[CR] รีวิว: ทำเลสิกแก้สายตาสั้นในวัย 40 กับ รพ.จักษุบ้านแพ้ว (อย่างละเอียด)

กระทู้รีวิว
จุดเริ่มต้น:
ผมเริ่มสายตาสั้นมาตั้งแต่สมัยเรียนช่วง ม.ต้น และแก้ปัญหาสายตาด้วยการใส่คอนเทคเลนส์มาตลอดระยะเวลา 20 กว่าปี (ใส่ตั้งแต่เช้า - กลางคืน) ส่วนตัวแล้วค่อนข้างโชคดีมากที่ตาไม่ค่อยแห้ง และไม่ค่อยพบปัญหากวนตากวนใจตลอดระยะเวลาที่ใส่คอนแทคเลนส์

จนมาถึงช่วงที่อายุ 40 พักหลังจะมีอาการแสบตา และระคายเคืองมากจากการใส่คอนแทคเลนส์ (รายเดือน) ก็เลยลดระยะเวลาเปลี่ยนคู่ใหม่เร็วขึ้นเป็น 2 สัปดาห์เปลี่ยนครั้ง จนช่วงหลังรู้สึกว่าเป็นถี่ขึ้น และสร้างปัญหากับการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงการขับรถเป็นอย่างมาก 

ตัดสินใจไปตรวจสุขภาพตา:
ผมตัดสินใจไปตรวจสุขภาพตาที่ รพ. เอกชนแห่งหนึ่ง ผลตรวจออกมาสุขภาพตาปกติ และค่อนข้างแข็งแรงดี มีเพียงอาการระคายเคือง ตาแห้งเพียงเล็กน้อยจากการใส่คอนแทคเลนส์ ซึ่งคุณหมออธิบายว่าเกิดจากเซลล์ต่างๆ ในดวงตาสังเคราะห์โปรตีนออกมา และมันก็เกาะ ตกค้างติดค้างอยู่ที่คอนแทคเลนส์ ถึงแม้เราจะล้างทำความสะอาด ก็ไม่สามารถเอามันออกไปได้หมด และมันก็เป็นที่มาของการระคายเคืองนั่นเอง คุณหมอจึงให้ยาหยอดตา พร้อมกับให้พักใส่คอนแทคเลนส์ไปสัก 1 เดือน หากจะกลับมาใส่ใหม่ แต่หากเกิดปัญหาเดิมอีก ก็ไม่แนะนำให้ใส่แล้ว

ผมจึงกลับมาคิดทบทวนว่าด้วยตัวเราเองสายตาสั้น -400 / เอียงอีกนิดหน่อย และเริ่มจะยาวนิดๆ แล้วด้วย จึงปรึกษากับภรรยาว่าหรือเราควรจะทำเลสิกไปเลย เพราะหากไปตัดแว่นใหม่ทั้งกรอบทั้งเลนส์ยี่ห้อดีๆ หน่อยที่เป็นแบบ “เลนส์โปรเกรสซีฟ” ก็น่าจะอีกหลายหมื่น (“เลนส์โปรเกรสซีฟ” = เลนส์แว่นตาที่แก้ไขปัญหาสายตายาวตามวัย (Presbyopia) สามารถมองเห็นได้คมชัดทั้งระยะไกล ระยะกลาง และระยะใกล้ในเลนส์ชิ้นเดียว โดยมีค่าสายตาไล่ระดับอย่างต่อเนื่องและไร้รอยต่อ ทำให้สะดวกสบาย ไม่ต้องเปลี่ยนแว่นหลายอัน)

นัดตรวจสุขภาพตา:
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว จึงลุยเปรียบเทียบหาข้อมูล รพ. ที่น่าเชื่อถือ มีคุณหมอที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย สุดท้ายจึงได้ตัดสินใจสอบถามและนัดหมายเข้าไปที่ ศูนย์เลสิก รพ.จักษุบ้านแพ้ว ซึ่งเป็น รพ. เฉพาะทางด้านจักษุตั้งอยู่ภายใน รพ.บ้านแพ้ว (องค์การมหาชน)



