เมื่อทุกอย่างในชีวิตพังพร้อมกัน เคยมีใครผ่านมันมาได้บ้างไหมคะ?

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะทุกคน เราขอมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองในช่วงนี้
ทุกวันตื่นขึ้นมา รู้สึกไม่อยากทำอะไรเลย
ไม่อยากไปทำงาน ไม่อยากเรียน ไม่อยากลุกมาใช้ชีวิต
ทุกเช้าที่ตื่นมา เหมือนชีวิตมันจบเห่แล้วจริง ๆ
อยากได้กำลังใจ หรือคำพูดดี ๆ ที่ทำให้รู้สึกว่าชีวิตยังต้องไปต่อหน่อยค่ะ

กระต่ายเรากระโดดแรงมากจนขาหลังขวาหัก 3 ท่อน คุณหมอให้เราเลือก 2 ทางคือ
- ผ่าตัด ประมาณ 20,000 บาท รวมค่าแอดมิท แต่เสี่ยงมาก เพราะจุดที่หักเป็นจุดรับน้ำหนัก และเส้นประสาทบริเวณนั้นตายไปแล้ว โอกาสกระดูกไม่ติดสูง และอาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมา
- ตัดขา ประมาณ 10,000 บาท รวมค่าแอดมิท หมอให้เวลาเรา 3 วันก่อนยาแก้ปวดหมดฤทธิ์ เราตัดสินใจเลือกตัดขาน้อง เพราะไม่อยากให้น้องเสี่ยงเจ็บปวดทรมานจากการผ่าตัดที่อาจไม่สำเร็จ แต่การรักษาครั้งนี้ เราต้องกดเงินจากบัตรเครดิตมาจ่าย ทำให้เป็นหนี้ก้อนใหญ่ และในใจเรารู้สึกผิดมาก ๆ ที่น้องต้องพิการไปตลอดชีวิต ทั้งที่น้องไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้เลย

เราทำงานวันจันทร์–ศุกร์ และเรียน ป.ตรี วันอาทิตย์ แต่เราไม่มีความสุขกับการทำงานที่นี่เลย เพราะไม่ว่าใครจะทำงานผิดพลาด หัวหน้าจะเลือกว่าหรือดุเราเป็นคนแรก ทั้ง ๆ ที่บางงานเราไม่ได้เป็นคนทำด้วยซ้ำ เราเคยโดนหัวหน้าดุเพราะงานที่เราไม่ได้ทำ แล้วพอเราไปบอกเจ้าของงานจริง ๆ ว่าเราโดนดุเพราะหัวหน้าเข้าใจผิด หัวหน้าก็มาได้ยินพอดี กลายเป็นว่าเราโดนเรียกไปอบรมเพิ่มอีกว่า “ทำงานเป็นทีมอย่าโทษคนอื่น” เวลาสอนงานก็มีการกั๊ก พอเราถามเพราะกลัวทำพลาด ก็ได้คำตอบประชดกลับมาว่า “ทำไมถึงเข้าใจอะไรยากจัง” เพื่อนร่วมงานค่อนข้างขี้โวยวาย ชอบขึ้นเสียง ตะคอก ใช้ปากก่อนใช้ตามอง จนทุกวันนี้ เพื่อนร่วมงานหลัก ๆ ของเรากลายเป็น ChatGPT ไปแล้ว จริงๆเรามีแพลนจะย้ายงานอยู่แล้ว แต่เพราะตอนนี้เป็นหนี้บัตรเครดิตจากค่ารักษากระต่าย เลยต้องทนทำงานที่นี่ไปก่อนทั้งที่ไม่มีความสุขเลย

