ใครจะคิดว่า บนโต๊ะอาหารกลางวันในบ้านชนบทเล็กๆ ชานเมือง ในรัฐวิกตอเรีย ของออสเตรเลีย ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเนื้ออบห่อแป้งพัฟกรอบๆ จากเมนูยอดนิยมอย่าง ‘beef wellington’ จะมีส่วนผสมของเห็ดพิษร้ายแรงที่สุดในโลกซุกซ่อนอยู่
นี่คือเรื่องราวของมื้ออาหารที่กลายเป็นโศกนาฏกรรม สั่นสะเทือนทั้งออสเตรเลีย และเป็นหนึ่งในคดีฆาตกรรมที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในรอบหลายปี Explainer จะพาย้อนเหตุการณ์นี้ ตั้งแต่วันเกิดเหตุ จนถึงวันที่ศาลพิพากษาจำคุก เอริน แพตเตอร์สัน อย่างน้อย 33 ปี
1. เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเที่ยงวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 เอริน แพตเตอร์สัน เชิญครอบครัว และญาติสนิทของไซมอน อดีตสามี มารับประทานอาหารกลางวันที่บ้าน
2. ผู้ที่มาร่วมโต๊ะในวันนั้นคือ เกล และดอน แพตเตอร์สัน (พ่อแม่ของไซมอน), เฮเธอร์ วิลคินสัน (น้องสาวของเกล) และ เอียน วิลคินสัน (สามีของเฮเธอร์)
3. ส่วน ไซมอน แพตเตอร์สัน อดีตสามี แม้จะถูกเชิญ แต่เลือกที่จะไม่มา โดยบอกว่า “ไม่สบายใจ” ที่จะร่วมโต๊ะกับเอริน
4. ทำให้โต๊ะอาหารวันนั้นมีแขก 4 คน รวมเอรินแล้วเป็น 5 คน บนโต๊ะมีเมนูหลักคือ beef wellington เนื้ออบเคลือบซอสเห็ดห่อแป้งพัฟ เสิร์ฟคู่กับมันบด ถั่วแขก และน้ำเกรวี
5. เมื่อถึงเวลาเอรินได้นำสเต็กออกมาเสิร์ฟ ทุกคนรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมพูดคุย ส่งเสียงหัวเราะกันเป็นระยะๆ
6. บรรยากาศวันนั้นเหมือนเป็นมื้ออาหารครอบครัวธรรมดาๆ จนแทบไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง คือ เอรินใช้จานสีเทาเสิร์ฟสเต็กให้กับแขกทุกคน ยกเว้นเธอที่ได้จานสีส้ม
7. เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ต่างคนต่างแยกย้ายกัน จนตกกลางคืนวันนั้น แขกที่ไปรับประทานอาหารที่บ้านเอริน เริ่มมีอาการป่วยเหมือนกัน คือ มีอาการท้องเสีย และอาเจียนอย่างรุนแรง
8. รุ่งขึ้นทั้งหมดถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเพราะอาการแย่ลง ดอนเล่าให้แพทย์ฟังว่าเขาอาเจียนถึง 30 ครั้ง ภายในไม่กี่ชั่วโมง
9. ทั้งหมดเข้าสู่อาการโคม่าอย่างรวดเร็ว แพทย์วินิจฉัยว่าเกิดภาวะ ตับล้มเหลวขั้นรุนแรง สุดท้าย เกล ดอน และเฮเธอร์ เสียชีวิต ขณะที่ เอียน รอดชีวิตอย่างหวุดหวิด หลังต้องรักษาตัวในห้องไอซียูหลายสัปดาห์
10. เอรินปรากฏตัวที่โรงพยาบาล 2 วันให้หลัง อ้างว่าเธอรู้สึกไม่สบาย แพทย์จึงขอให้เธอและลูก ๆ ตรวจร่างกายอย่างละเอียด หลังจากที่ซักประวัติแล้วพบว่า เธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยโคม่าทั้ง 4 คน
11. ตอนแรกเธอปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ได้กินเนื้อจานเดียวกับแขก แต่กิน “เค้กส้ม” ที่เกลนำมาให้ อีกทั้งยังป่วยเป็น โรคบูลิเมีย หรือโรคล้วงคอ ทำให้เธออาเจียนออกหลังมื้ออาหาร
