อัยการธนกฤต ชี้ชัดคุณสมบัตินักโทษติดคุกที่บ้าน ต้องโทษจำคุกครั้งแรก – ไม่เกิน 4 ปี
.
.
วานนี้ (8 กันยายน) ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการผู้เชี่ยวชาญ และอาจารย์พิเศษผู้บรรยายวิชากฎหมายวิธีพิจารณาความ และกฎหมายพยานหลักฐาน ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รามคำแหง นิด้า และแม่ฟ้าหลวง ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ให้ความรู้เกี่ยวกับประกาศกรมราชทัณฑ์ สถานที่คุมขังนอกเรือนจำ
.
ระบุว่า
.
“ประกาศกรมราชทัณฑ์ สถานที่คุมขังนอกเรือนจำ ตามประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่อง กำหนดคุณสมบัติเฉพาะ ลักษณะต้องห้าม และวิธีการคุมขังผู้ต้องขังในสถานที่คุมขัง ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2568 ที่ประกาศเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประกาศนี้ 3 ฉบับ คือ
.
พ.ร.บ. ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 มาตรา 33 กฎกระทรวงกำหนดสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2563 ข้อ 3 และระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 ข้อ 20
.
โดยต่อไปนี้จะขอเรียกประกาศกรมราชทัณฑ์ฉบับนี้ว่า ประกาศสถานที่คุมขังนอกเรือนจำ ประกาศฉบับนี้ได้กำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขต่าง ๆ ในการคุมขังผู้ต้องขังในสถานที่อื่นนอกเรือนจำไว้ ซึ่งในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้
.
1. กรณีสถานที่คุมขังเป็นสถานที่อยู่อาศัย
.
ผู้ต้องขังที่อยู่ในเกณฑ์ตามประกาศนี้ ต้องเป็นนักโทษเด็ดขาด ต้องโทษจำคุกครั้งแรก หรือเป็นกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือเป็นนักโทษเด็ดขาดซึ่งเหลือโทษจำคุกต่อไปไม่เกิน 4 ปี หากมีการพระราชทานอภัยโทษหรือลดโทษให้ถือเอากำหนดโทษตามหมายแจ้งโทษเด็ดขาดหรือคำสั่งให้ลดโทษฉบับหลังสุด
.
และต้องผ่านการจำแนกลักษณะผู้ต้องขังจากคณะทำงานจำแนกลักษณะผู้ต้องขังประจำเรือนจำเพื่อกำหนดแผนการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังรายบุคคล (Sentence Plan) และนักโทษเด็ดขาดต้องสมัครใจในการออกไปคุมขังในสถานที่อื่นแทนเรือนจำ รวมทั้งต้องมีความเสี่ยงน้อยในการกระทำผิดซ้ำ
.
นอกจากนี้ นักโทษเด็ดขาดผู้นั้น ต้องไม่เคยถูกส่งออกไปคุมขังในสถานที่คุมขังอื่นและกระทำผิดเงื่อนไขหรือกระทำผิดอาญาในระหว่างถูกคุมขังในสถานที่คุมขังอื่น และต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกศาลพิพากษาลงโทษในความผิดตามที่กำหนดไว้ เช่น ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เป็นต้น
.
2. กรณีสถานที่คุมขังเป็นสถานพยาบาล
.
ผู้ต้องขังต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดที่คดีถึงที่สุดทุกคดี และมีอาการเจ็บป่วยร้ายแรง ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาด เป็นผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง หรืออยู่ในภาวะวิกฤติเสี่ยงต่อการเสียชีวิต หรือก่อให้เกิดความพิการ หรือไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ด้วยตนเอง หรือเป็นผู้ป่วยที่มีภาวะติดเตียง เป็นภาวะให้ผู้อื่นดูแล หรืออยู่ในภาวะพึ่งพิง (Dependent) และต้องมีใบรับรองความเห็นแพทย์ของทางราชการ จำนวน 2 คน ให้การรับรอง
.
