“ช่อ พรรณิการ์” ลั่น เกินไปมาก “แขก คำผกา” บูลลี “หมิว-ครูธัญ” จี้ต้นสังกัดรับผิดชอบ
.
.
“ช่อ พรรณิการ์” ลั่น ครั้งนี้เกินไปมาก! “แขก คำผกา” บูลลี “หมิว-ครูธัญ” จี้ต้นสังกัดรับผิดชอบ เผยแค่บุคคลธรรมดาก็ไม่สมควรแล้ว แต่เจ้าตัวเป็นถึงสื่อมวลชนช่องรัฐด้วย พร้อมให้กำลังใจทั้ง 2 ท่าน เชื่อจิตใจเข้มแข็ง หลังถูกบูลลีอาการป่วยซึมเศร้าและสถานะทางเพศ
.
8 ก.ย. 2568 น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวการเมือง ช่อง 3 ถึงกรณีที่ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือแขก คำผกา พิธีกร ได้เหน็บแนม น.ส.สิริลภัส กองตระกาล สส.กทม. พรรคประชาชน และนายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โดยมีพิธีกรอีก 2 คน หัวเราะร่วมด้วย
.
โดย น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องร้ายแรงทั้ง 2 ประเด็น ทั้งการล้อเลียนเพศสภาพจากคำพูดอีกะเทย ที่ล้อเลียนนายธัญวัจน์ และคำพูดที่เป็นประเด็นตั้งต้นคือ อีหมิวซึมเศร้า ล้อเลียนการเป็นซึมเศร้าของ น.ส.สิริลภัส ซึ่งประเด็นเหล่านี้ลำพังเพียงแค่การแสดงออกทางโซเชียลมีเดียของบุคคลปกติ ก็ไม่สมควรแล้ว ถือเป็นการไปล้อเลียนในสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์หรือความเจ็บป่วยทางกายหรือทางใจของผู้อื่น แต่พอเป็นสิ่งที่มีการพูดออกสื่อโดยผู้ที่เป็นสื่อมวลชน โดยเฉพาะในช่องของรัฐด้วยและผู้ที่นั่งอยู่ด้วย แม้จะไม่ได้พูด แต่ก็แสดงออกในเชิงเห็นด้วยและขำขันไปด้วย ซึ่งทั้งหมดเป็นบุคคลที่ทำงานมาอย่างยาวนานในวงการสื่อ
.
“เรื่องนี้คงต้องเรียกร้องไปที่สื่อต้นสังกัดไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ NBT หรือ Voice TV ซึ่งดิฉันก็เคยทำงานอยู่ด้วย ดิฉันคิดว่าควรต้องพิจารณาว่าตามมาตรฐานจรรยาบรรณของสื่อสารมวลชนที่ต้องมีความเป็นมืออาชีพและมีความรับผิดชอบต่อผู้ชม ผู้รับฟังสาร เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ต้นสังกัดต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
.
เมื่อถามว่าควรจะมีการฟ้องร้องหรือไม่ เนื่องจากมีความเสียหาย น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า การฟ้องร้องเป็นสิทธิ์ของผู้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่บุคคลกลุ่มนี้วิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น ก็คงเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล แต่หลายท่านรวมถึงตัวของตน ไม่เคยคิดจะฟ้องร้องอะไร เพราะคิดว่าผู้รับชมรับฟังสามารถตัดสินได้เองว่าคำพูดคำวิจารณ์เหล่านี้เป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่
.
“แน่นอนว่าครั้งนี้ถือว่าเกินเลยไปมาก เพราะเป็นการเอาเรื่องความเจ็บปวดทางใจ ซึ่งอาจจะส่งผลถึงบุคคลอื่นๆด้วย ในแง่ที่ว่าถ้าปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ในสังคม ดิฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตสุขภาพของผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าอย่างมาก เพราะฉะนั้น ถ้าจะมีการพิจารณาฟ้องร้อง ดิฉันก็คิดว่าคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงพอสมควร แต่ว่าอย่างที่บอกส่วนตัวของดิฉันไม่เคยคิดที่จะฟ้องร้องเรื่องพวกนี้เพราะดิฉันเป็นนักการเมือง ยอมรับคำพิพากษาวิจารณ์ทุกรูปแบบอยู่แล้ว ถ้ามันเกินเลยถึงขั้นที่ดิฉันเคยฟ้องร้อง เช่น กรณีกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมกับการก่อการร้ายในภาคใต้ หรือฉ้อโกงเงินบริจาคของประชาชน ซึ่งดิฉันถือว่าร้ายแรงก็เลยได้ฟ้องร้องไป” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
.