12. จนสุดท้ายเธอยอมตรวจ ผลออกมาว่า เอรินและลูกๆ ไม่มีร่องรอยเห็ดพิษในร่างกาย และแพทย์ขอรอดูอาการ 24 ชั่วโมง ก่อนอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล
13. แม้ว่าเอรินจะไม่แสดงอาการใดๆ แต่ตำรวจเริ่มตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการป่วยอย่างผิดปกติพร้อมๆ กันในกลุ่มญาติสนิทที่มีความเชื่อมโยงกับเธอ
14. ตำรวจเริ่มสืบสวน และพบหลักฐานสำคัญ คือกล้องวงจรปิดจับภาพเอรินนำ เตาอบอาหาร ไปทิ้งถังขยะ ไม่กี่วันหลังออกจากโรงพยาบาล ภายหลังตรวจพบว่ามีร่องรอยเห็ดพิษ
15. ตำรวจยังพบด้วยว่าเธอใช้ โทรศัพท์หลายเครื่องในวันที่เลี้ยงอาหารแขกที่บ้าน โดยสองเครื่องหายไปหลังจากนั้น ส่วนเครื่องที่ส่งมอบให้ตำรวจถูกล้างข้อมูลซ้ำหลายครั้ง
16. ข้อมูลการสืบสวนและหลักฐานดิจิทัลที่ศาลได้มา ชี้ว่าเอรินเตรียมการล่วงหน้าในการออกตามหาเห็ดหมวกมรณะ จึงมองได้ว่าเป็นการเจตนา ไม่ใช่การเก็บมาโดยไม่รู้ตามที่เธออ้าง
17. นำมาสู่การตั้งข้อหาเอริน ในคดีฆาตกรรม 3 กระทง และพยายามฆ่า 5 กระทง เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ก่อนที่ต่อมาจะมีการตัดข้อหาพยายามฆ่าไซมอน (อดีตสามี) ออกไป 1 กระทง
18. ระหว่างการพิจารณาคดี เอรินยังคงยืนยันว่าเป็นอุบัติเหตุ และเธอก็มีอาการป่วยหลังมื้ออาหารเช่นกัน เพียงแต่อาเจียนออกหมด แต่คำให้การนี้ไม่อาจลบล้างหลักฐานทั้งหมดได้
19. แต่สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถรอดพ้นจากหลักฐาน และคำให้การของผู้รอดชีวิตอย่างเอียน ที่ยืนยันกับศาลว่า เขาสังเกตเห็น เอรินได้จานสีส้มต่างจากคนอื่น ซึ่งกลายเป็นจุดสำคัญที่ทำให้คณะลูกขุนเชื่อว่าเธอมีความผิดจริง
20. วันที่ 8 กันยายน 2568 ศาลสูงรัฐวิกตอเรียพิพากษาให้ เอริน แพตเตอร์สัน ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยกำหนดโทษขั้นต่ำ 33 ปี ก่อนจะมีสิทธิ์ยื่นขอปล่อยตัว
21.ในศาล เอียน วิลคินสัน ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว กล่าวถ้อยคำที่ทำให้ผู้ฟังเงียบงันทั้งห้องว่า “ตอนนี้ฉันไม่ใช่เหยื่อของเอรินอีกต่อไป แต่เธอกลับกลายเป็นเหยื่อของความเมตตาของฉัน” ประโยคนี้กลายเป็นหนึ่งในภาพจำของคดี ที่สะท้อนความเจ็บปวดและการให้อภัยในเวลาเดียวกัน
22. คำพิพากษาครั้งนี้ถูกถ่ายทอดสดทั่วประเทศ ถือเป็นครั้งแรกที่การตัดสินคดีอาญาได้รับการออกอากาศในรัฐวิกตอเรีย สะท้อนให้เห็นว่าสังคมออสเตรเลียให้ความสนใจคดีนี้อย่างมาก
23. เอรินยังมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ได้ภายในวันที่ 6 ตุลาคม 2568 หากไม่อุทธรณ์ คดีนี้ก็จะถือว่าสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ
24. นี่คือเรื่องราวทั้งหมดของคดีประวัติศาสตร์ที่โลกจดจำในชื่อ ‘คดีเห็ดพิษออสเตรเลีย’ ซึ่งกลายเป็นบาดแผล ที่สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวออสเตรเลียทั้งประเทศ จากที่ควรเป็นแค่มื้ออาหารในครอบครัวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่พรากชีวิตคนไปถึง 3 คน
