เมื่อพูดถึงกีต้าร์ที่ให้ได้ทั้งโทนไฟฟ้าและโทนใสแบบอะคูสติกในตัวเดียว หลายคนจะนึกถึง กีต้าร์ไฟฟ้า PRS Hollowbody II Piezo ซึ่งโดดเด่นด้วยงานไม้ระดับพรีเมียม การประกอบที่ละเอียด และระบบเสียงที่ยืดหยุ่นสูง เหมาะทั้งซ้อม อัดเสียง และขึ้นเวทีจริง โดยยังคงเอกลักษณ์ความงามของ PRS อย่างครบถ้วน
โครงสร้างและวัสดุที่พิถีพิถัน
บอดี้แบบ Hollowbody ใช้โครง Mahogany ประกบด้วย Maple เกรด 10-Top ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้ได้ทั้งความกังวาน ความอบอุ่น และตอบสนองนิ้วได้ไว แม้ดีดเบา ๆ เสียงก็ออกชัด จึงให้โทนที่โปร่ง กว้าง และได้ยินรายละเอียดของเสียงชัดเจนกว่ากีต้าร์บอดี้ตัน
คอทำจากไม้ Mahogany ทรง Pattern จับถนัดมือ เล่นนาน ๆ ไม่เมื่อยนิ้ว ฟิงเกอร์บอร์ด Rosewood ลื่นนิ้ว พร้อมอินเลย์รูปนกสัญลักษณ์ของ PRS มองตำแหน่งเฟรตได้ง่าย ช่วยให้กดคอร์ดและโซโล่ได้แม่นยำ
จุดเด่นด้านระบบเสียงและการใช้งาน กีต้าร์ไฟฟ้า PRS Hollowbody II Piezo
จุดเด่นอยู่ที่การทำงานร่วมกันของปิ๊กอัพแม่เหล็ก 58/15 LT (ปรับจูนแบบ TCI) กับระบบ piezo ที่ติดตั้งในสะพานสาย ทำให้เลือกได้ทั้งโทนไฟฟ้าที่หนา อุ่น หรือจะเติมโทนใสแบบอะคูสติกเข้ามาผสมก็ได้ตามเพลงที่เล่น สวิตช์ mini‑toggle ใช้เปลี่ยนโหมดของ piezo ได้สามแบบ (ปิด / ผสม / ใช้เฉพาะ piezo) ส่วนสวิตช์เลือกปิ๊กอัพ 3 ทาง ทำงานคู่กับปุ่ม blend เพื่อปรับสัดส่วนเสียงให้พอดีง่าย ๆ เหมาะกับทั้งการเล่นเมโลดี้และการตีคอร์ดที่ต้องการความคมชัด
ฮาร์ดแวร์ก็ครบ สะพานสาย PRS Adjustable Piezo Stoptail และลูกบิดล็อกสาย Phase III Locking Tuners ช่วยให้เสียงนิ่ง จูนง่าย และคงเสถียรแม้เล่นต่อเนื่องนาน ๆ
ความคุ้มค่าที่เหนือกว่ากีต้าร์ทั่วไป กีต้าร์ไฟฟ้า PRS Hollowbody II Piezo
กีต้าร์ตัวเดียวแต่ใช้ได้หลายโอกาส: อยากได้โทนไฟฟ้าแบบฮัมบักเกอร์ก็ทำได้ทันที หรือถ้าอยากได้ปลายเสียงใสคล้ายอะคูสติกก็เพิ่มจากระบบ piezo ได้เลย จึงไม่ต้องพกกีต้าร์หลายตัวให้ยุ่งยาก อีกทั้งยังมีงานไม้สวยงามและผิวเคลือบ Charcoal Burst ที่ดูหรูบนเวที และเหมาะกับผู้ที่ชอบสะสม
