เพิ่งได้ดูยูทูปช่องหนึ่ง รีวิวว่ารถEVที่ตัวเองเลือกดี มีคนใช้จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และได้เอาเข้าศูนย์เช็คระยะ 120,000 ก.ม. แต่หลังออกจากศูนย์มา หัวร้อนจนต้องประกาศขาย
วันก่อนก็มีช่องหนึ่งพูดเรื่องการผลิตสินค้าที่ดีออกมาขาย สินค้านี้ทนทานนานปี สุดท้ายบริษัทเจ๊งอยู่ไม่ได้ ไม่มีใครซื้อซ้ำ กับอีกบริษัท ที่ทำสินค้าแบบฉาบฉวย ราคาถูก พอเสียก็ไม่ซ่อม ซื้อใหม่ มีลูกเล่นเพิ่มมาอยู่เรื่อยๆ ในบริษัทก็คิดค้นหาลูกเล่นใหม่ๆ อยู่เสมอ และก็จะไม่ปล่อยทั้งหมดในทันที ไม่ทำสินค้าให้สุดๆ ต้องกั๊กไว้ปล่อยในรุ่นถัดไป
บริษัทรถก็เช่นกัน ถ้าเข้ามาเพื่อขายในไทย ประกอบรถเสร็จอย่างดี คนไทยก็ยังไม่ซื้อ กลัวว่าเวลาเสียจะเข้าใช้บริการที่ไหน สุดท้ายบริษัทก็ต้องลงทุนเปิดศูนย์บริการและศูนย์จำหน่าย มีค่าใช้จ่ายอีกมหาศาล ทั้งค่าเช่า ค่าแรงพนักงาน เปิดแค่ศูนย์เดียวในกทม.ก็ไม่ได้ ก็ต้องเปิดในภูมิภาคอีก เลือกจว.ใหญ่ๆ ก็ต้องมีอย่างน้อย 30-40 ศูนย์
ประกอบกับมีความผิดปกติของการจำหน่ายรถยนต์ มีดีลพิเศษจากภาครัฐ ให้สามารถซื้อรถในราคาที่ถูกลงแลกกับการผลิตเพื่อทดแทนในอนาคต อีกทั้งในประเทศต้นทางก็มีการแทรกแซงของรัฐบาลมอบสิทธิพิเศษลดแลกแจกแถมเพื่อให้อุตสาหกรรมเติบโตเป็นรายได้ของประเทศ ต่างก็รีบผลิตจนล้นความต้องการ เกิดการตัดราคาขายกันเพื่อที่จะระบายสต็อคพร้อมกับตัดคู่แข่งที่แข็งแรงไม่พอให้ออกจากสนามแข่งขัน
เมื่อมีรถในตลาดเดียวกันลดราคา จะลดราคาลงมาสู้ก็จะเจ็บตัว สุดท้ายก็ต้องเลือกกลยุทธ์ที่จะเอาตัวรอด ด้วยการประกาศขยายการรับประกันแบตเตอรี่ตลอดชีพ แต่อย่าดีใจกับผู้บริโภค เพราะต้องแลกมากับการเข้าบริการทุกระยะที่บริษัทรถกำหนด หากพลั้งเผลอไม่เข้า ก็จะถือโอกาสปัดความรับผิดชอบแบตเตอรี่นั้นทันที
ย้อนขึ้นไปย่อหน้าที่ 3 ที่บอกว่ามีค่าใช้จ่ายในศูนย์บริการมาก ทำยังไงถึงจะลดรายจ่ายหรือมีรายได้เพิ่มมาชดเชย สุดท้าย จากรถที่แทบจะไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษ กลับมีค่าใช้จ่ายแฝงขึ้นมาบีบให้ลูกค้าต้องกัดฟันจ่าย ด้วยการออก
สเปรย์ล้างทำความสะอาดสายไฟ ถามว่า ตอนจะซื้อรถพวกคุณเคยได้ยินสินค้าประเภทนี้กันไหม ที่เคยเห็นในท้องตลาดก็จะเป็นสเปรย์ล้างคอนแท็ค หรือสเปรย์อเนกประสงค์ฉีดเพื่อหล่อลื่น หรือสเปรย์ล้างคราบมัน สเปรย์ล้างเบรค(ที่อยู่ในศูนย์บริการแอบใส่มาให้เป็นค่าใช้จ่ายลูกค้า ใช้ไม่กี่ปื้ด เก็บไว้ใช้ครั้งถัดไปก็ยังได้)
