ช่วงนี้น้ำรอระบายหลายพื้นที่ขับรถระมัดระวังกันนะครับ

ไม่ไหวอย่าฝืน!!
"น้ำท่วม" ระดับไหนที่คนขับรถไม่ควรขับรถลุยน้ำ ลดความเสี่ยงรถยนต์ดับกลางถนน 🚗......
🚘ระดับน้ำ 5-10 ซม. ยังขับผ่านได้ทุกคัน แต่คนขับต้องมีสติ ระมัดระวัง ไม่ควรใช้ความเร็วสูง อาจทำให้สูญเสียการควบคุมได้ เพราะถนนลื่น
🚘ระดับน้ำ 10-20 ซม. รถทุกประเภทยังขับผ่านไปได้ รถขนาดเล็กอาจได้ยินเสียงน้ำใต้ท้องรถ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะยังมีโอกาสที่น้ำจะเข้าไปในตัวรถ
🚘ระดับน้ำ 20-40 ซม. รถอีโคคาร์ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะส่วนใหญ่ถูกออกแบบให้สูงจากระดับพื้น 15-17 ซม. อาจทำให้เกิดปัญหาท่อไอเสียจม แต่ยังสามารถขับลุยน้ำผ่านได้ ส่วนรถกระบะยังผ่านไปได้
🚘ระดับน้ำ 40-60 ซม. รถเก๋ง รถขนาดเล็กต้องเลี่ยง ส่วนรถกระบะยังฝ่าไปได้ เทคนิคสำคัญ คือ
ปิดแอร์ขณะขับ ป้องกันพัดลมแอร์หน้ารถดูดละอองน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ จะทำให้เครื่องยนต์ดับ และ
ขับขี่ช้าลง ลดการเกิดคลื่นน้ำซัดเข้าหารถจากรถคันอื่น ๆ ลดความเสี่ยงที่น้ำจะกระจายเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์
🚘ระดับน้ำ 60-80 ซม. รถทุกคันไม่ควรขับลุยน้ำ เพราะน้ำอาจไหลเข้าห้องเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ดับ หยุดชะงัก ก่อให้เกิดความเสียหายในระบบต่าง ๆ ได้ การขับลุยน้ำท่วมระดับนี้ต้องใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ ที่สำคัญอย่าปะทะคลื่นโดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงเครื่องดับกลางอากาศ
🚘ระดับน้ำสูงเกินกว่า 80 ซม. ควรเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่น
ข้อมูลจาก สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก (สนภ.)
CR.
https://www.thaipbs.or.th/now/infographic/168
6 เทคนิค ขับรถลุยน้ำท่วม ให้ปลอดภัย
ฝนตกหนัก น้ำท่วมขัง คนใช้รถต้องระวัง ถ้าจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำท่วม สภาผู้บริโภค ชวนดูวิธีป้องกันรถดับ-เครื่องพังกัน 🚗.. 🚙... 🚗..... 🚙🚗
1. ปิดแอร์
หากเปิดแอร์เหมือนปกติ พัดลมแอร์จะพัดน้ำเข้าไปในเครื่อง อาจช็อตและทำให้เครื่องยนต์ดับ
2. รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า
การขับรถยนต์ในช่วงฝนตกหรือในพื้นที่ที่มีน้ำท่วม มีโอกาสทำให้ถนนลื่นมากกว่าปกติ ประกอบกับหากขับลุยรถน้ำท่วม ประสิทธิภาพของผ้าเบรกจะลดลง ทำให้เบรกไม่ค่อยอยู่ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงต้องมีการรักษาระยะเบรกให้มากขึ้น
3. ลดความเร็ว และ รักษาความเร็วให้คงที่
ในขณะที่ขับรถลุยน้ำท่วม ควรลดความเร็วลง จะช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น และหากมีรถขับสวนทางมาก็ให้ลดความเร็วลงอีก เพื่อลดแรงปะทะ
4. ใช้เกียร์ต่ำ
เพื่อประคองเครื่องยนต์ไม่ให้ดับ โดยเปลี่ยนไปใช้เกียร์ต่ำ สำหรับรถธรรมดาคือการใช้เกียร์ 1 หรือ 2 เท่านั้น ส่วนรถเกียร์ออโต้คือการใช้เกียร์ L
5. ขับพ้นน้ำแล้ว เหยียบเบรกย้ำๆ
เมื่อผ่านจุดน้ำท่วมออกมาแล้ว รถเกียร์ออโต้ควรย้ำเบรกไปด้วยอีกสักพักหนึ่ง เพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก ช่วยเพิ่มความเสถียรในการเบรกมากยิ่งขึ้น ส่วนรถเกียร์ธรรมดาควรย้ำคลัตช์เพื่อป้องกันคลัตช์ลื่น
6. ถึงที่หมายแล้ว อย่าเพิ่งดับเครื่อง
ติดเครื่องทิ้งไว้สักพัก เพื่อไล่น้ำและความชื้นจากระบบเครื่องยนต์
ที่มา: กรมการขนส่งทางบก✅
CR.