งานประกอบละเอียดเรียบร้อย ตั้งแต่ลูกบิดล็อกสาย การเดินสายไฟ ไปจนถึงการตั้งค่าจากโรงงาน ทำให้หยิบขึ้นมาเล่นได้อย่างมั่นใจตั้งแต่เปิดเคส
สเปกทางเทคนิคที่ควรรู้
-
จำนวนสาย: 6 สาย
-
รูปทรง: PRS Doublecut บอดี้แบบ Hollowbody พร้อมช่อง F‑holes คู่
-
โครงสร้างบอดี้: Mahogany ประกบ Maple 10‑Top หน้า/หลัง เคลือบเงา
-
คอ: Mahogany ทรง Pattern ข้อต่อแบบ set‑neck
-
ฟิงเกอร์บอร์ด: Rosewood รัศมี 10" อินเลย์นก PRS
-
เฟรต: 22 เฟรต ขนาด Medium Jumbo
-
สเกล: 25 นิ้ว
-
นัต: กว้าง 1.6875" วัสดุผสมสังเคราะห์
-
ปิ๊กอัพ: 58/15 LT Humbucker (คอ/บริดจ์) + LR Baggs piezo ในสะพานสาย
-
ควบคุม: Volume, Tone, Piezo Blend, สวิตช์ mini‑toggle (piezo ปิด/ผสม/เปิด), สวิตช์ปิ๊กอัพ 3 ทาง
-
ฮาร์ดแวร์: PRS Adjustable Piezo Stoptail, Phase III Locking Tuners
- สาย: เบอร์ 11 ตามสเปกโรงงาน
-
เคส: ฮาร์ดเคสมาตรฐาน
การต่อสัญญาณสองช่อง (Mag/Piezo) ให้บาลานซ์บนเวที
สำหรับการเล่นสดมี 2 วิธีหลักที่ตั้งค่าได้ง่ายและชัดเจน:
- ส่งสัญญาณแม่เหล็ก (mag) ไปที่แอมป์กีต้าร์ และส่งสัญญาณ piezo เข้า DI แล้วเข้ามิกเซอร์โดยตรง
- หรือใช้โหมดผสม (mix) ผ่านแจ็คเดียว แล้วให้ซาวด์เอนจิเนียร์แยกปรับโทนภายหลัง
แนวทางตั้งค่าที่แนะนำเพื่อให้เสียงชัด ฟังสบาย ไม่บาดหู:
- ลดวอลุ่มของแชนเนล piezo ลงเล็กน้อย เพื่อลดความแข็งของเสียง
- เปิดตัวกรองความถี่ต่ำ (High‑pass filter) ราว 80–120 Hz เพื่อตัดย่านต่ำที่อับ
- หากมีเสียงหอน ให้ใช้ตัวกรองแบบเจาะจุด (Notch filter) แถว ๆ 200–400 Hz
- หมุนปุ่ม blend ทีละนิด เติมปลายเสียงเท่าที่ต้องการ เพื่อให้โน้ตชัดแต่ยังคงความอุ่นของฮัมบักเกอร์
การตั้งค่าโทนตามแนวเพลงยอดนิยม
-
แจ๊ส/ฟิวชัน: เลือกปิ๊กอัพคอ ลดโทนเล็กน้อย ใส่คอมเพรสเซอร์เบา ๆ และเติม piezo ประมาณ 10–20% เพื่อปลายเสียงใส ละเมียด
-
ป็อป/ร็อก: เลือกปิ๊กอัพตำแหน่งกลางหรือบริดจ์ เปิดเอฟเฟคไดรฟ์เบา ๆ จากนั้นปรับ EQ เพิ่มย่านกลาง‑สูงเล็กน้อย (ประมาณ 2–3 kHz) เพื่อให้เสียงกีต้าร์ได้ยินชัดเจนในวง ไม่ถูกเครื่องดนตรีอื่นกลบ ค่อย ๆ เปิด piezo ทีละนิด เพื่อให้จังหวะตีคอร์ดฟังชัดและมีพลังและได้ยินชัดเจน
-