กลับไปที่ ผู้รีวิว เจอการกระทำของศูนย์ ที่เอาสเปรย์ 2 กระป๋อง พยายามฉีดในห้องเครื่องเพื่อให้หมดกระป๋อง ไม่ให้ใช้ในครั้งถัดไป (ลืมบอกว่า ผู้รีวิวได้กลับบ้านเพื่อไปเอาสเปรย์ที่เหลือจากคราวก่อนมาให้ศูนย์ใช้) สุดท้ายผู้รีวิวไม่พอใจพยายามที่จะคุยกับศูนย์ และได้บทสรุปว่าจะล้างห้องเครื่องให้ทดแทนในการบริการครั้งถัดไป กับค่าใช้จ่ายในการเข้าบริการครั้งนี้ เป็นจำนวนเงิน 5พันกว่าบาท (บริษัทคู่แข่งจะอยู่ที่ไม่เกิน3พันบาท ทั้งบวกจากค่าแรงช่างที่คิดเป็นชั่วโมง )
สรุปสุดท้าย ผู้รีวิวประกาศขาย แบบที่ให้เปลี่ยนสัญญาผ่อนต่อ ในราคาที่น่าสนใจมาก ผ่อนต่อเดือนไม่ได้มากเลย ซื้อมาใช้ๆ ไป ไม่ต้องเข้าศูนย์เพื่อเช็คระยะก็ได้ ค่าแบตก็ยังอยู่ 88% 3ร้อยก.ม.+ ใช้ได้อีกหลายปีสบายๆ เช็คระยะตามอู่นอกก็ได้ ทำตามความจำเป็นก็พอ เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ น้ำหล่อเย็น และน้ำยาแอร์ ระบบเบรค ทำตามร้านเบรคทั่วไปได้สบายมาก
อย่าหลงกลเรื่องการรับประกันแบตเตอรี่ เพราะถ้าคุณใช้แล้วไปกระแทกอะไรมาเป็นริ้วรอยที่ตัวแบต หรือลุยน้ำท่วมมาก็จะไล่ให้ไปเคลมจากประกันภัย อีกอย่างมีข่าวบริษัทจากจีนมาเปิดให้บริการรับซ่อมแบตเตอรี่แล้วด้วย เป็นผมจะยอมเสี่ยงซื้อมาใช้ครับ (มีรถประเภทนี้แล้ว)
ถ้ารถดี ศูนย์ไม่ดี จะยังซื้อกันอยู่ไหม เข้ามาคุยกัน
วันก่อนก็มีช่องหนึ่งพูดเรื่องการผลิตสินค้าที่ดีออกมาขาย สินค้านี้ทนทานนานปี สุดท้ายบริษัทเจ๊งอยู่ไม่ได้ ไม่มีใครซื้อซ้ำ กับอีกบริษัท ที่ทำสินค้าแบบฉาบฉวย ราคาถูก พอเสียก็ไม่ซ่อม ซื้อใหม่ มีลูกเล่นเพิ่มมาอยู่เรื่อยๆ ในบริษัทก็คิดค้นหาลูกเล่นใหม่ๆ อยู่เสมอ และก็จะไม่ปล่อยทั้งหมดในทันที ไม่ทำสินค้าให้สุดๆ ต้องกั๊กไว้ปล่อยในรุ่นถัดไป
บริษัทรถก็เช่นกัน ถ้าเข้ามาเพื่อขายในไทย ประกอบรถเสร็จอย่างดี คนไทยก็ยังไม่ซื้อ กลัวว่าเวลาเสียจะเข้าใช้บริการที่ไหน สุดท้ายบริษัทก็ต้องลงทุนเปิดศูนย์บริการและศูนย์จำหน่าย มีค่าใช้จ่ายอีกมหาศาล ทั้งค่าเช่า ค่าแรงพนักงาน เปิดแค่ศูนย์เดียวในกทม.ก็ไม่ได้ ก็ต้องเปิดในภูมิภาคอีก เลือกจว.ใหญ่ๆ ก็ต้องมีอย่างน้อย 30-40 ศูนย์
ประกอบกับมีความผิดปกติของการจำหน่ายรถยนต์ มีดีลพิเศษจากภาครัฐ ให้สามารถซื้อรถในราคาที่ถูกลงแลกกับการผลิตเพื่อทดแทนในอนาคต อีกทั้งในประเทศต้นทางก็มีการแทรกแซงของรัฐบาลมอบสิทธิพิเศษลดแลกแจกแถมเพื่อให้อุตสาหกรรมเติบโตเป็นรายได้ของประเทศ ต่างก็รีบผลิตจนล้นความต้องการ เกิดการตัดราคาขายกันเพื่อที่จะระบายสต็อคพร้อมกับตัดคู่แข่งที่แข็งแรงไม่พอให้ออกจากสนามแข่งขัน
