ตลาดหุ้นสหรัฐทำนิวไฮอีก นักลงทุนคาดเฟดลดดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้

KEY POINTS

ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ที่สำคัญ เช่น S&P 500 และ Nasdaq ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์
ปัจจัยหนุนหลักมาจากความคาดหวังของนักลงทุนว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้
ความเชื่อมั่นดังกล่าวเกิดจากข้อมูลการจ้างงานที่ชะลอตัวลง ซึ่งสะท้อนว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ เริ่มอ่อนแรง

รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานในช่วง 12 เดือนสิ้นสุดเดือนมีนาคมถูกปรับลดลงถึง 911,000 ตำแหน่ง สะท้อนว่าการเติบโตของตลาดแรงงานเริ่มชะลอตัวก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเริ่มมาตรการเก็บภาษีนำเข้าทั่วโลก ทั้งนี้ ตลาดการเงินได้สะท้อนความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเฟดสัปดาห์หน้า ขณะที่ข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่ามีโอกาสเกือบ 10% ที่เฟดอาจลดดอกเบี้ยแรงถึง 0.50%



ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมยังบ่งชี้ถึงภาวะอ่อนแรงต่อเนื่องในตลาดแรงงาน



ผลการซื้อขายในตลาดหุ้น

• S&P 500 ปิดบวก 17.46 จุด หรือ 0.27% ที่ระดับ 6,512.61 จุด ทำสถิติสูงสุดใหม่

• ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 196.39 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 45,711.34 จุด

• แนสแด็กคอมโพสิต พุ่งขึ้น 80.79 จุด หรือ 0.37% ปิดที่ 21,879.49 จุด ทำสถิติสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่สอง



แรงหนุนหลักมาจากกระแสการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย



ความเคลื่อนไหวในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์



ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากกองทัพอิสราเอลประกาศปฏิบัติการโจมตีกลุ่มฮามาสในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์

• น้ำมันดิบสหรัฐ (WTI) ปิดเพิ่มขึ้น 0.59% หรือ 37 เซนต์ อยู่ที่ 62.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

• น้ำมันเบรนท์ ปรับขึ้น 0.56% หรือ 37 เซนต์ ปิดที่ 66.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



ขณะที่ราคาทองคำยังเคลื่อนไหวในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟด แม้ราคาจะปรับลดเล็กน้อย

• ทองสปอตลดลง 0.12% อยู่ที่ 3,631.12 ดอลลาร์ต่อออนซ์

• สัญญาทองคำล่วงหน้าสหรัฐลดลง 0.17% ปิดที่ 3,631.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์

Cr. https://www.posttoday.com/international-news/730148



สถิติแรงงานสหรัฐฯ ดิ่งเหว งานหาย 9.1 แสนตำแหน่ง ชี้ตลาดอ่อนแอเกินคาด

KEY POINTS
สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (BLS) ปรับทบทวนข้อมูลเบื้องต้น พบว่าการจ้างงานในช่วง 12 เดือน (สิ้นสุด มี.ค. 2025) อาจถูกประเมินสูงเกินจริงไปถึง 911,000 ตำแหน่ง

การปรับลดดังกล่าวส่งผลให้ค่าเฉลี่ยการจ้างงานต่อเดือนลดลงกว่าครึ่ง จากเดิม 147,000 ตำแหน่ง เหลือเพียง 71,000 ตำแหน่ง สะท้อนว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้

ภาคธุรกิจที่คาดว่าจะถูกปรับลดตำแหน่งงานลงมากที่สุดคือ ภาคสันทนาการและบริการ, ภาคการค้า การขนส่ง และสาธารณูปโภค และภาคบริการวิชาชีพและธุรกิจ

เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจสร้างงานได้น้อยกว่าที่ประเมินไว้เดิมถึง 911,000 ตำแหน่ง ในช่วง 12 เดือนสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2025 ซึ่งเป็นตัวเลขจากการปรับทบทวนเบื้องต้นประจำปี (preliminary annual benchmark revision) ของสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (BLS) ข้อมูลนี้สะท้อนว่า การเติบโตของการจ้างงานเริ่มชะลอตัวลงแล้ว ก่อนที่รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศมาตรการภาษีนำเข้าที่เข้มงวด