แอมเบียนต์/วอร์ชิพ: เปิดรีเวิร์บและดีเลย์ให้ยาวขึ้นเพื่อเพิ่มความลอย ใช้เอฟเฟคโมดูเลชันบาง ๆ (เช่น chorus) ตั้งให้เสียงจากปิ๊กอัพแม่เหล็กเป็นโทนหลักของกีต้าร์ แล้วค่อยเติมเสียง piezo ทีละน้อย เพื่อให้เวทีเสียงกว้างและปลายเสียงเป็นประกาย
-
งานสตูดิโอ: อัดเสียงแยกเป็นสองแทร็ก (ปิ๊กอัพแม่เหล็ก / piezo) เพื่อปรับระดับเสียงและ EQ ตอนมิกซ์ได้ละเอียด และลดปัญหาเสียงทับกันในย่านความถี่
เคล็ดลับการดูแลและเซ็ตอัปให้เสถียร
บอดี้กลวงตอบสนองต่อสภาพอากาศไว ควรรักษาความชื้นราว 45–55% และเก็บในฮาร์ดเคสเมื่อไม่ใช้งาน เช็ดผิวเคลือบด้วยผ้านุ่มหลังเล่นทุกครั้ง บำรุงฟิงเกอร์บอร์ดตามความเหมาะสม ระบบล็อกกิ้งทูนเนอร์ช่วยคุมความนิ่งได้ดี แต่ควรพันสายให้พอดี หากเปลี่ยนเบอร์สายให้ตรวจตั้งคอ แอ็กชัน และอินโทเนชันใหม่ รวมถึงเช็กแบตเตอรี่ของระบบ piezo เป็นระยะเพื่อให้สัญญาณนิ่งและเสียงรบกวนต่ำ
เช็กลิสต์ก่อนขึ้นเวที (Live Checklist)
- ตรวจแบตเตอรี่ของระบบ piezo และพกสำรองไว้เสมอ
- ปรับระดับเสียงจากปิ๊กอัพแม่เหล็กและ piezo ให้ดังพอ ๆ กัน เพื่อให้ซาวด์เอนจิเนียร์ (FOH) มิกซ์ได้ง่ายและทำงานได้เร็วขึ้น
- เปิดตัวกรองความถี่ต่ำ (High‑pass filter) ที่แชนเนล piezo เริ่มตั้งไว้ราว 100 Hz แล้วปรับตามสภาพเวที
- ใช้สายแจ็คและ DI คุณภาพดี และจัดวางสายให้ห่างหม้อแปลง/ปลั๊กพ่วง เพื่อลดสัญญาณรบกวน
- ทดสอบสวิตช์ mini‑toggle ทุกตำแหน่งก่อนขึ้นเล่น แล้วจดค่าที่ใช้จริงสำหรับเพลงสำคัญ
- เตรียมแผนสำรอง: หากระบบ piezo ขัดข้อง ให้สลับไปใช้สัญญาณจากปิ๊กอัพแม่เหล็กทันที
เช็กลิสต์การอัดเสียงในสตูดิโอ (Studio Workflow)
- อัดแยกเป็น 2 แทร็ก (แม่เหล็ก / piezo) เพื่อปรับระดับและปรับ EQ ตอนมิกซ์ได้เต็มที่
- ตรวจเรื่อง “เฟส” ของสองแทร็ก: ถ้าย่านต่ำหายหรือเสียงบาง ให้สลับเฟสของแทร็กใดแทร็กหนึ่งแล้วฟังเทียบอีกครั้ง
- ถ้าเสียงทึบหรืออับ ให้ลดย่าน 250–350 Hz ในแทร็กแม่เหล็กเล็กน้อย
- เพิ่มความคมของปลายเสียงในแทร็ก piezo ช่วง 3–6 kHz ทีละนิด ระวังอย่าให้แหลมจนบาดหู
- ใช้คอมเพรสเซอร์แบบอ่อน (ประมาณ 2:1) กับแทร็ก piezo เพื่อคุมไดนามิกโดยยังคงความเป็นธรรมชาติ
- จัดภาพสเตอริโอ: วางแทร็กแม่เหล็กไว้กึ่งกลาง แล้วแพนแทร็ก piezo ออกด้านข้างเล็กน้อยเพื่อให้มิติเสียงกว้างขึ้น