เมื่อมีรถในตลาดเดียวกันลดราคา จะลดราคาลงมาสู้ก็จะเจ็บตัว สุดท้ายก็ต้องเลือกกลยุทธ์ที่จะเอาตัวรอด ด้วยการประกาศขยายการรับประกันแบตเตอรี่ตลอดชีพ แต่อย่าดีใจกับผู้บริโภค เพราะต้องแลกมากับการเข้าบริการทุกระยะที่บริษัทรถกำหนด หากพลั้งเผลอไม่เข้า ก็จะถือโอกาสปัดความรับผิดชอบแบตเตอรี่นั้นทันที
ย้อนขึ้นไปย่อหน้าที่ 3 ที่บอกว่ามีค่าใช้จ่ายในศูนย์บริการมาก ทำยังไงถึงจะลดรายจ่ายหรือมีรายได้เพิ่มมาชดเชย สุดท้าย จากรถที่แทบจะไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษ กลับมีค่าใช้จ่ายแฝงขึ้นมาบีบให้ลูกค้าต้องกัดฟันจ่าย ด้วยการออกสเปรย์ล้างทำความสะอาดสายไฟ ถามว่า ตอนจะซื้อรถพวกคุณเคยได้ยินสินค้าประเภทนี้กันไหม ที่เคยเห็นในท้องตลาดก็จะเป็นสเปรย์ล้างคอนแท็ค หรือสเปรย์อเนกประสงค์ฉีดเพื่อหล่อลื่น หรือสเปรย์ล้างคราบมัน สเปรย์ล้างเบรค(ที่อยู่ในศูนย์บริการแอบใส่มาให้เป็นค่าใช้จ่ายลูกค้า ใช้ไม่กี่ปื้ด เก็บไว้ใช้ครั้งถัดไปก็ยังได้)
กลับไปที่ ผู้รีวิว เจอการกระทำของศูนย์ ที่เอาสเปรย์ 2 กระป๋อง พยายามฉีดในห้องเครื่องเพื่อให้หมดกระป๋อง ไม่ให้ใช้ในครั้งถัดไป (ลืมบอกว่า ผู้รีวิวได้กลับบ้านเพื่อไปเอาสเปรย์ที่เหลือจากคราวก่อนมาให้ศูนย์ใช้) สุดท้ายผู้รีวิวไม่พอใจพยายามที่จะคุยกับศูนย์ และได้บทสรุปว่าจะล้างห้องเครื่องให้ทดแทนในการบริการครั้งถัดไป กับค่าใช้จ่ายในการเข้าบริการครั้งนี้ เป็นจำนวนเงิน 5พันกว่าบาท (บริษัทคู่แข่งจะอยู่ที่ไม่เกิน3พันบาท ทั้งบวกจากค่าแรงช่างที่คิดเป็นชั่วโมง )
สรุปสุดท้าย ผู้รีวิวประกาศขาย แบบที่ให้เปลี่ยนสัญญาผ่อนต่อ ในราคาที่น่าสนใจมาก ผ่อนต่อเดือนไม่ได้มากเลย ซื้อมาใช้ๆ ไป ไม่ต้องเข้าศูนย์เพื่อเช็คระยะก็ได้ ค่าแบตก็ยังอยู่ 88% 3ร้อยก.ม.+ ใช้ได้อีกหลายปีสบายๆ เช็คระยะตามอู่นอกก็ได้ ทำตามความจำเป็นก็พอ เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ น้ำหล่อเย็น และน้ำยาแอร์ ระบบเบรค ทำตามร้านเบรคทั่วไปได้สบายมาก
อย่าหลงกลเรื่องการรับประกันแบตเตอรี่ เพราะถ้าคุณใช้แล้วไปกระแทกอะไรมาเป็นริ้วรอยที่ตัวแบต หรือลุยน้ำท่วมมาก็จะไล่ให้ไปเคลมจากประกันภัย อีกอย่างมีข่าวบริษัทจากจีนมาเปิดให้บริการรับซ่อมแบตเตอรี่แล้วด้วย เป็นผมจะยอมเสี่ยงซื้อมาใช้ครับ (มีรถประเภทนี้แล้ว)