เมื่อถามว่าได้คุยกับทั้ง 2 ท่านแล้วหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าววว่า ไม่จำเป็นต้องพูดคุยเรื่องอะไรแบบนี้ ตนรู้ว่าทั้ง 2 ท่านเป็นบุคคลที่มีจิตใจเข้มแข็ง เป็นผู้ที่ได้รับกำลังใจจากผู้คนมากมายอยู่แล้ว ทั้ง 2 ท่านคงจะเดินหน้าต่อสู้
.
ในส่วนของ น.ส.สิริลภัส คงต่อสู้เรื่องของสุขภาพจิต การที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญและทุ่มเทงบประมาณ รวมถึงให้ความรู้กับประชาชน ในความตระหนักต่อปัญหาสุขภาพจิต ส่วนนายธัญวัจน์ ก็เป็นคนที่ผลักดันเรื่อง Gender Equality มาอย่างต่อเนื่องก็คงจะผลักดันต่อไปทั้ง 2 ท่าน
.
เมื่อถามว่ามีอะไรอยากจะฝากถึงทั้ง 3 พิธีกรหรือไม่ น.ส. พรรณิการ์ กล่าวว่า ไม่มี
.
.
ณัฐชา ดึงสติ ลิ่วล้อ เพื่อไทย ขอหยุดคะนองปาก กลับมาเดินหน้าเพื่ออนาคต ทำงานเพื่อบ้านเมือง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5359638
.
“ณัฐชา” ดึงสติ ลิ่วล้อ“เพื่อไทย” ขอหยุดคะนองปาก กลับมาเดินหน้าเพื่ออนาคต เป็นมิตรทำงานเพื่อบ้านเมือง เลิกมองแต่ความสำเร็จในอดีตเหตุรัฐบาลติดหล่ม
.
เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 68 นายณัฐชา บุญไชยอินทร์สวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเปิดเกมโจมตีพรรคประชาชน ว่า พรรคเพื่อไทยควรตั้งสติ และหยุดมองเพียงแต่ความสำเร็จในอดีตของตัวเอง แต่ควรย้อนกลับมาทบทวนว่าในวันนี้ องคาพยพของพรรคกำลังทำอะไรลงไปบ้าง เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัฐบาลเดินมาถึงทางตัน ติดหล่ม และไม่สามารถขับเคลื่อนประเทศได้จริง การหลงอำนาจและความคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เกินไป ไม่เพียงทำร้ายพรรคร่วม แต่ยังทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น
.
“ผมอยากย้ำว่า วันนี้ยังไม่สายเกินไป หากเพื่อไทย เลือกจะหันกลับมาเดินหน้าเพื่ออนาคต เลือกกลับมาเป็นมิตรที่ดีต่อกัน เหมือนที่เราต่างเคยฝันไว้ว่า การเมืองไทยควรเป็นพื้นที่แห่งการร่วมมือ ไม่ใช่พื้นที่แห่งการแก้แค้น หากเราทุกฝ่ายทำได้ ประเทศชาติจะได้ก้าวต่ออย่างมั่นคง” นายณัฐชากล่าว
.
นายณัฐชา กล่าวต่อว่า ตนขอเรียกร้องให้หยุดพฤติกรรมที่คะนองปากและผยองอำนาจของบางคนในองคาพยพโดยเร็ว ก่อนที่ประชาชนจะมองว่านั่นคือ “สันดานทางการเมืองที่แท้จริง” ของพรรคคุณ และไม่อาจแก้ไขภาพลักษณ์นั้นได้อีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าเราทุกคนเป็นนักการเมืองมืออาชีพ ที่อาสามารับใช้ประชาชน ไม่ใช่เพื่อรับใช้ผลประโยชน์หรืออำนาจของตนเอง
.