เหตุผลที่นักดนตรีมืออาชีพเลือกใช้
ความยืดหยุ่นของโทนเสียง งานประกอบที่เชื่อถือได้ และดีไซน์ที่โดดเด่น ทำให้รุ่นนี้ตอบโจทย์ทั้งคนทำงานสตูดิโอ มืออาชีพที่ขึ้นเวทีบ่อย และผู้สะสมที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพระยะยาว ใช้งานได้จริงและมีภาพลักษณ์ที่ดีในทุกสถานการณ์
บทสรุป
รุ่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงกีต้าร์ไว้เล่นเพลงเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือที่ให้เลือกโทนเสียงได้หลากหลาย ตั้งแต่โทนอุ่นแน่นแบบฮัมบักเกอร์ ไปจนถึงเสียงใสโปร่งจาก piezo พร้อมงานไม้และฮาร์ดแวร์ที่เชื่อถือได้ เหมาะกับผู้เล่นที่ต้องการทั้งคุณภาพเสียง มาตรฐานงานสร้าง และความยืดหยุ่นในตัวเดียว
สนใจสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ที่ Lazada และ Shopee ได้เลยที่นี่
🛒
สั่งซื้อได้ที่นี่
👉 Lazada >
ดูรายละเอียดสินค้าใน Lazada
👉 Shopee >
ดูรายละเอียดสินค้าใน Shopee
🎸🎶 กีต้าร์ไฟฟ้า PRS Hollowbody II Piezo ความลงตัวของงานศิลป์และนวัตกรรม 🎨🚀
เมื่อพูดถึงกีต้าร์ที่ให้ได้ทั้งโทนไฟฟ้าและโทนใสแบบอะคูสติกในตัวเดียว หลายคนจะนึกถึง กีต้าร์ไฟฟ้า PRS Hollowbody II Piezo ซึ่งโดดเด่นด้วยงานไม้ระดับพรีเมียม การประกอบที่ละเอียด และระบบเสียงที่ยืดหยุ่นสูง เหมาะทั้งซ้อม อัดเสียง และขึ้นเวทีจริง โดยยังคงเอกลักษณ์ความงามของ PRS อย่างครบถ้วน
โครงสร้างและวัสดุที่พิถีพิถัน
บอดี้แบบ Hollowbody ใช้โครง Mahogany ประกบด้วย Maple เกรด 10-Top ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้ได้ทั้งความกังวาน ความอบอุ่น และตอบสนองนิ้วได้ไว แม้ดีดเบา ๆ เสียงก็ออกชัด จึงให้โทนที่โปร่ง กว้าง และได้ยินรายละเอียดของเสียงชัดเจนกว่ากีต้าร์บอดี้ตัน
คอทำจากไม้ Mahogany ทรง Pattern จับถนัดมือ เล่นนาน ๆ ไม่เมื่อยนิ้ว ฟิงเกอร์บอร์ด Rosewood ลื่นนิ้ว พร้อมอินเลย์รูปนกสัญลักษณ์ของ PRS มองตำแหน่งเฟรตได้ง่าย ช่วยให้กดคอร์ดและโซโล่ได้แม่นยำ
จุดเด่นด้านระบบเสียงและการใช้งาน กีต้าร์ไฟฟ้า PRS Hollowbody II Piezo
