตี้โดรนจำนวนหลายเครื่องโดยด่วน
เราต้องรีบระดมนักเทคโนโลยีและนักอุตสาหกรรม มาวิจัยพัฒนาและสร้างแอนตี้โดรนด่วน
สร้างให้เพียงพอกับความต้องการ และครอบคลุมหลายย่านความถี่
ไม่ใช่สร้างแค่เครื่องเดียวเพื่อเรียกสื่อมาทำข่าวแล้วก็จบๆกันไป
แล้วก็หันไปสั่งซื้อแอนตี้โดรนจากต่างประเทศ
เขมรส่งโดรนเข้ามาในไทย เพื่อเช็คว่าเรามีแอนตี้โดรนหรือเปล่า