สำนักข่าว TODAY
สำนักข่าวออนไลน์ เปิดความรู้ ดูทูเดย์
#สำนักข่าวทูเดย์
#MakeTomorrowTODAY
คดีเห็ดพิษออสเตรเลีย สู่โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ 🍄🍄
นี่คือเรื่องราวของมื้ออาหารที่กลายเป็นโศกนาฏกรรม สั่นสะเทือนทั้งออสเตรเลีย และเป็นหนึ่งในคดีฆาตกรรมที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในรอบหลายปี Explainer จะพาย้อนเหตุการณ์นี้ ตั้งแต่วันเกิดเหตุ จนถึงวันที่ศาลพิพากษาจำคุก เอริน แพตเตอร์สัน อย่างน้อย 33 ปี
1. เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเที่ยงวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 เอริน แพตเตอร์สัน เชิญครอบครัว และญาติสนิทของไซมอน อดีตสามี มารับประทานอาหารกลางวันที่บ้าน
2. ผู้ที่มาร่วมโต๊ะในวันนั้นคือ เกล และดอน แพตเตอร์สัน (พ่อแม่ของไซมอน), เฮเธอร์ วิลคินสัน (น้องสาวของเกล) และ เอียน วิลคินสัน (สามีของเฮเธอร์)
3. ส่วน ไซมอน แพตเตอร์สัน อดีตสามี แม้จะถูกเชิญ แต่เลือกที่จะไม่มา โดยบอกว่า “ไม่สบายใจ” ที่จะร่วมโต๊ะกับเอริน
4. ทำให้โต๊ะอาหารวันนั้นมีแขก 4 คน รวมเอรินแล้วเป็น 5 คน บนโต๊ะมีเมนูหลักคือ beef wellington เนื้ออบเคลือบซอสเห็ดห่อแป้งพัฟ เสิร์ฟคู่กับมันบด ถั่วแขก และน้ำเกรวี
5. เมื่อถึงเวลาเอรินได้นำสเต็กออกมาเสิร์ฟ ทุกคนรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมพูดคุย ส่งเสียงหัวเราะกันเป็นระยะๆ
6. บรรยากาศวันนั้นเหมือนเป็นมื้ออาหารครอบครัวธรรมดาๆ จนแทบไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง คือ เอรินใช้จานสีเทาเสิร์ฟสเต็กให้กับแขกทุกคน ยกเว้นเธอที่ได้จานสีส้ม
7. เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ต่างคนต่างแยกย้ายกัน จนตกกลางคืนวันนั้น แขกที่ไปรับประทานอาหารที่บ้านเอริน เริ่มมีอาการป่วยเหมือนกัน คือ มีอาการท้องเสีย และอาเจียนอย่างรุนแรง
8. รุ่งขึ้นทั้งหมดถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเพราะอาการแย่ลง ดอนเล่าให้แพทย์ฟังว่าเขาอาเจียนถึง 30 ครั้ง ภายในไม่กี่ชั่วโมง
9. ทั้งหมดเข้าสู่อาการโคม่าอย่างรวดเร็ว แพทย์วินิจฉัยว่าเกิดภาวะ ตับล้มเหลวขั้นรุนแรง สุดท้าย เกล ดอน และเฮเธอร์ เสียชีวิต ขณะที่ เอียน รอดชีวิตอย่างหวุดหวิด หลังต้องรักษาตัวในห้องไอซียูหลายสัปดาห์
10. เอรินปรากฏตัวที่โรงพยาบาล 2 วันให้หลัง อ้างว่าเธอรู้สึกไม่สบาย แพทย์จึงขอให้เธอและลูก ๆ ตรวจร่างกายอย่างละเอียด หลังจากที่ซักประวัติแล้วพบว่า เธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยโคม่าทั้ง 4 คน
11. ตอนแรกเธอปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ได้กินเนื้อจานเดียวกับแขก แต่กิน “เค้กส้ม” ที่เกลนำมาให้ อีกทั้งยังป่วยเป็น โรคบูลิเมีย หรือโรคล้วงคอ ทำให้เธออาเจียนออกหลังมื้ออาหาร
12. จนสุดท้ายเธอยอมตรวจ ผลออกมาว่า เอรินและลูกๆ ไม่มีร่องรอยเห็ดพิษในร่างกาย และแพทย์ขอรอดูอาการ 24 ชั่วโมง ก่อนอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล
13. แม้ว่าเอรินจะไม่แสดงอาการใดๆ แต่ตำรวจเริ่มตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการป่วยอย่างผิดปกติพร้อมๆ กันในกลุ่มญาติสนิทที่มีความเชื่อมโยงกับเธอ
14. ตำรวจเริ่มสืบสวน และพบหลักฐานสำคัญ คือกล้องวงจรปิดจับภาพเอรินนำ เตาอบอาหาร ไปทิ้งถังขยะ ไม่กี่วันหลังออกจากโรงพยาบาล ภายหลังตรวจพบว่ามีร่องรอยเห็ดพิษ
15. ตำรวจยังพบด้วยว่าเธอใช้ โทรศัพท์หลายเครื่องในวันที่เลี้ยงอาหารแขกที่บ้าน โดยสองเครื่องหายไปหลังจากนั้น ส่วนเครื่องที่ส่งมอบให้ตำรวจถูกล้างข้อมูลซ้ำหลายครั้ง
16. ข้อมูลการสืบสวนและหลักฐานดิจิทัลที่ศาลได้มา ชี้ว่าเอรินเตรียมการล่วงหน้าในการออกตามหาเห็ดหมวกมรณะ จึงมองได้ว่าเป็นการเจตนา ไม่ใช่การเก็บมาโดยไม่รู้ตามที่เธออ้าง
17. นำมาสู่การตั้งข้อหาเอริน ในคดีฆาตกรรม 3 กระทง และพยายามฆ่า 5 กระทง เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ก่อนที่ต่อมาจะมีการตัดข้อหาพยายามฆ่าไซมอน (อดีตสามี) ออกไป 1 กระทง
18. ระหว่างการพิจารณาคดี เอรินยังคงยืนยันว่าเป็นอุบัติเหตุ และเธอก็มีอาการป่วยหลังมื้ออาหารเช่นกัน เพียงแต่อาเจียนออกหมด แต่คำให้การนี้ไม่อาจลบล้างหลักฐานทั้งหมดได้
19. แต่สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถรอดพ้นจากหลักฐาน และคำให้การของผู้รอดชีวิตอย่างเอียน ที่ยืนยันกับศาลว่า เขาสังเกตเห็น เอรินได้จานสีส้มต่างจากคนอื่น ซึ่งกลายเป็นจุดสำคัญที่ทำให้คณะลูกขุนเชื่อว่าเธอมีความผิดจริง
20. วันที่ 8 กันยายน 2568 ศาลสูงรัฐวิกตอเรียพิพากษาให้ เอริน แพตเตอร์สัน ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยกำหนดโทษขั้นต่ำ 33 ปี ก่อนจะมีสิทธิ์ยื่นขอปล่อยตัว
21.ในศาล เอียน วิลคินสัน ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว กล่าวถ้อยคำที่ทำให้ผู้ฟังเงียบงันทั้งห้องว่า “ตอนนี้ฉันไม่ใช่เหยื่อของเอรินอีกต่อไป แต่เธอกลับกลายเป็นเหยื่อของความเมตตาของฉัน” ประโยคนี้กลายเป็นหนึ่งในภาพจำของคดี ที่สะท้อนความเจ็บปวดและการให้อภัยในเวลาเดียวกัน
22. คำพิพากษาครั้งนี้ถูกถ่ายทอดสดทั่วประเทศ ถือเป็นครั้งแรกที่การตัดสินคดีอาญาได้รับการออกอากาศในรัฐวิกตอเรีย สะท้อนให้เห็นว่าสังคมออสเตรเลียให้ความสนใจคดีนี้อย่างมาก
23. เอรินยังมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ได้ภายในวันที่ 6 ตุลาคม 2568 หากไม่อุทธรณ์ คดีนี้ก็จะถือว่าสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ
24. นี่คือเรื่องราวทั้งหมดของคดีประวัติศาสตร์ที่โลกจดจำในชื่อ ‘คดีเห็ดพิษออสเตรเลีย’ ซึ่งกลายเป็นบาดแผล ที่สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวออสเตรเลียทั้งประเทศ จากที่ควรเป็นแค่มื้ออาหารในครอบครัวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่พรากชีวิตคนไปถึง 3 คน
สำนักข่าว TODAY
สำนักข่าวออนไลน์ เปิดความรู้ ดูทูเดย์
#สำนักข่าวทูเดย์
#MakeTomorrowTODAY