จุดเด่นอยู่ที่การทำงานร่วมกันของปิ๊กอัพแม่เหล็ก 58/15 LT (ปรับจูนแบบ TCI) กับระบบ piezo ที่ติดตั้งในสะพานสาย ทำให้เลือกได้ทั้งโทนไฟฟ้าที่หนา อุ่น หรือจะเติมโทนใสแบบอะคูสติกเข้ามาผสมก็ได้ตามเพลงที่เล่น สวิตช์ mini‑toggle ใช้เปลี่ยนโหมดของ piezo ได้สามแบบ (ปิด / ผสม / ใช้เฉพาะ piezo) ส่วนสวิตช์เลือกปิ๊กอัพ 3 ทาง ทำงานคู่กับปุ่ม blend เพื่อปรับสัดส่วนเสียงให้พอดีง่าย ๆ เหมาะกับทั้งการเล่นเมโลดี้และการตีคอร์ดที่ต้องการความคมชัด
ฮาร์ดแวร์ก็ครบ สะพานสาย PRS Adjustable Piezo Stoptail และลูกบิดล็อกสาย Phase III Locking Tuners ช่วยให้เสียงนิ่ง จูนง่าย และคงเสถียรแม้เล่นต่อเนื่องนาน ๆ
ความคุ้มค่าที่เหนือกว่ากีต้าร์ทั่วไป กีต้าร์ไฟฟ้า PRS Hollowbody II Piezo
กีต้าร์ตัวเดียวแต่ใช้ได้หลายโอกาส: อยากได้โทนไฟฟ้าแบบฮัมบักเกอร์ก็ทำได้ทันที หรือถ้าอยากได้ปลายเสียงใสคล้ายอะคูสติกก็เพิ่มจากระบบ piezo ได้เลย จึงไม่ต้องพกกีต้าร์หลายตัวให้ยุ่งยาก อีกทั้งยังมีงานไม้สวยงามและผิวเคลือบ Charcoal Burst ที่ดูหรูบนเวที และเหมาะกับผู้ที่ชอบสะสม
งานประกอบละเอียดเรียบร้อย ตั้งแต่ลูกบิดล็อกสาย การเดินสายไฟ ไปจนถึงการตั้งค่าจากโรงงาน ทำให้หยิบขึ้นมาเล่นได้อย่างมั่นใจตั้งแต่เปิดเคส
สเปกทางเทคนิคที่ควรรู้
- จำนวนสาย: 6 สาย
- รูปทรง: PRS Doublecut บอดี้แบบ Hollowbody พร้อมช่อง F‑holes คู่
- โครงสร้างบอดี้: Mahogany ประกบ Maple 10‑Top หน้า/หลัง เคลือบเงา
- คอ: Mahogany ทรง Pattern ข้อต่อแบบ set‑neck
- ฟิงเกอร์บอร์ด: Rosewood รัศมี 10" อินเลย์นก PRS
- เฟรต: 22 เฟรต ขนาด Medium Jumbo
- สเกล: 25 นิ้ว
- นัต: กว้าง 1.6875" วัสดุผสมสังเคราะห์
- ปิ๊กอัพ: 58/15 LT Humbucker (คอ/บริดจ์) + LR Baggs piezo ในสะพานสาย
- ควบคุม: Volume, Tone, Piezo Blend, สวิตช์ mini‑toggle (piezo ปิด/ผสม/เปิด), สวิตช์ปิ๊กอัพ 3 ทาง
- ฮาร์ดแวร์: PRS Adjustable Piezo Stoptail, Phase III Locking Tuners
- สาย: เบอร์ 11 ตามสเปกโรงงาน
- เคส: ฮาร์ดเคสมาตรฐาน
การต่อสัญญาณสองช่อง (Mag/Piezo) ให้บาลานซ์บนเวที
สำหรับการเล่นสดมี 2 วิธีหลักที่ตั้งค่าได้ง่ายและชัดเจน:
- ส่งสัญญาณแม่เหล็ก (mag) ไปที่แอมป์กีต้าร์ และส่งสัญญาณ piezo เข้า DI แล้วเข้ามิกเซอร์โดยตรง