.
เพื่อไทยดึงคำร้อง อนุทิน-เท้ง กลับไปแก้ อ้างตรวจสอบรายชื่อ-เนื้อหา วันนอร์ยันสภาเป็นกลาง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5359869
.
‘วันนอร์’ เผย ‘เพื่อไทย’ แจ้งขอดึงกลับคำร้อง ‘อนุทิน-เท้ง’ กลับไปแก้ใหม่ อ้างตรวจสอบรายชื่อ-เนื้อหาเพิ่มเติม ยันทำหน้าที่เป็นกลาง โยน หน้าที่วินิจฉัยเป็นของศาล รธน.
.
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 กันยายน ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) เข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. ปมทำ MOA แลกโหวตนายกรัฐมนตรีว่า พรรค พท.ได้ยื่นหนังสือมาตั้งแต่วันที่ 5 กันยายนแล้ว ซึ่งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ตรวจสอบรายชื่อ รวมถึงดูเนื้อหาเพื่อให้ประธานสภาได้พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
.
นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า จากเดิมคิดว่าหากทุกอย่างเรียบร้อยจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ แต่ได้รับการประสานงานจากนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เมื่อช่วงสายของวันนี้ว่าจะมาขอรับเรื่องคืนเพื่อแก้ไขเรื่องรายชื่อ รวมถึงเนื้อหาใหม่ ซึ่งถือเป็นสิทธิ เพราะเรายังไม่ส่ง ซึ่งไม่ทราบว่าจะมารับวันที่ 9 กันยายน หรือวันที่ 10 กันยายนนี้
.
เมื่อถามว่า จากการตรวจสอบเนื้อหาสามารถส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการต่อได้หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า เราไม่สามารถไปวิเคราะห์เนื้อหาได้ แต่ต้องตรวจสอบความถูกต้องของรายชื่อ และเรื่องที่ส่งมาส่วนว่าสาระจะส่งได้หรือไม่นั้น ตามรัฐธรรมนูญหากรายชื่อครบทุกอย่างก็เรียบร้อย เป็นหน้าที่ของประธานสภาที่จะต้องทำเรื่องส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา แต่ศาลจะรับหรือวินิจฉัยอย่างไรก็เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ
.
เมื่อถามว่า หากมีการนำเรื่องกลับไปจะต้องใช้เวลานานหรือไม่ จึงจะส่งกลับมาได้อีกครั้ง นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรค พท. แต่เห็นว่าเขาอาจจะมารับวันที่ 9 กันยายน
.
เมื่อถามว่า การยื่นร้อง MOA นั้น จะกระทบในอนาคตหรือไม่ หากพรรคการเมืองต้องมีการลงนามข้อตกลงการจัดตั้งรัฐบาล นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า เป็นเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้น สภาเราต้องทำหน้าที่เป็นกลางและต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ ตนยังไม่อยากลงไปถึงเนื้อหา เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ร้อง หากเขาเห็นว่าไม่ถูกต้องเขาก็ร้องมา แต่การวินิจฉัยคำร้องจะเป็นอย่างไร ก็เป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัยต่อไป
.
.
ชาวนาโคราช ฝากรัฐบาลอนุทิน รับซื้อข้าวกิโล 9 บาท จี้เร่งจ่ายเงินช่วยเหลือไร่ละพัน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9927981
.
นครราชสีมา ชาวนาฝาก “รัฐบาลอนุทิน” ช่วยรับซื้อข้าวกิโลละ 9 บาท หวั่นขาดทุนย่อยยับ วอนใส่ใจเกษตรกรจริงจัง จี้เร่งจ่ายเงินช่วยเหลือไร่ละพัน 1,000
.
8 ก.ย. 68 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงนี้กำลังเข้าสู่ช่วงข้าวนาปีหลายพื้นที่ในจังหวัดนครราชสีมากำลงมือหว่าน และปักดำข้าวในช่วงนี้ และบางส่วนยังได้นำเงินช่วยเหลือชาวนาที่ทางรัฐบาลได้จ่ายให้กับชาวนาไร่ละ 1,000 บาทคนละไม่เกิน 10 ไร่ มาลงทุนทำนา
.