-- ตัวอย่าง -- ใบนัดตรวจฯ ซึ่งจะระบุรายละเอียดนัดหมาย และข้อควรปฏิบัติก่อนเข้ารับการตรวจ
 
วันตรวจสุขภาพตาก่อนทำเลสิก:
เมื่อถึงวันนัดหมาย ภาพแรกของการเดินเข้าไปที่นี่คือ Mood & Tone คล้ายๆ กับ รพ.ศิริราชปิยมหาการุณย์ คือภายในค่อนข้างใหม่ (ศูนย์เลสิกอยู่ช้น 6) และชั้นล่างมีอาหารและของขายอิ่มๆ จุกๆ (ด้านนอกข้างๆ มีตลาดนัดด้วย) การบริการยอดเยี่ยมรวดเร็วไม่ต้องรอนาน โดยการจอดรถสามารถขึ้นไปจอดที่อาคารจอดของ รพ. ได้ 2 ตึก (ค่าจอด 30 บาท) หากบริเวณอื่นจะเป็นของเอกชน แต่ก็จอดได้เหมือนกัน (ค่าจอดเท่ากัน)

เริ่มด้วยการซักประวัติต่างๆ และตรวจสุขภาพตาว่าจะสามารถทำการผ่าตัดด้วยวิธีการทำเลสิกได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ใจดีมากๆ พาตรวจอยู่หลายเครื่องอย่างละเอียด จนได้เข้าพบและตรวจกับคุณหมอวิมลทิพย์ ลยานันท์ คุณหมอทำการตรวจประเมินสุขภาพตา และให้ข้อมูลอย่างละเอียดด้วยความเมตตา ไม่เร่ง ไม่รีบทำเวลา ประหนึ่งคุยกันเหมือนเป็นเพื่อน เป็นญาติกันมาปรึกษาปัญหาสายตา และสรุปผลว่าสุขภาพตาดีมาก และสามารถเข้ารับการผ่าตัดฯ ทำเลสิกได้



เดิมทีเทคโนโลยีที่ผมดูๆ ไว้คือ Femto Lasik (ราคากลางๆ) เป็น 1 ใน 4 เทคโนโลยีที่ รพ.จักษุบ้านแพ้วมีให้บริการ แต่หลังจากรับฟังข้อมูลจากคุณหมอแล้ว รวมถึงมีคำพูดของภรรยาที่บอกว่า “ดวงตาเป็นสิ่งสำคัญมันทำให้เรามองเห็นและพาเราไปได้ทุกที่ ทำให้ดีๆ ไปเลยดีกว่า ทีกับรถยังซื้อได้ราคาเป็นล้าน ดวงตาเรามีแค่คู่เดียวทั้งชีวิตนะ” พูดมาขนาดนี้แล้วก็เลยอัพเกรดไปเป็น Smile เลย

ซึ่งเทคโนโลยีนี้เป็นตัวล่าสุดที่ รพ. นำเข้ามา เครื่องมือมีราคาสูงเกือบ 50 ล้านบาท เป็นการใช้แสงเลเซอร์ตัดเนื้อกระจกตาเป็นชิ้นเลนส์ แล้วนำชิ้นเลนส์ออกมา ซึ่งแผลจะมีขนาดเล็กมากๆ และมีความแม่นยำสูงที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งมีผลทำให้ราคาสูงที่สุดเช่นกัน


*ราคาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา 

หลังจากตัดสินใจเลือกแบบ Smile แล้ว ก็นัดหมายวันเข้ารับการผ่าตัดฯ อีกประมาณ 3 สัปดาห์หน้า โดยในทุกแพ็กเก็จจะมาพร้อมกับห้องพัก 1 คืน เป็นห้องพักส่วนตัว ปลอดภัย ใช้คีย์การ์ดเข้า-ออก และสะอาด อยู่ชั้นเดียวกับศูนย์เลสิก ผู้ติดตามสามารถพักด้วยได้ และมีอาหารเช้าให้ โดยระหว่างรอวันทำเลสิกคุณหมอแนะนำให้ใส่แว่นไปก่อนอย่าเพิ่งใส่คอนแทคเลนส์ (กลัวสายตาจะเคลื่อน/เปลี่ยนจากที่ตรวจวัดไป) ค่าใช้จ่ายวันตรวจอยู่ที่ 2,XXX บาท (ไม่รวมกับค่าทำเลสิกในแพ็คเกจ)

วันผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยวิธี Lasik Smile:
นัดหมายช่วงสาย เมื่อไปถึงก็ไปชำระค่าใช้จ่ายตามที่เราเลือกไว้ (ชำระด้วยบัตรเครดิตได้ และมีผ่อนชำระสำหรับบัตรที่ร่วมรายการ) ทำการตรวจสุขภาพตาอีกครั้ง และรอทำช่วงบ่าย ระหว่างรอก็ไปหาอะไรกินข้างล่าง และกลับขึ้นมานอนรอที่ห้องพักสบายๆ รอเจ้าหน้าที่โทรมาตามอีกครั้ง

ราวเกือบๆ บ่าย 3 สายโทรศัพท์จาก จนท. โทรมาตามให้เข้าไปที่ศูนย์เลสิกเพื่อเข้ารับการทำเลสิกแล้ว เริ่มต้นด้วยการล้างทำความสะอาดหน้าและล้างเปลือกตาด้วยสบู่เฉพาะ และใส่ชุดปลอดเชื้อ พร้อมหมวกคลุมผม โดยเสื้อที่ใส่มาคุณหมอแนะนำให้ใส่เสื้อที่เป็นกระดุมด้านหน้าที่ถอดง่ายๆ หลังการผ่าตัด
หลังจากนั้นทำการหยอดยาชา และนั่งรอทีมคุณหมอ และ จนท. เข้ามาพร้อมกันประมาณ 10 นาทีหลังจากนั้น ตอนแรกรู้สึกสบายๆ ชิวๆ มาก แต่พอเริ่มเอนตัวลงบนเตียงผ่าตัด เริ่มตื่นเต้นนิดๆ คุณหมอจะให้บอลโฟม 2 ลูกไว้ให้สำหรับกำมือเพื่อลดความเครียด รวมถึงชวนพูดคุยให้รู้สึกผ่อนคลายอยู่ตลอดเวลา (คุณหมอใจดีทั้งทีม)  
 
เริ่มต้นการผ่าตัด...เครื่องมือแพทย์มูลค่ากว่า 50 ล้านบาทค่อยๆ เข้ามาแนบที่ตา คุณหมอจะให้มองที่จุดไฟสีเขียวนานประมาณ 30 วินาที (แม้จุดไฟค่อยๆ หายไปก็ให้  Focus นิ่งๆ ไว้ที่จุดเดิม) โดยเลเซอร์จะตัดเนื้อกระจกตาเป็นชิ้นเลนส์ แล้วคุณหมอจะนำชิ้นเลนส์ออกมาเพื่อแก้ปัญหาสายตาของเรา ทำเหมือนกันทั้ง 2 ข้างซ้าย-ขวา

โดยหลังจากทำเสร็จจะเหมือนมีหมอกขาวๆ ฟุ้งๆ อยู่พักใหญ่ (เหมือนไปโผล่บนสวรรค์ชั้น 7) โดยตาจะค่อนข้างแดง และแสบตาอยู่บ้างแต่ไม่มาก ซึ่งจะมียาฆ่าเชื้อ ยาหยอดตาลดอาการแห้งระคายเคือง รวมถึงยาแก้ปวดมาให้อยู่แล้ว เราจะถูกแปะอุปกรณ์ครอบตาไว้ให้กันการขยี้/กระแทก โดยห้ามโดนน้ำ 1 สัปดาห์ (หากผ่าตัดด้วยเลสิกวิธีอื่นอาจจะต้องห้ามโดนน้ำนานกว่านี้ ควรฟังคำแนะนำของหมอเพิ่มเติม) ให้ใช้การทำความสะอาดหน้าด้วยการเช็ดแทน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ 

