วง GOTTHARD วงฮาร์ดร็อคจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ วงนี้เคยเป็นวงที่อยากอวยให้ดัง



Gotthard เป็นวงดนตรีแนวฮาร์ดร็อกจากเมืองลูการ์โน (Lugano) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก่อตั้งในปี 1992 โดย สตีฟ ลี (Steve Lee) และลีโอ เลโอนี (Leo Leoni)

แนวเพลง: ฮาร์ดร็อก, เฮฟวีเมทัล, แกลมเมทัล

Gotthard เป็นวงที่ผสมผสานพลังของฮาร์ดร็อกเข้ากับความไพเราะของเมโลดี้ ทำให้พวกเขาเป็นที่รักของแฟนเพลงทั้งในสวิตเซอร์แลนด์และทั่วโลก

สมาชิกปัจจุบัน (2025):

นิค เมเดอร์ (Nic Maeder) – ร้องนำ

ลีโอ เลโอนี (Leo Leoni) – กีตาร์, แบ็คกิ้งโวคอล

มาร์ค ลินน์ (Marc Lynn) – เบส, แบ็คกิ้งโวคอล

เฟรดดี เชเรอร์ (Freddy Scherer) – กีตาร์, แบ็คกิ้งโวคอล

ฟลาวิโอ เมซโซดี (Flavio Mezzodi) – กลอง


สมาชิกในอดีต:


สตีฟ ลี (ร้องนำ) เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ในปี 2010

เฮนา ฮาเบกเกอร์ (Hena Habegger) – กลอง (1991–2021)

แมนดี เมเยอร์ (Mandy Meyer) – กีตาร์ (1996–2004)


ชื่อวง: มาจากชื่อเทือกเขา Saint-Gotthard Massif ในสวิตเซอร์แลนด์


อิทธิพลทางดนตรี: ได้รับอิทธิพลจากวงร็อกชื่อดังอย่าง Led Zeppelin, AC/DC, Whitesnake, Deep Purple, Bon Jovi, Van Halen และ Aerosmith โดยสตีฟ ลีชื่นชอบ Whitesnake เป็นพิเศษ


การเสียชีวิตของสตีฟ ลี: ในปี 2010 สตีฟ ลี นักร้องนำ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ในเนวาดา สหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นวงได้แต่งตั้ง นิค เมเดอร์ เป็นนักร้องนำคนใหม่ในปี 2011 พร้อมปล่อยเพลง "Remember It's Me" ให้ดาวน์โหลดฟรี



"One Life, One Soul" บัลลาดสุดคลาสสิกในอัลบั้มที่ 3 ชื่อ  G ปี 1996 ที่กลายเป็นเพลงสัญลักษณ์ของ Gotthard ด้วยเนื้อเพลงที่ลึกซึ้งและการร้องของสตีฟ ลีที่เต็มไปด้วยอารมณ์ เพลงนี้มักถูกใช้ในงานสำคัญ เช่น งานแต่งงานหรือช่วงเวลาแห่งการรำลึกในสวิตเซอร์แลนด์

อัลบั้ม G และเพลง "One Life, One Soul" เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Gotthard กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างนอกเหนือจากสวิตเซอร์แลนด์ โดยเฉพาะในยุโรป


ความชื่นชอบแตกต่างกันระหว่างยุค สตีฟ ลี (Steve Lee) (1992–2010) และยุค นิค เมเดอร์ (Nic Maeder) (2011–ปัจจุบัน) เพราะทั้งสองยุคมีเอกลักษณ์และบริบทที่แตกต่างกัน


มาดูเหตุผลที่แฟน ๆ บางส่วนอาจชื่นชมยุคของ Steve Lee มากกว่า และเปรียบเทียบกับยุคของ Nic Maeder



เหตุผลที่แฟน ๆ ชื่นชมยุค Steve Lee:

เอกลักษณ์ด้านน้ำเสียง:

Steve Lee มีน้ำเสียงที่ทรงพลัง อบอุ่น และเต็มไปด้วยอารมณ์ ซึ่งกลายเป็นซิกเนเจอร์ของ Gotthard ในยุคแรก ๆ โดยเฉพาะในเพลงบัลลาดอย่าง "One Life, One Soul" (จากอัลบั้ม G, 1996) และ "Heaven" (จากอัลบั้ม Homerun, 2001)
น้ำเสียงของเขามีความดิบและลึกซึ้ง ได้รับอิทธิพลจากศิลปินอย่าง David Coverdale (Whitesnake) และ Robert Plant (Led Zeppelin) ทำให้เพลงของ Gotthard มีความเป็นฮาร์ดร็อกคลาสสิกที่หนักแน่นและมีเสน่ห์