โดยที่แปลงนาของ นางรุ่งณภา ยะวงค์ษา อายุ 64 ชาวนาอำเภอสีคิ้ว กำลังใช้รถดำนาที่เพิ่งถอยออกมาใหม่ปักดำต้นข้าวในแปลงนา ผู้สื่อข่าวจึงได้เข้าไปสอบถามความคิดเห็นกับนางรุ่งณภา เกี่ยวกับประเด็นที่ทางสภาได้มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีและกำลังเข้าสู่ช่วงการตั้งรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนาย
อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
.
นางรุ่งณภา บอกว่า เงินที่ทางรัฐบาลช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท นั้นไม่เพียงพอต่อการทำนาเพราะต้นทุนการทำนาเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับเงินช่วยเหลือดังกล่าวนั้นออกมาช้าทำให้ไม่ทันในช่วงการปลูกข้าวนาปี ซึ่งเกษตรกรบางรายนั้นก็ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือดังกล่าว ซึ่งอาจมีความจำเป็นต้องไปกู้เงินมาลงทุนปลูกข้าวไปก่อน
.
จึงอยากฝากไปยังรัฐบาลใหม่ว่า สิ่งไหนที่ดีของรัฐบาลก่อนที่ประชาชนพอใจก็หยิบมาใช้ และอยากให้หันมาใส่ใจเกษตรกรอย่างจริงจังเพราะเกษตรกรถือว่าเป็นอาชีพที่สำคัญของประเทศที่คอยปลูกข้าวให้กิน ถ้าชาวนาอยู่ไม่ได้ไม่สามารถปลูกข้าวได้แล้วพวกคุณจะอยู่กันยังไง
.
นางรุ่งณภาบอกต่ออีกว่า เมื่อคราวที่แล้วขาดทุนจากการขายข้าวแบบย่อยยับ เพราะข้าวกิโลกรัมละ 5 บาท ก่อนหน้านั้นกิโลกรัมละ 9 บาท ก็ยังถือว่าพออยู่ได้ถึงแม้มีกำไรไม่มาก แต่ปัจจุบันหากบวกลบแล้วเงินที่หายไปจากราคาข้าวที่ตกต่ำและต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นเป็นเงิน 1-2 แสนบาท
.
จากการที่ตนทำนากว่า 50 ไร่ ซึ่งถ้าสถานการณ์ราคาข้าวยังเป็นต่อไปอย่างนี้ต่อไป ชาวนาคงอยู่ไม่ได้จึงอยากให้รัฐบาลใหม่ช่วยเรื่องการปรับราคาข้าวให้เพิ่มสูงขึ้น
JJNY : “ช่อ”ลั่นเกินไปมาก│ณัฐชาดึงสติลิ่วล้อพท.│พท.ดึงคำร้อง│ชาวนาโคราชจี้เร่งจ่ายไร่ละพัน│ทรัมป์พร้อมลุยคว่ำบาตรรัสเซีย
.
8 ก.ย. 2568 น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวการเมือง ช่อง 3 ถึงกรณีที่ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือแขก คำผกา พิธีกร ได้เหน็บแนม น.ส.สิริลภัส กองตระกาล สส.กทม. พรรคประชาชน และนายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โดยมีพิธีกรอีก 2 คน หัวเราะร่วมด้วย
.