นอกจากนี้ ตามประกาศสถานที่คุมขังนอกเรือนจำได้กำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ผู้ต้องขังต้องปฏิบัติตามในระหว่างถูกคุมขังในสถานที่คุมขังนอกเรือนจำ และกำหนดหลักเกณฑ์การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวกับผู้ต้องขัง การติดตั้งกล้องวงจรปิดในสถานที่คุมขังนอกเรือนจำ รวมทั้งหลักเกณฑ์อื่น ๆ ในการบังคับใช้และดำเนินการกับผู้ต้องขังในสถานที่คุมขังนอกเรือนจำด้วย”
.
อ้างอิง:
.
.
.
.
จาตุรนต์ ชี้ข้อตกลง MOA พรรคประชาชน-ภูมิใจไทย ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9929124
.
จาตุรนต์ ชี้ข้อตกลง MOA พรรคประชาชน-ภูมิใจไทย ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ มองข้อหาล้มล้างการปกครอง ควรไว้ใช้กับการทำรัฐประหารมากกว่า
นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่าน X กรณีข้อตกลง MOA ระหว่าง พรรคประชาชน กับ พรรคภูมิใจไทย ระบุใจความดังนี้
“เรื่องข้อตกลงสองพรรค ผมอภิปรายในสภาไว้สรุปสั้น ๆ ว่า ขัดหลักการระบบรัฐสภา หลักในเรื่องความรับผิดชอบ และจะเป็นปัญหาในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคประชาชน สุดท้ายอาจไม่เกิดผลตามที่พรรคประชาชนตั้งความหวังและบอกกับประชาชนไว้ โดยเฉพาะการแก้รัฐธรรมนูญก็อาจไม่เกิดขึ้น
.
ทั้งหมดนี้ ผมเห็นว่าเป็นปัญหาทางการเมืองที่ควรแก้ด้วยการเมือง เช่น ติดตามวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของรัฐบาลและพรรคประชาชนกันต่อไป ถ้าถึงขั้นต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ว่ากัน และในที่สุดก็ให้ประชาชนทั้งประเทศเป็นผู้ตัดสินในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
.
ส่วนที่มีประเด็นว่า การมีข้อตกลงครั้งนี้ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ? ผมได้อภิปรายไว้ว่าไม่ขอออกความเห็น โดยส่วนตัวก็เห็นว่าไม่น่าจะถึงขั้นนั้น ยิ่งจะบอกว่าเป็นการล้มล้างการปกครองฯ ยิ่งไกลเกินไป ข้อหาล้มล้างการปกครองฯ เราควรไว้ใช้กับการทำรัฐประหารมากกว่า
.
หลักสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ เรื่องการดำเนินการของพรรคการเมือง ไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ไม่ควรอาศัยศาลรัฐธรรมนูญ มิฉะนั้นก็จะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้มาตัดสินความถูกผิดทางการเมืองของพรรคการเมือง ฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติมากเกินไป อย่างที่เกิดขึ้นมานับสิบ ๆ ปีแล้ว”
.
*อ้างอิง :
https://x.com/chaturon?ref_src=twsrc%5Egoogle%7Ctwcamp%5Eserp%7Ctwgr%5Eauthor X Chaturon
.
.
ตั้งข้อหากบฏ! สองนักข่าวกัมพูชาถ่ายภาพติดวัตถุคล้ายทุ่นระเบิด PMN-2
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/256637
.
มีรายงานว่า นักข่าวชาวกัมพูชา 2 คนที่ถ่ายภาพปราสาทตาควาย แล้วถ่ายติดวัตถุคล้ายทุ่นระเบิด PMN-2 ล่าสุดถูกจับกุมและตั้งข้อหากบฏแล้ว
.
เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 68 สันนิบาตเพื่อส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (LICADHO) รายงานว่า นักข่าวชาวกัมพูชา 2 คนที่ทำงานให้กับสำนักข่าวออนไลน์ TSP 68 TV Online ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่ภาพที่ถ่ายติดทุ่นระเบิด PMN-2 ได้ถูกจับกุมเมื่อปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา
.
ทั้งสองคนถูกตั้งข้อหา “ให้ข้อมูลแก่รัฐต่างประเทศที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการป้องกันประเทศ” ตามมาตรา 445 ซึ่งเป็นข้อหากบฏที่มีโทษจำคุก 7 ถึง 15 ปี จากการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเกี่ยวกับความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา
.
โดยเมื่อวันที่ 31 ก.ค. พร โสเพียบ (Porn Sopheap) และ เพียบ เพียรา (Pheap Pheara) ถูกจับกุมหลังจากเดินทางกลับจากการเดินทางไปรายงานข่าวที่จังหวัดอุดรมีชัย ใกล้ชายแดนไทย
.
นักข่าวทั้งสองถูกตั้งข้อหาโดยศาลเสียมราฐ และยังคงถูกควบคุมตัวก่อนการพิจารณาคดีในเรือนจำเสียมราฐ
JJNY : ชี้ชัดคุณสมบัตินักโทษติดคุกที่บ้าน│จาตุรนต์ชี้ข้อตกลง MOA ไม่ขัดรธน.│ตั้งข้อหากบฏ!สองนักข่าวกัมพูชา │50 จว.ฝนหนัก
.
จาตุรนต์ ชี้ข้อตกลง MOA พรรคประชาชน-ภูมิใจไทย ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9929124
.
จาตุรนต์ ชี้ข้อตกลง MOA พรรคประชาชน-ภูมิใจไทย ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ มองข้อหาล้มล้างการปกครอง ควรไว้ใช้กับการทำรัฐประหารมากกว่า
นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่าน X กรณีข้อตกลง MOA ระหว่าง พรรคประชาชน กับ พรรคภูมิใจไทย ระบุใจความดังนี้
“เรื่องข้อตกลงสองพรรค ผมอภิปรายในสภาไว้สรุปสั้น ๆ ว่า ขัดหลักการระบบรัฐสภา หลักในเรื่องความรับผิดชอบ และจะเป็นปัญหาในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคประชาชน สุดท้ายอาจไม่เกิดผลตามที่พรรคประชาชนตั้งความหวังและบอกกับประชาชนไว้ โดยเฉพาะการแก้รัฐธรรมนูญก็อาจไม่เกิดขึ้น
.
ทั้งหมดนี้ ผมเห็นว่าเป็นปัญหาทางการเมืองที่ควรแก้ด้วยการเมือง เช่น ติดตามวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของรัฐบาลและพรรคประชาชนกันต่อไป ถ้าถึงขั้นต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ว่ากัน และในที่สุดก็ให้ประชาชนทั้งประเทศเป็นผู้ตัดสินในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
.
ส่วนที่มีประเด็นว่า การมีข้อตกลงครั้งนี้ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ? ผมได้อภิปรายไว้ว่าไม่ขอออกความเห็น โดยส่วนตัวก็เห็นว่าไม่น่าจะถึงขั้นนั้น ยิ่งจะบอกว่าเป็นการล้มล้างการปกครองฯ ยิ่งไกลเกินไป ข้อหาล้มล้างการปกครองฯ เราควรไว้ใช้กับการทำรัฐประหารมากกว่า
.
หลักสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ เรื่องการดำเนินการของพรรคการเมือง ไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ไม่ควรอาศัยศาลรัฐธรรมนูญ มิฉะนั้นก็จะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้มาตัดสินความถูกผิดทางการเมืองของพรรคการเมือง ฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติมากเกินไป อย่างที่เกิดขึ้นมานับสิบ ๆ ปีแล้ว”
.
*อ้างอิง : https://x.com/chaturon?ref_src=twsrc%5Egoogle%7Ctwcamp%5Eserp%7Ctwgr%5Eauthor X Chaturon
.
.
.