เราจะไปเที่ยวกับเพื่อน แต่พอถามความเห็นเพื่อนเรื่องที่พักหรือจะเช่ามอเตอร์ไซค์รุ่นอะไร ทุกคนอ่านแต่ไม่ตอบ เราเป็นคนถือเงิน ก็เลยกลายเป็นว่าเหมือนทุกคนผลักภาระให้เราต้องเลือกเองหมด เพราะพอเราทักไปส่วนตัว ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า การไม่ตอบเท่ากับ “ยังไงก็ได้ แล้วแต่เรา” มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ เราเลยทนไม่ไหว โอนเงินให้เพื่อนอีกคนเพื่อให้ช่วยวางแผนแทน สุดท้ายเพื่อนคนนั้นก็บอกว่า “ค่อยไปหาที่พักกับรถวันไปจริง” ซึ่งเรารู้สึกไม่โอเค เลยขอเงินคืน เพราะไม่อยากไปตายเอาดาบหน้า ทริปนี้เราออกเงินกันเป็น ค่าหัว ทุกคนรวมถึงเราจ่ายเงินไปแล้ว และมีข้อตกลงกันตั้งแต่แรกว่า ถ้าใครถอนตัวจะ ไม่ได้เงินคืน เพราะจะทำให้คนอื่นมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก ทำให้เรารู้สึกเสียดายเงิน ถ้าขอถอนตัวไม่ไป

ไม่นานมานี้เป็นวันเกิดเรา เราชวนเพื่อนไปถ่ายรูปย้อนวัยมัธยมที่โรงเรียนเก่า ตั้งใจมาก ๆ เพราะอยากเก็บเป็นความทรงจำดี ๆ สุดท้ายเพื่อนเทรวดเดียว 7 คน ก่อนวันนัด 1 วัน ทั้ง ๆ ที่เราจ่ายค่าเช่ากล้องไปแล้ว ทำให้เราไม่ได้ถ่ายรูป แถมเงินมัดจำก็หายไปฟรี ๆ

วันเกิดเรา แฟนไม่มีทั้งเค้กหรือของขวัญอะไรให้เลย แม้กระทั่งเค้กเซเว่นก็ไม่มี ทั้งๆที่ปีที่แล้วก็ไม่ได้ให้เหมือนกัน เราเลยทะเลาะกับแฟนหนักมาก สุดท้ายแฟนแอบออกไปซื้อเค้กมาให้ แต่เรากลับไม่รู้สึกดีใจ รู้สึกแค่ว่า “ทำไมต้องให้เราพูดหรือขอ ถ้าคิดจะทำก็น่าจะทำได้เองอยู่แล้ว”

ก่อนหน้านี้เราไปเที่ยวกับแฝดแฟนมา แล้วคืนนั้นแฟนเราไม่อยู่ (แต่แฟนเรารู้นะคะ) เราเลยนอนกับแฝดแฟน ซึ่งที่ผ่านมาทุกคน รวมถึงครอบครัวเราก็มองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่เช้าวันนั้นเราสะดุ้งตื่นมา เห็นเสื้อของเราถูกเปิดจนถึงหน้าอก และเห็นแฝดแฟนกำลังเปิดโทรศัพท์ถ่ายรูปอยู่ เราช็อกมากและรู้สึกไม่ปลอดภัย สุดท้ายก็ทะเลาะกับแฝดแฟนหนัก เพราะเขาไม่ยอมให้ดูโทรศัพท์ แต่สิ่งที่เจ็บใจกว่าคือ แฟนเราเทคแอคชั่นน้อยและช้ามาก เขาไม่รีบคุยกับแฝดว่าทำจริงหรือไม่ ไม่แม้แต่จะขอดูโทรศัพท์เพื่อพิสูจน์หรือช่วยลบรูปให้ถ้ามันมีอยู่จริง เราต้องเป็นฝ่ายบอก ต้องเป็นฝ่ายกดดัน ต้องทะเลาะกับเขา เขาถึงยอมขยับทำอะไร ช่วงนี้เราร้องไห้บ่อยๆมากๆ รู้สึกเซนซิทีฟเป็นพิเศษ บางทีก็ร้องไห้เสียงดังเหมือนเป็นบ้า ติดต่อกันเป็นชั่วโมง จนขากเสมหะออกมาปนเลือด เลยไปหาหมอ หมอก็บอกว่าทางเดินหายใจอักเสบ แล้วก็มีปัญหาสุขภาพมาเรื่อยๆ

เรื่องที่เจออาจไม่ได้หนักที่สุดในโลก
บางอย่างก็อาจเป็นความผิดของเราเอง
แต่พอมันถาโถมเข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกัน
แถมบางอย่างเกิดขึ้นในวันเกิด มันเลยยิ่งรู้สึกแย่
จนไม่สามารถมูฟออนได้เลย
ทุกวันนี้เจอเรื่องซวยๆแบบเล็กน้อย เช่น เวลาเลิกงานแล้วฝนตก ก็จะร้องไห้แล้วค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่