โดย น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องร้ายแรงทั้ง 2 ประเด็น ทั้งการล้อเลียนเพศสภาพจากคำพูดอีกะเทย ที่ล้อเลียนนายธัญวัจน์ และคำพูดที่เป็นประเด็นตั้งต้นคือ อีหมิวซึมเศร้า ล้อเลียนการเป็นซึมเศร้าของ น.ส.สิริลภัส ซึ่งประเด็นเหล่านี้ลำพังเพียงแค่การแสดงออกทางโซเชียลมีเดียของบุคคลปกติ ก็ไม่สมควรแล้ว ถือเป็นการไปล้อเลียนในสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์หรือความเจ็บป่วยทางกายหรือทางใจของผู้อื่น แต่พอเป็นสิ่งที่มีการพูดออกสื่อโดยผู้ที่เป็นสื่อมวลชน โดยเฉพาะในช่องของรัฐด้วยและผู้ที่นั่งอยู่ด้วย แม้จะไม่ได้พูด แต่ก็แสดงออกในเชิงเห็นด้วยและขำขันไปด้วย ซึ่งทั้งหมดเป็นบุคคลที่ทำงานมาอย่างยาวนานในวงการสื่อ
.
“เรื่องนี้คงต้องเรียกร้องไปที่สื่อต้นสังกัดไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ NBT หรือ Voice TV ซึ่งดิฉันก็เคยทำงานอยู่ด้วย ดิฉันคิดว่าควรต้องพิจารณาว่าตามมาตรฐานจรรยาบรรณของสื่อสารมวลชนที่ต้องมีความเป็นมืออาชีพและมีความรับผิดชอบต่อผู้ชม ผู้รับฟังสาร เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ต้นสังกัดต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
.
เมื่อถามว่าควรจะมีการฟ้องร้องหรือไม่ เนื่องจากมีความเสียหาย น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า การฟ้องร้องเป็นสิทธิ์ของผู้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่บุคคลกลุ่มนี้วิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น ก็คงเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล แต่หลายท่านรวมถึงตัวของตน ไม่เคยคิดจะฟ้องร้องอะไร เพราะคิดว่าผู้รับชมรับฟังสามารถตัดสินได้เองว่าคำพูดคำวิจารณ์เหล่านี้เป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่
.
“แน่นอนว่าครั้งนี้ถือว่าเกินเลยไปมาก เพราะเป็นการเอาเรื่องความเจ็บปวดทางใจ ซึ่งอาจจะส่งผลถึงบุคคลอื่นๆด้วย ในแง่ที่ว่าถ้าปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ในสังคม ดิฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตสุขภาพของผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าอย่างมาก เพราะฉะนั้น ถ้าจะมีการพิจารณาฟ้องร้อง ดิฉันก็คิดว่าคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงพอสมควร แต่ว่าอย่างที่บอกส่วนตัวของดิฉันไม่เคยคิดที่จะฟ้องร้องเรื่องพวกนี้เพราะดิฉันเป็นนักการเมือง ยอมรับคำพิพากษาวิจารณ์ทุกรูปแบบอยู่แล้ว ถ้ามันเกินเลยถึงขั้นที่ดิฉันเคยฟ้องร้อง เช่น กรณีกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมกับการก่อการร้ายในภาคใต้ หรือฉ้อโกงเงินบริจาคของประชาชน ซึ่งดิฉันถือว่าร้ายแรงก็เลยได้ฟ้องร้องไป” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
.
เมื่อถามว่าได้คุยกับทั้ง 2 ท่านแล้วหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าววว่า ไม่จำเป็นต้องพูดคุยเรื่องอะไรแบบนี้ ตนรู้ว่าทั้ง 2 ท่านเป็นบุคคลที่มีจิตใจเข้มแข็ง เป็นผู้ที่ได้รับกำลังใจจากผู้คนมากมายอยู่แล้ว ทั้ง 2 ท่านคงจะเดินหน้าต่อสู้
.
ในส่วนของ น.ส.สิริลภัส คงต่อสู้เรื่องของสุขภาพจิต การที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญและทุ่มเทงบประมาณ รวมถึงให้ความรู้กับประชาชน ในความตระหนักต่อปัญหาสุขภาพจิต ส่วนนายธัญวัจน์ ก็เป็นคนที่ผลักดันเรื่อง Gender Equality มาอย่างต่อเนื่องก็คงจะผลักดันต่อไปทั้ง 2 ท่าน
.
เมื่อถามว่ามีอะไรอยากจะฝากถึงทั้ง 3 พิธีกรหรือไม่ น.ส. พรรณิการ์ กล่าวว่า ไม่มี
.
