เพื่อไทย "มันจบแล้วครับนาย" พรรคประชาชน "มันจบแล้วครับน้อง"

คาดว่า คะแนนความนิยมต่อสองพรรคใหญ่ลดฮวบ โอกาสกลับมายิ่งใหญ่ต่ำกว่า 50%
ประชาชน เกิดข้อสงสัยเคลือบแคลง ในความคล้ายคลึงกัน อาทิ

1. DNA ของส้มและแดง อาจไม่ใช่หัวหน้าพรรค
ดังที่ปรากฏในข่าว ดีลพรรคส้ม ติดต่อตุณธนาธร อยากรู้ทิศทางพรรคแดง ถามคุณทักษิณ
ผู้นำของทั้งสองพรรค ถูกสงสัยว่า เป็น ผู้สืบทอดเจตนารมณ์เจ้าของพรรค

ส่วนภูมิใจไทย พัฒนาจากกลุ่มเพื่อนเนวิน ถ้าทีมเบื้องหลัง มีอยู่จริง
พวกเขาก็ใช้เทคนิกเสือสุ่มเงียบ ไม่ทำเสียงดัง ไม่ออกสื่อ ทุกการขยับ ไม่ทำตัวให้น่าสงสัย
จนนึกถึงคำกล่าว "อย่าให้ศัตรูรู้ว่าคุณคือศัตรู" ดังนั้น เมื่อภูมิใจไทยได้เป็นเจ้าของโอกาส ไม่ใช่ฟลุ๊ก
แต่เป็นสถานการณ์ที่เอื้อ + ความสามารถที่จะคว้า
ถ้าไม่มีใครส่งบอลให้ และคุณฝีเท้าไม่แม่น คุณก็ทำประตูไม่ได้

2. ตรรกะวิธีทำงานแบบไม่หลบเลี่ยงความเสี่ยง
อดีตนายกแพทองธาร โทรหาฮุนเซน โดยเชื่อในล่ามกัมพูชา
พรรคส้ม เอากุญแจรถให้พรรคน้ำเงินขับ เชื่อว่าเขาจะขับรถมาคืน
กุญแจรถ = อำนาจรัฐ  

พรรคน้ำเงิน หากเบี้ยวสัญญา ก็เป็นบวก มีหลายเหตุผลให้เบี้ยวได้ เช่น ทำประชามติ ยังไม่เสร็จ
หากไม่เบี้ยว ยุบสภาเมื่อครบ 4 เดือน ผลงานก็ได้ใจประชาชนไปแล้ว คะแนนนิยมบวกเพิ่ม

ในภาพรวม มองว่า วัยมีผลอยู่บ้าง ด้วยวัยก่อน 45 และหลัง 75 ปี ไม่ควรปล่อยให้ทำงานใหญ่
กลุ่มก่อน 45 ปี มีปัญหาเรื่องประเมินความเสี่ยง แน่หล่ะ ถ้างบไม่กี่บาท เสี่ยงแล้วพลาด ก็พอรับได้
แต่บางโครงการ เป็นงานดีลที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติที่ทุกทางเลือกอันตราย  

อนุทิน วัย 58 ปี กำลังเหมาะ ประสพการณ์มากพอทำการใหญ่ ดูแลประเทศ
ส่วนคนวัยเกิน  75 ปี สมองทำงานไม่มีประสิทธิภาพในการตัดสินใจที่กระทบต่อคนหมู่มาก
ควรเอาเวลาไปดูแลสุขภาพ

การเมืองเป็นกิจสัมพันธ์กับคนหมู่มาก  
การทำงานระดับนี้เป็นเรื่องชิงไหวชิงพริบ คมเฉือนคม มีชั้นความลับ มีกลยุทธิ์ มีคอนเน็คชั่น
เป็นเรื่องของคนที่ออกจังหวะอาวุธต่างๆ อย่างเหมาะสม มีการวางตำแหน่งยอดฝีมือ
ขับเคลื่อนด้วยกำลังคน และกำลังเงิน
ผู้มีทักษะวิธีแยบยล ย่อมสามารถทำลายกำแพงจิตใจผู้ชมและผู้ใต้บังคับบัญชา
นี่คือ โอกาส ที่สำคัญของภูมิใจไทย ท่ามกลางความท้าทายของคดีต่างๆ

จุดแข็งของภูมิใจไทย คือ ไม่เน้นคารม ไม่เน้นอารมณ์ ไม่เน้นหล่อ จุดขายที่มีคือมุ่งผลงาน
มีสายสัมพันธ์กับองค์กรชั้นนำของประเทศ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคท้องถิ่น
มีความเป็นไทยแนวอนุรักษ์ ทำให้บุคลากรของพรรคไม่วางตัวโอ้อวด ปรับตัว แบบไผ่ลู่ลม ไม่หักพังเมื่อเจอพายุ

พืชเติบโตได้ในภูมิอากาศสภาพแวดล้อมแบบใด คนจะเจริญในหน้าที่ได้
ย่อมต้องคำนึงถึงขนบวัฒนธรรมค่านิยมในสังคมนั้น และการให้ผลประโยชน์ของชาติเป็นเป้าหมายสำคัญ
สิ่งที่อาจเป็นปัญหาได้ คือ ความรักในเป้าหมายทางการเมืองมากกว่ารักประชาชน ความเชื่อในการเปลี่ยนแปลงสังคม
ควรสอดคล้องสัมพันธ์กับประชาชนอย่างใกล้ชิด

ส่วนพรรคแดง-ส้ม  พลาดครั้งแรก = สังคมให้อภัย
พลาดครั้งที่สอง = สังคมเห็นนิสัยที่เป็นจุดอ่อน  มีแนวโน้มไม่ไว้วางใจให้กุมอำนาจรัฐ
ซึ่งจะต้องแก้ไขภาพลักษณ์และวิกฤตความเชื่อมั่นให้ได้ ก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่