- หรือใช้โหมดผสม (mix) ผ่านแจ็คเดียว แล้วให้ซาวด์เอนจิเนียร์แยกปรับโทนภายหลัง
แนวทางตั้งค่าที่แนะนำเพื่อให้เสียงชัด ฟังสบาย ไม่บาดหู:
- ลดวอลุ่มของแชนเนล piezo ลงเล็กน้อย เพื่อลดความแข็งของเสียง
- เปิดตัวกรองความถี่ต่ำ (High‑pass filter) ราว 80–120 Hz เพื่อตัดย่านต่ำที่อับ
- หากมีเสียงหอน ให้ใช้ตัวกรองแบบเจาะจุด (Notch filter) แถว ๆ 200–400 Hz
- หมุนปุ่ม blend ทีละนิด เติมปลายเสียงเท่าที่ต้องการ เพื่อให้โน้ตชัดแต่ยังคงความอุ่นของฮัมบักเกอร์
การตั้งค่าโทนตามแนวเพลงยอดนิยม
- แจ๊ส/ฟิวชัน: เลือกปิ๊กอัพคอ ลดโทนเล็กน้อย ใส่คอมเพรสเซอร์เบา ๆ และเติม piezo ประมาณ 10–20% เพื่อปลายเสียงใส ละเมียด
- ป็อป/ร็อก: เลือกปิ๊กอัพตำแหน่งกลางหรือบริดจ์ เปิดเอฟเฟคไดรฟ์เบา ๆ จากนั้นปรับ EQ เพิ่มย่านกลาง‑สูงเล็กน้อย (ประมาณ 2–3 kHz) เพื่อให้เสียงกีต้าร์ได้ยินชัดเจนในวง ไม่ถูกเครื่องดนตรีอื่นกลบ ค่อย ๆ เปิด piezo ทีละนิด เพื่อให้จังหวะตีคอร์ดฟังชัดและมีพลังและได้ยินชัดเจน
- แอมเบียนต์/วอร์ชิพ: เปิดรีเวิร์บและดีเลย์ให้ยาวขึ้นเพื่อเพิ่มความลอย ใช้เอฟเฟคโมดูเลชันบาง ๆ (เช่น chorus) ตั้งให้เสียงจากปิ๊กอัพแม่เหล็กเป็นโทนหลักของกีต้าร์ แล้วค่อยเติมเสียง piezo ทีละน้อย เพื่อให้เวทีเสียงกว้างและปลายเสียงเป็นประกาย
- งานสตูดิโอ: อัดเสียงแยกเป็นสองแทร็ก (ปิ๊กอัพแม่เหล็ก / piezo) เพื่อปรับระดับเสียงและ EQ ตอนมิกซ์ได้ละเอียด และลดปัญหาเสียงทับกันในย่านความถี่
เคล็ดลับการดูแลและเซ็ตอัปให้เสถียร
บอดี้กลวงตอบสนองต่อสภาพอากาศไว ควรรักษาความชื้นราว 45–55% และเก็บในฮาร์ดเคสเมื่อไม่ใช้งาน เช็ดผิวเคลือบด้วยผ้านุ่มหลังเล่นทุกครั้ง บำรุงฟิงเกอร์บอร์ดตามความเหมาะสม ระบบล็อกกิ้งทูนเนอร์ช่วยคุมความนิ่งได้ดี แต่ควรพันสายให้พอดี หากเปลี่ยนเบอร์สายให้ตรวจตั้งคอ แอ็กชัน และอินโทเนชันใหม่ รวมถึงเช็กแบตเตอรี่ของระบบ piezo เป็นระยะเพื่อให้สัญญาณนิ่งและเสียงรบกวนต่ำ
เช็กลิสต์ก่อนขึ้นเวที (Live Checklist)
- ตรวจแบตเตอรี่ของระบบ piezo และพกสำรองไว้เสมอ
- ปรับระดับเสียงจากปิ๊กอัพแม่เหล็กและ piezo ให้ดังพอ ๆ กัน เพื่อให้ซาวด์เอนจิเนียร์ (FOH) มิกซ์ได้ง่ายและทำงานได้เร็วขึ้น