การปรับทบทวนดังกล่าว เทียบเท่ากับการจ้างงานที่ลดลงเฉลี่ย 76,000 ตำแหน่งต่อเดือน ส่งผลให้การเพิ่มขึ้นของตำแหน่งงานนอกภาคเกษตรตลอดช่วงเวลานั้นอยู่ที่เพียง 71,000 ตำแหน่งต่อเดือน จากเดิมที่เคยรายงานไว้ว่าเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 147,000 ตำแหน่งต่อเดือน การประกาศนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังรายงานตัวเลขจ้างงานเดือนสิงหาคมที่เกือบจะหยุดนิ่ง และข้อมูลที่ชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการปลดพนักงานในเดือนมิถุนายนเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปีครึ่ง

ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า ภาพแท้จริงของตลาดแรงงานระหว่างเดือนมีนาคม 2024 ถึงมีนาคม 2025 อาจอ่อนแอกว่าที่เคยเข้าใจ โดยมีการเติบโตของการจ้างงานเพียงครึ่งหนึ่งของที่เคยประมาณการไว้เดิม

เจมส์ ไนต์ลีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศจาก ING ระบุว่า “ตัวเลขนี้สะท้อนว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ กำลังสูญเสียโมเมนตัมจากฐานที่อ่อนแอกว่าที่เคยคิดไว้” เขาชี้ว่า นอกจากความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าที่เป็นแรงกดดันสำคัญแล้ว ตลาดแรงงานยังได้รับผลกระทบจากการปราบปรามการอพยพเข้าเมืองของทำเนียบขาว ซึ่งทำให้แรงงานมีจำนวนลดลง ขณะเดียวกัน การที่ภาคธุรกิจหันมาใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติมากขึ้น ก็ยิ่งเป็นอีกปัจจัยที่ลดความต้องการแรงงานมนุษย์ลงไปอีก

การปรับทบทวนข้อมูลรายปีของ BLS จัดทำขึ้นเป็นประจำ โดยนำข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรรายเดือน (Current Employment Statistics: CES) ซึ่งได้จากการสำรวจนายจ้างกว่า 120,000 ราย มาเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลที่ครอบคลุมกว่าคือ บันทึกภาษีประกันการว่างงาน (Quarterly Census of Employment and Wages: QCEW) ข้อมูล QCEW มีความแม่นยำสูงกว่ามาก เพราะครอบคลุมการจ้างงานประมาณ 95% ของทั้งประเทศ แม้จะล่าช้าในการเผยแพร่เมื่อเทียบกับข้อมูลจาก CES ก็ตาม

นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า การปรับทบทวนครั้งนี้มีที่มาจาก “แบบจำลองการเกิดและการตาย” (birth-death model) ซึ่งเป็นเครื่องมือของ BLS ที่ใช้ประเมินจำนวนตำแหน่งงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากการที่ธุรกิจเปิดหรือปิดกิจการในแต่ละเดือน โดยธุรกิจเหล่านี้ยังไม่สามารถนำมาสำรวจได้ทันทีในรอบข้อมูลจริง ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์จาก Goldman Sachs เห็นด้วยว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ อ่อนแอลงจริง แต่ก็เตือนว่าตัวเลขการปรับทบทวน (benchmark revision) ที่ BLS ประกาศอาจมากเกินไป พวกเขาชี้ว่าแบบจำลองของ Goldman Sachs เอง ซึ่งคำนวณผลสุทธิจาก “การเกิดและการตายของธุรกิจ” (birth-death model) บ่งชี้ว่าการปรับลดควรอยู่ราว 550,000 ตำแหน่ง หรือเฉลี่ย 45,000 ตำแหน่งต่อเดือน ผ่านช่องทางนี้ มากกว่าจะเป็นตัวเลขที่สูงถึง 911,000 ตำแหน่งตามที่ BLS ประเมินไว้