หลังการผ่าตัดด้วยวิธีการเลสิก:
กลับมาที่ห้องพักเพื่อพักสายตา พยายามอย่าเพิ่งใช้สายตามาก หยอดยา/กินยา (เมื่อปวด) ตามกำหนด อาบน้ำระวังน้ำเข้าตา นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ตื่นเช้ามาประมาณ 7 โมงนิดๆ จะมีอาหารเช้าติดเลขห้องพักวางรออยู่ที่โต๊ะยาวด้านหน้าห้อง (2 ชุดต่อห้อง) ทานอาหารเสร็จก็ไปให้คุณหมอตรวจอีกรอบ (มีค่าตรวจประมาณ 200 บาท)

แผลจากการผ่าตัดออกมาสวยเรียบร้อยดี นัดหมายกับเจ้าหน้าที่เพื่อมาตรวจอีกครั้งสัปดาห์ถัดไป เสร็จแล้วก็เก็บของกลับบ้านได้ กุญแจห้องคืนได้ที่เจ้าหน้าที่ โดยหากเราจอดที่ตึกจอดรถของ รพ. ทางเจ้าหน้าที่จะเซ็นชื่อให้เราจอดได้ฟรี ทั้งขาไป-กลับ ควรให้ผู้ติดตาม คนในครอบครัว หรือคนอื่นขับรถให้ก่อนอย่าเพิ่งขับเอง รวมทั้งให้ใส่แว่นตากันแดดไว้ตลอดเมื่ออยู่กลางแจ้ง หรือจะใส่แว่นตาไว้ตลอดก็ช่วยเรื่องป้องกันการขยี้ตาได้ดีในช่วงแรก

1 สัปดาห์หลังการทำเลสิก:
ผ่านมาอีก 1 สัปดาห์หลังการทำเลสิก ก็กลับมาตรวจแผล/ตรวจสายตาอีกครั้ง ทุกอย่างเรียบร้อยดี แผลออกมาสวย ระหว่างที่รอตรวจก็ยังพบผู้มีปัญหาสายตามาปรึกษา มานัดหมายกันอยู่เนืองๆ รอบนี้มีค่าใช้จ่ายในการตรวจประมาณ 6XX กว่าบาท และจะต้องกลับมาตรวจกันอีกครั้ง 1 เดือนข้างหน้า  

1 เดือนหลังการทำเลสิก:
ระหว่างที่พิมพ์อยู่นี้ก็ผ่านการทำมาได้ประมาณ 1 เดือนพอดี รู้สึกเหมือนชีวิตเราเปลี่ยนไปตลอดกาล “"A whole new world, a new fantastic point of view” (เพลง OST. Aladin ก็มา) ไม่ต้องเคืองตา ไม่ต้องตื่นมาแหกตาใส่ๆ ถอดๆ แช่น้ำยาทำความสะอาด ไม่ต้องใส่แว่นให้รำคาญหูรำคาญตาอีกต่อไป

โดยก่อนทำเลสิกก็มีสายตายาวติดมานิดหน่อยอยู่แล้ว ซึ่งหลังทำเสร็จยังมีความสายตายาวติดอยู่ แต่ส่วนตัวแล้วรับได้ เพราะยังไงในวัย 40+ เราก็ต้องยาวอยู่แล้วไม่วันใดก็วันหนึ่ง แค่สายตาสั้นมันหายไปแค่นี้ก็คุ้มค่ามากๆ แล้ว เพราะใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวกขึ้นมาก หลังจากนี้อาจจะตัดแว่นสายตายาวไว้อ่านหนัง/ทำงาน หรือเวลาต้องมองใกล้ๆ ก็ไม่ติด

สุดท้ายนี้หากคุณมีปัญหาสายตา และถ้ามีความพร้อมแล้วในทุกๆ ด้าน ทำเลสิกเถอะครับ สะดวกจะทำกับที่นี่ (รพ.จักษุบ้านแพ้ว) หรือที่อื่นก็ได้ คุณจะได้เจอกับโลกใบใหม่อันแสนมหัศจรรย์อย่างแน่นอนครับ.
ชื่อสินค้า:   เลสิก
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่