ณัฐชา ดึงสติ ลิ่วล้อ เพื่อไทย ขอหยุดคะนองปาก กลับมาเดินหน้าเพื่ออนาคต ทำงานเพื่อบ้านเมือง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5359638
.
.
เพื่อไทยดึงคำร้อง อนุทิน-เท้ง กลับไปแก้ อ้างตรวจสอบรายชื่อ-เนื้อหา วันนอร์ยันสภาเป็นกลาง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5359869
.
.
ชาวนาโคราช ฝากรัฐบาลอนุทิน รับซื้อข้าวกิโล 9 บาท จี้เร่งจ่ายเงินช่วยเหลือไร่ละพัน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9927981
.
นครราชสีมา ชาวนาฝาก “รัฐบาลอนุทิน” ช่วยรับซื้อข้าวกิโลละ 9 บาท หวั่นขาดทุนย่อยยับ วอนใส่ใจเกษตรกรจริงจัง จี้เร่งจ่ายเงินช่วยเหลือไร่ละพัน 1,000
.
8 ก.ย. 68 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงนี้กำลังเข้าสู่ช่วงข้าวนาปีหลายพื้นที่ในจังหวัดนครราชสีมากำลงมือหว่าน และปักดำข้าวในช่วงนี้ และบางส่วนยังได้นำเงินช่วยเหลือชาวนาที่ทางรัฐบาลได้จ่ายให้กับชาวนาไร่ละ 1,000 บาทคนละไม่เกิน 10 ไร่ มาลงทุนทำนา
.
โดยที่แปลงนาของ นางรุ่งณภา ยะวงค์ษา อายุ 64 ชาวนาอำเภอสีคิ้ว กำลังใช้รถดำนาที่เพิ่งถอยออกมาใหม่ปักดำต้นข้าวในแปลงนา ผู้สื่อข่าวจึงได้เข้าไปสอบถามความคิดเห็นกับนางรุ่งณภา เกี่ยวกับประเด็นที่ทางสภาได้มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีและกำลังเข้าสู่ช่วงการตั้งรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
.
นางรุ่งณภา บอกว่า เงินที่ทางรัฐบาลช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท นั้นไม่เพียงพอต่อการทำนาเพราะต้นทุนการทำนาเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับเงินช่วยเหลือดังกล่าวนั้นออกมาช้าทำให้ไม่ทันในช่วงการปลูกข้าวนาปี ซึ่งเกษตรกรบางรายนั้นก็ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือดังกล่าว ซึ่งอาจมีความจำเป็นต้องไปกู้เงินมาลงทุนปลูกข้าวไปก่อน
.
จึงอยากฝากไปยังรัฐบาลใหม่ว่า สิ่งไหนที่ดีของรัฐบาลก่อนที่ประชาชนพอใจก็หยิบมาใช้ และอยากให้หันมาใส่ใจเกษตรกรอย่างจริงจังเพราะเกษตรกรถือว่าเป็นอาชีพที่สำคัญของประเทศที่คอยปลูกข้าวให้กิน ถ้าชาวนาอยู่ไม่ได้ไม่สามารถปลูกข้าวได้แล้วพวกคุณจะอยู่กันยังไง
.
นางรุ่งณภาบอกต่ออีกว่า เมื่อคราวที่แล้วขาดทุนจากการขายข้าวแบบย่อยยับ เพราะข้าวกิโลกรัมละ 5 บาท ก่อนหน้านั้นกิโลกรัมละ 9 บาท ก็ยังถือว่าพออยู่ได้ถึงแม้มีกำไรไม่มาก แต่ปัจจุบันหากบวกลบแล้วเงินที่หายไปจากราคาข้าวที่ตกต่ำและต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นเป็นเงิน 1-2 แสนบาท
.
จากการที่ตนทำนากว่า 50 ไร่ ซึ่งถ้าสถานการณ์ราคาข้าวยังเป็นต่อไปอย่างนี้ต่อไป ชาวนาคงอยู่ไม่ได้จึงอยากให้รัฐบาลใหม่ช่วยเรื่องการปรับราคาข้าวให้เพิ่มสูงขึ้น