- เปิดตัวกรองความถี่ต่ำ (High‑pass filter) ที่แชนเนล piezo เริ่มตั้งไว้ราว 100 Hz แล้วปรับตามสภาพเวที
- ใช้สายแจ็คและ DI คุณภาพดี และจัดวางสายให้ห่างหม้อแปลง/ปลั๊กพ่วง เพื่อลดสัญญาณรบกวน
- ทดสอบสวิตช์ mini‑toggle ทุกตำแหน่งก่อนขึ้นเล่น แล้วจดค่าที่ใช้จริงสำหรับเพลงสำคัญ
- เตรียมแผนสำรอง: หากระบบ piezo ขัดข้อง ให้สลับไปใช้สัญญาณจากปิ๊กอัพแม่เหล็กทันที
เช็กลิสต์การอัดเสียงในสตูดิโอ (Studio Workflow)
- อัดแยกเป็น 2 แทร็ก (แม่เหล็ก / piezo) เพื่อปรับระดับและปรับ EQ ตอนมิกซ์ได้เต็มที่
- ตรวจเรื่อง “เฟส” ของสองแทร็ก: ถ้าย่านต่ำหายหรือเสียงบาง ให้สลับเฟสของแทร็กใดแทร็กหนึ่งแล้วฟังเทียบอีกครั้ง
- ถ้าเสียงทึบหรืออับ ให้ลดย่าน 250–350 Hz ในแทร็กแม่เหล็กเล็กน้อย
- เพิ่มความคมของปลายเสียงในแทร็ก piezo ช่วง 3–6 kHz ทีละนิด ระวังอย่าให้แหลมจนบาดหู
- ใช้คอมเพรสเซอร์แบบอ่อน (ประมาณ 2:1) กับแทร็ก piezo เพื่อคุมไดนามิกโดยยังคงความเป็นธรรมชาติ
- จัดภาพสเตอริโอ: วางแทร็กแม่เหล็กไว้กึ่งกลาง แล้วแพนแทร็ก piezo ออกด้านข้างเล็กน้อยเพื่อให้มิติเสียงกว้างขึ้น
เหตุผลที่นักดนตรีมืออาชีพเลือกใช้
ความยืดหยุ่นของโทนเสียง งานประกอบที่เชื่อถือได้ และดีไซน์ที่โดดเด่น ทำให้รุ่นนี้ตอบโจทย์ทั้งคนทำงานสตูดิโอ มืออาชีพที่ขึ้นเวทีบ่อย และผู้สะสมที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพระยะยาว ใช้งานได้จริงและมีภาพลักษณ์ที่ดีในทุกสถานการณ์
บทสรุป
รุ่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงกีต้าร์ไว้เล่นเพลงเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือที่ให้เลือกโทนเสียงได้หลากหลาย ตั้งแต่โทนอุ่นแน่นแบบฮัมบักเกอร์ ไปจนถึงเสียงใสโปร่งจาก piezo พร้อมงานไม้และฮาร์ดแวร์ที่เชื่อถือได้ เหมาะกับผู้เล่นที่ต้องการทั้งคุณภาพเสียง มาตรฐานงานสร้าง และความยืดหยุ่นในตัวเดียว
สนใจสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ที่ Lazada และ Shopee ได้เลยที่นี่
🛒สั่งซื้อได้ที่นี่
👉 Lazada > ดูรายละเอียดสินค้าใน Lazada
👉 Shopee > ดูรายละเอียดสินค้าใน Shopee