นอกจากนี้ Goldman Sachs ยังระบุว่า การปรับแก้ “birth-death adjustment” ของ BLS ซึ่งใช้ในการประเมินจำนวนธุรกิจใหม่และธุรกิจที่ปิดกิจการ อาจจะ “ใจกว้างเกินไป” จริงในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 ทำให้ตัวเลขการจ้างงานถูกสะท้อนออกมาสูงเกินจริง อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ปี 2025 ผลบวกส่วนเกินจากการคำนวณดังกล่าวน่าจะเหลือเพียงประมาณ 10,000 ตำแหน่งต่อเดือน เท่านั้น จึงควรระมัดระวังไม่ตีความการปรับทบทวนรอบนี้เกินกว่าข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ การปรับลดตัวเลขการจ้างงานไม่ได้เกิดขึ้นในทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียม โดยภาคที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ภาคสันทนาการและการบริการ ที่อาจถูกปรับลดลง 176,000 ตำแหน่ง รองลงมาคือ ภาคการค้า การขนส่ง และสาธารณูปโภค ที่คาดว่าจะลดลง 226,000 ตำแหน่ง ขณะที่ ภาคบริการวิชาชีพและธุรกิจ อาจถูกปรับลด 158,000 ตำแหน่ง ส่วน ภาคการผลิต คาดว่าจะลดลง 95,000 ตำแหน่ง และ การจ้างงานภาครัฐ อาจถูกปรับลด 31,000 ตำแหน่ง มีเพียง ภาคการขนส่งและคลังสินค้า รวมถึง อุตสาหกรรมสาธารณูปโภค เท่านั้นที่คาดว่าจะได้รับการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (BLS) ย้ำว่า การปรับทบทวนตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาด แต่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตามปกติที่มีความโปร่งใส เพื่ออัปเดตข้อมูลการจ้างงานด้วยฐานข้อมูลที่ครอบคลุมและถูกต้องมากที่สุด การประมาณการเบื้องต้นที่ประกาศในครั้งนี้เป็นเพียง “สัญญาณบอกล่วงหน้า” ของการปรับทบทวนที่จะเกิดขึ้นจริงในต้นปี 2026 โดยการปรับทบทวนขั้นสุดท้ายจะเผยแพร่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2026 ซึ่งจะมีการอัปเดตข้อมูลการจ้างงานย้อนหลัง รวมถึงค่าจ้างและชั่วโมงทำงานทั้งหมด ทั้งนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา การปรับทบทวนขั้นสุดท้ายมักจะมีผลลบ “น้อยกว่า” การประเมินเบื้องต้นเล็กน้อย

สาเหตุหลักที่ทำให้ตัวเลขการจ้างงานจากการสำรวจ CES ถูกประเมินสูงเกินจริง จนนำไปสู่การปรับลดในภายหลัง มาจากการที่ ตัวอย่างสำรวจ CES เริ่มไม่เป็นตัวแทนที่ดีเหมือนเดิม ปัจจัยสำคัญคือการชะลอตัวของการอพยพสุทธิ (net immigration) และอัตราการก่อตั้งธุรกิจใหม่ที่ลดลงในปี 2024 กระบวนการเปรียบเทียบมาตรฐานประจำปีนี้เอง ที่ BLS ใช้เพื่อปรับแก้กรอบตัวอย่างของ CES และปรับสมมติฐานเกี่ยวกับการเกิดและการปิดตัวของธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการปรับลดเหล่านี้ย่อมสร้างความไม่พอใจให้กับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเคยโกรธจัดจากการที่ตัวเลขจ้างงานในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนถูกปรับลดรวมกว่า 258,000 ตำแหน่ง ถึงขั้นปลดนางเอริกา แม็คเอนทาร์เฟอร์ กรรมาธิการ BLS โดยกล่าวหาว่าเธอ “ปลอมแปลงข้อมูล” ทั้งที่ไม่มีหลักฐานสนับสนุน ทั้งนี้ การปรับทบทวนเบื้องต้นในรอบนี้ไม่ได้สะท้อนสภาพเศรษฐกิจในยุคทรัมป์โดยตรง เนื่องจากข้อมูลส่วนใหญ่ยังเกี่ยวข้องกับปี 2024

สมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติ (NABE) ได้ออกมาเรียกร้องให้ ผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำธุรกิจ และแวดวงเศรษฐศาสตร์ ยืนหยัดเคียงข้าง BLS เพื่อให้มั่นใจว่าสถิติของสหรัฐฯ จะยังคงถูกต้อง เป็นอิสระ และน่าเชื่อถือไปทั่วโลก พร้อมเตือนว่าการตอบโต้ทางการเมืองใด ๆ ต่อ BLS จะบั่นทอนความสามารถของหน่วยงานในการจัดทำข้อมูลที่ทันเวลาและเป็นกลาง

ผลจากการประเมินใหม่นี้อาจกระตุ้นความกังวลเรื่อง “stagflation” หรือภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวควบคู่ไปกับเงินเฟ้อที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการคาดการณ์ว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่จะเผยแพร่ในวันพฤหัสบดีจะแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม แม้ว่าตลาดการเงินสหรัฐฯ จะไม่ผันผวนมากนักหลังรายงานนี้ออกมา แต่บรรดานักเศรษฐศาสตร์ยังคงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะกลับมาเดินหน้าลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป

Cr. https://www.thansettakij.com/world/638437

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่