https://www.tcc.or.th/tcc_media/cars-driving-through-a-flood/
ไม่ไหวอย่าฝืน! ขับรถลุยน้ำท่วม เสี่ยงรถดับกลางถนน และ6 เทคนิค ขับรถลุยน้ำท่วม ให้ปลอดภัย🚘✅
ไม่ไหวอย่าฝืน!! "น้ำท่วม" ระดับไหนที่คนขับรถไม่ควรขับรถลุยน้ำ ลดความเสี่ยงรถยนต์ดับกลางถนน 🚗......
🚘ระดับน้ำ 5-10 ซม. ยังขับผ่านได้ทุกคัน แต่คนขับต้องมีสติ ระมัดระวัง ไม่ควรใช้ความเร็วสูง อาจทำให้สูญเสียการควบคุมได้ เพราะถนนลื่น
🚘ระดับน้ำ 10-20 ซม. รถทุกประเภทยังขับผ่านไปได้ รถขนาดเล็กอาจได้ยินเสียงน้ำใต้ท้องรถ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะยังมีโอกาสที่น้ำจะเข้าไปในตัวรถ
🚘ระดับน้ำ 20-40 ซม. รถอีโคคาร์ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะส่วนใหญ่ถูกออกแบบให้สูงจากระดับพื้น 15-17 ซม. อาจทำให้เกิดปัญหาท่อไอเสียจม แต่ยังสามารถขับลุยน้ำผ่านได้ ส่วนรถกระบะยังผ่านไปได้
🚘ระดับน้ำ 40-60 ซม. รถเก๋ง รถขนาดเล็กต้องเลี่ยง ส่วนรถกระบะยังฝ่าไปได้ เทคนิคสำคัญ คือ ปิดแอร์ขณะขับ ป้องกันพัดลมแอร์หน้ารถดูดละอองน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ จะทำให้เครื่องยนต์ดับ และ ขับขี่ช้าลง ลดการเกิดคลื่นน้ำซัดเข้าหารถจากรถคันอื่น ๆ ลดความเสี่ยงที่น้ำจะกระจายเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์
🚘ระดับน้ำ 60-80 ซม. รถทุกคันไม่ควรขับลุยน้ำ เพราะน้ำอาจไหลเข้าห้องเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ดับ หยุดชะงัก ก่อให้เกิดความเสียหายในระบบต่าง ๆ ได้ การขับลุยน้ำท่วมระดับนี้ต้องใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ ที่สำคัญอย่าปะทะคลื่นโดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงเครื่องดับกลางอากาศ
🚘ระดับน้ำสูงเกินกว่า 80 ซม. ควรเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่น
ข้อมูลจาก สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก (สนภ.)
CR. https://www.thaipbs.or.th/now/infographic/168
6 เทคนิค ขับรถลุยน้ำท่วม ให้ปลอดภัย
หากเปิดแอร์เหมือนปกติ พัดลมแอร์จะพัดน้ำเข้าไปในเครื่อง อาจช็อตและทำให้เครื่องยนต์ดับ
การขับรถยนต์ในช่วงฝนตกหรือในพื้นที่ที่มีน้ำท่วม มีโอกาสทำให้ถนนลื่นมากกว่าปกติ ประกอบกับหากขับลุยรถน้ำท่วม ประสิทธิภาพของผ้าเบรกจะลดลง ทำให้เบรกไม่ค่อยอยู่ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงต้องมีการรักษาระยะเบรกให้มากขึ้น
ในขณะที่ขับรถลุยน้ำท่วม ควรลดความเร็วลง จะช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น และหากมีรถขับสวนทางมาก็ให้ลดความเร็วลงอีก เพื่อลดแรงปะทะ
เพื่อประคองเครื่องยนต์ไม่ให้ดับ โดยเปลี่ยนไปใช้เกียร์ต่ำ สำหรับรถธรรมดาคือการใช้เกียร์ 1 หรือ 2 เท่านั้น ส่วนรถเกียร์ออโต้คือการใช้เกียร์ L
เมื่อผ่านจุดน้ำท่วมออกมาแล้ว รถเกียร์ออโต้ควรย้ำเบรกไปด้วยอีกสักพักหนึ่ง เพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก ช่วยเพิ่มความเสถียรในการเบรกมากยิ่งขึ้น ส่วนรถเกียร์ธรรมดาควรย้ำคลัตช์เพื่อป้องกันคลัตช์ลื่น
ติดเครื่องทิ้งไว้สักพัก เพื่อไล่น้ำและความชื้นจากระบบเครื่องยนต์
https://www.tcc.or.th/tcc_media/cars-driving-through-a-flood/