ยุครุ่งเรืองของวง:

ยุคของ Steve Lee (โดยเฉพาะ 1992–2005) เป็นช่วงที่ Gotthard สร้างชื่อเสียงในสวิตเซอร์แลนด์และยุโรป อัลบั้มอย่าง G (1996), Open (1999), Homerun (2001), และ Lipservice (2005) ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตสวิสและมียอดขายสูง โดยเฉพาะ Homerun ที่มียอดขายเกือบ 120,000 ชุดในสวิตเซอร์แลนด์และได้รับ 3× Platinum
เพลงในยุคนี้ นอกจาก One Life, one soul เช่น "Let It Be" (G, 1996) กลายเป็นเพลงอมตะที่แฟน ๆ รักและมักร้องตามในคอนเสิร์ต


ความผูกพันทางอารมณ์:

Steve Lee เป็นนักร้องนำคนแรกและอยู่กับวงตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 1992 แฟน ๆ ที่ติดตามวงตั้งแต่ยุคแรกจึงมีความผูกพันกับเขาเป็นพิเศษ
การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ Steve Lee จากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ในปี 2010 ที่เนวาดา สหรัฐอเมริกา สร้างความเสียใจอย่างมากให้กับแฟน ๆ ทำให้หลายคนมองยุคของเขาเป็น "ยุคทอง" และรู้สึกว่าไม่มีใครมาแทนที่เขาได้


สไตล์ดนตรี:

ในยุค Steve Lee ดนตรีของ Gotthard มีความเป็นฮาร์ดร็อกและแกลมเมทัลที่ชัดเจน ผสมผสานกับบัลลาดที่อารมณ์เข้มข้น ซึ่งตรงใจแฟนร็อกยุค 90s และต้น 2000s
อัลบั้มอย่าง Homerun มีความสมดุลระหว่างเพลงหนักแน่นและเพลงช้าที่ไพเราะ ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นจุดสูงสุดของวงในแง่ความคิดสร้างสรรค์


ยุค Nic Maeder และมุมมองของแฟน ๆ:


การเปลี่ยนแปลงน้ำเสียง:

Nic Maeder เข้ามาเป็นนักร้องนำในปี 2011 หลังการเสียชีวิตของ Steve Lee เขามีน้ำเสียงที่แตกต่าง—ใสและสูงกว่า ไม่ได้ดิบหรือหนักแน่นเท่า Steve Lee แต่เหมาะกับสไตล์ที่ทันสมัยและเน้นเมโลดี้
เพลงในยุคนี้ เช่น "Remember It's Me" (2011) และ "Starlight" (จากอัลบั้ม Firebirth, 2012) แสดงให้เห็นว่า Nic พยายามรักษาเอกลักษณ์ของ Gotthard พร้อมเพิ่มกลิ่นอายร็อกสมัยใหม่


สไตล์ดนตรีที่เปลี่ยนไป:

อัลบั้มในยุค Nic Maeder เช่น Firebirth (2012), Bang! (2014), Silver (2017) และ #13 (2020) มีความหลากหลายมากขึ้น บางครั้งผสมผสานร็อกสมัยใหม่และป๊อปร็อก ซึ่งแฟน ๆ บางกลุ่มรู้สึกว่าเสียความเป็นร็อกดั้งเดิมของ Gotthard ไป
อย่างไรก็ตาม อัลบั้มอย่าง #13 ได้รับคำชมและขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตสวิส แสดงให้เห็นว่า Nic Maeder ก็พาวงประสบความสำเร็จในระดับสูงได้


การยอมรับจากแฟน ๆ:

แฟน ๆ บางส่วนชื่นชม Nic Maeder ที่กล้าเข้ามารับบทบาทที่ท้าทายหลังการสูญเสีย Steve Lee และช่วยให้วงเดินหน้าต่อได้ โดยเฉพาะในคอนเสิร์ตที่มีพลังและการแสดงสดที่ยอดเยี่ยม
แต่แฟน ๆ รุ่นเก่าที่ผูกพันกับยุค Steve Lee มักรู้สึกว่า Nic Maeder ไม่สามารถทดแทนความรู้สึกดั้งเดิมของวงได้ โดยเฉพาะในเพลงเก่าอย่าง "One Life, One Soul" หรือ "Heaven" ที่ถูกนำมาแสดงใหม่ในคอนเสิร์ต


ในปี 2010 หลังการเสียชีวิตของ Steve Lee อัลบั้มของ Gotthard รวมถึง Homerun และ G กลับมาติดชาร์ตในสวิตเซอร์แลนด์ถึง 13 อัลบั้มพร้อมกัน ซึ่งแสดงถึงอิทธิพลของยุค Steve Lee ที่ยังคงแข็งแกร่ง
Gotthard ได้ปล่อยเพลง "Remember It's Me" (2011) เป็นซิงเกิลแรกในยุค Nic Maeder โดยให้ดาวน์โหลดฟรีเพื่อเป็นการรำลึกถึง Steve Lee และแนะนำนักร้องนำคนใหม่ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟน ๆ บางส่วน


การเปลี่ยนแปลงทางดนตรีในยุค Steve Lee ก็มีเหมือนกัน

ในช่วงเริ่มต้นของ Gotthard (1992–1996) ดนตรีของวงมีรากฐานมาจาก ฮาร์ดร็อก และ แกลมเมทัล ที่หนักแน่นและดิบ ผสมผสานกับอิทธิพลจากวงอย่าง Whitesnake, Deep Purple และ AC/DC อัลบั้มอย่าง Gotthard (1992), Dial Hard (1994) และ G (1996) เต็มไปด้วยเพลงที่มีพลังและกีตาร์ริฟฟ์ที่หนักหน่วง  แต่ก็มีบัลลาดที่ไพเราะ เช่น "One Life, One Soul" (G, 1996) ซึ่งเริ่มแสดงถึงความสามารถของวงในการสร้างเพลงที่อ่อนโยนและมีอารมณ์
ตั้งแต่อัลบั้ม Open (1999) เป็นต้นมา Gotthard เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน โดยผสมผสานสไตล์ที่ เบาลง และเน้น เมโลดี้ที่เข้าถึงง่าย รวมถึงการเพิ่มกลิ่นอายของ AOR (Album-Oriented Rock) และ ป๊อปร็อก ซึ่งทำให้เพลงมีความสบาย ๆ และเป็นมิตรกับผู้ฟังที่กว้างขึ้น


อัลบั้ม Domino Effect (2007) และ Need to Believe (2009) เป็นสองอัลบั้มสุดท้ายในยุค Steve Lee ของ Gotthard ที่แสดงถึงการพัฒนาทางดนตรีจากจุดเปลี่ยนใน Open (1999) ซึ่งเริ่มมีเพลงที่เบาลงและเน้นเมโลดี้ Domino Effect มีความหลากหลายและพลังร็อก ขณะที่ Need to Believe มีโทนที่ลึกซึ้งและครุ่นคิดมากขึ้น โดยเฉพาะในบัลลาดที่สะท้อนความเป็นผู้ใหญ่ของวง ทั้งสองอัลบั้มนี้ได้รับการยกย่องจากแฟน ๆ และประสบความสำเร็จในชาร์ต แต่แฟน ๆ บางส่วนยังคงผูกพันกับอัลบั้มยุคก่อนหน้าอย่าง Homerun หรือ G มากกว่า


ปี 2025 กับอัลบั้มล่าสุด Stereo Crush

แฟน ๆ ชื่นชมว่า Stereo Crush เป็นการกลับมาที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับอัลบั้มก่อนหน้าอย่าง Silver (2017) และ #13 (2020) ซึ่งบางส่วนรู้สึกว่าขาดความสดใหม่

Stereo Crush ออกมาหลังจากห่างหายไปเกือบ 5 ปีนับจาก #13 (2020) ซึ่งทำให้แฟน ๆ ตื่นเต้นกับการกลับมาของวง อัลบั้มนี้ถูกมองว่าเป็นการ “เฉลิมฉลองชีวิต ดนตรีที่ดังกระหึ่ม และความผูกพันของ Gotthard” โดยผสมผสานความเป็นร็อกดั้งเดิมของวงเข้ากับความทันสมัย การมีส่วนร่วมของสมาชิกใหม่ ฟลาวิโอ เมซโซดี (กลอง) เพิ่มพลังใหม่ให้กับวง โดยเฉพาะในจังหวะที่หนักแน่นของเพลงอย่าง "AI & I" และ "Rusty Rose"


Gotthard มีกำหนดทัวร์คอนเสิร์ตเพื่อโปรโมตอัลบั้มนี้ในปี 2025 รวมถึงงาน Rockmonsters of Switzerland ในเดือนธันวาคม 2025 ร่วมกับวง Krokus ซึ่งจะเป็นการแสดงเพลงจาก Stereo Crush และเพลงคลาสสิกของวง


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
===============

ความชอบส่วนตัว : ชอบยุค steve มากกว่ายุค nic อัลบั้มที่ชอบที่สุดก็อัลบั้ม G อัลบั้มที่สาม ปี 1996
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่