แปลกไหมที่ผมไม่ชอบGeneration Baby Boomer

ผมอาจจะแค่บ่นเฉย ๆ แล้วมันก็ยาวมากด้วย(จริง ๆ ก็แค่อยากระบายแหละขอโทษด้วยถ้ารบกวนใคร)แต่ใครมีความคิดเห็นก็คุยกันได้ครับ

คือผมเป็นเด็กGen Z และผมก็อัคติกับ Generation Baby boomer(ตากับยาย) แบบจริงจังมากแล้วเหตุการณ์ตัวเริ่มเรื่องมันก็ผ่านมาปีกว่า ๆ ละ ตอนที่ผมคิดว่าเป็นครั้งแรกเลยที่เป็นตัวจุดฉนวนคือเหตุการณ์ที่ผมเริ่มที่จะมีความคิดเป็นของตัวเองผมกล้าแย้งสิ่งที่ผมคิดว่าไม่ถูกแน่นอนว่าผมใช้เหตุผลประกอบไม่ได้แย้งมั่ว ๆ

ขออธิบายขั้นกลางว่าผมเป็นคนที่พูดเสียงใหญ่แล้วผมก็เป็นคนหน้าตายด้วยคนก็เลยแยกไม่ออกว่าผมคิดอะไรอยู่ตอนพูดแต่คนที่รู้จักผมดีจะเข้าใจ วิธีการพูดของผมก็จะเปลี่ยนไปตามอารมณ์มีอยู่3แบบ
แบบแรก: คือการพูดทั่วไปผมจะไม่ใช้เสียงปกติผมจะพูดแบบเสียงตํ่า ๆ แทนการพูดแบบนี้ผมส่วนใหญ่มักจะพูดตอนที่ผมไม่ได้คิดอะไร คุยเล่น พูดไปเรื่อย ไม่ได้ใส่ใจอะไร
แบบที่2: คือการพูดปกติผมจะใช้เสียงปกติพูดซึ่งเสียงมันก็ใหญ่ผมไม่ได้ใช้บ่อยมาก ผมจะใช้เสียงนี้ตอนที่ต้องเถียงหรือแย้งอะไรกับใคร ตอนใช้เหตุผลแบบจริงจัง แน่นอนว่าตอนผมพูดแบบนี้ผมใช้เหตุผลตลอด
แบบที่3: คือการพูดแบบขึ้นเสียงผมไม่ได้ใช้มานานแล้วผมจะพูดตอนที่หงุดหงิดแบบทนไม่ไหวหรือโมโหมาก ๆ คนส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินเลยคิดว่าการพูดแบบที่2ของผมคือการใส่อารมณ์

กลับเข้าเรื่อง: แล้วเหตุการณ์แรกเนี่ยน่าจะเกิดตอนผม ม.4ช่วงขึ้น ม.5ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอมเหตุการณ์นี้น่าจะเกี่ยวกับเวลาในการตื่นนอนของผมเนี่ยแหละเรื่องมีอยู่ว่าในเช้าวันหนึ่งผมก็นอนปกติของผมตื่น6โมงเช้าล้างหน้าแปรงฟันแล้วมากินข้าวระหว่างนี้แหละไม่รู้เค้าคิดอะไรเค้าบ่นกับผมประมาณว่าตื่นสายแบบนี้จะไปทำอะไรได้ ตื่น6โมงนี่ไม่ปกติละนะ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ผมตื่นมาก็ทำงานบ้านช่วยเค้าตลอดแต่อยู่ๆมาพูดว่า"ตื่นหกโมงเช้าไม่ปกติ"ผมก็แย้งสิผมไม่เห็นด้วยกับคำว่า"ไม่ปกติ"ผมถามเขาว่า"ปกตินี่กี่โมง"คำพูดที่เค้าตอบผมคือ"ตีห้าก็ควรตื่นได้แล้วจะนอนอะไรนักหนา"ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมแย้งว่าอะไร น่าจะเถียงกันซักพักนี่แหละตอนนั้นผมก็เริ่มใช้เสียงพูดทั่วไปกึ่งปกติ จนเถียงกันไปมาเค้าเริ่มเอาเรื่องเกมเข้ามาเกี่ยวแล้วก็วนอยู่อย่างนั้นไม่กี่นาทีเค้าเริ่มบอกผมว่าเล่นแต่เกมนอนก็ไม่นอนแทนที่จะนั่งเล่นเกมให้ไปทำงานบ้านผมก็ไม่ไหวละผมที่กำลังกินข้าวอยู่ก็ลุกไปทำงานบ้านละก็ประชดว่า"ไม่กินละกินไปก็ไม่มีประโยชน์"ละผมก็ไม่ได้พูดอะไรทำงานบ้านไปเค้าก็บ่นอยู่อย่างนั้นแหละว่าใจดำมั่งไม่เห็นใจมั่งแล้วที่สุดเลยคือเค้าเอาผมไปเปรียบเทียบกับแม่ของผมว่าผมเนี่ยเอาแต่ใจเหมือนแม่เลยซึ่งแม่ของผมก็นิสัยแย่มากเอาแต่ใจตัวเอง ผมก็ไม่ทำละงานบ้านเปรียบเทียบอย่างนี้ผมไปนั่งเฉย ๆ ดีกว่าผมเกลียดที่สุดคือการโดนเปรียบเทียบทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรที่เลวร้ายเลยทั้งที่เค้าก็ยั่วอารมณ์ผมเอง สุดท้ายมันก็จบที่ต่างคนต่างไม่คุยกันอยู่หลายวันจนผมเปิดเทอมเลยเค้าก็น่าจะเริ่มอัคติกับผมตอนนี้แหละ ผมอาจจะเล่าไม่หมดด้วยความที่ลืมด้วยแหละ
ต่อมาก็ข้ามมาช่วงม.5ขึ้นม.6เลยเพราะ ม.5ไม่มีค่อยมีอะไรเพราะผมไม่ได้ไปบ้านยายแล้วด้วย

แล้วผมก็ลืมบอกอย่างนึงว่าพ่อกับแม่ผมเค้าหย่ากันตั้งแต่ผมม.3แล้ว แล้วช่วงของเรื่องที่จะเล่าต่อไปคือช่วงม.6ผมมีปัญหากับพ่อด้วยส่วนแม่ก็ไม่สนใจผมเลย แล้วช่วงนั้นยายกับตาก็ย้ายมาอยู่ด้วยเพราะไม่มีใครอยู่บ้านกับผมและพี่น้องนี่แหละ หลังจากนี้ผมขอเล่าโดยรวมละกันเพราะส่วนใหญ่มีแต่เรื่องเดิม ๆ

ในช่วงนี้แหละปิดเทอม ม.5ขึ้น ม.6จะมีอยู่เรื่องนึงที่ผมแย้งกับเค้าเรื่องนึงแต่เรื่องนี้ผมช่วยแย้งให้น้องสาวเป็นเรื่องส่วนตัวเนี่ยแหละขอไม่เล่าละกันแล้วข้ามมาช่วงม.6เลยผมจำเวลาที่แน่ชัดไม่ได้ว่าอันไหนเกิดก่อนหลังก็จะเล่ารวม ๆ ไปเลยละกัน
คือเค้ามักจะชอบบ่นผมเรื่องเดิม ๆ เป็นประจำด้วยความคิดของเค้าที่มันต่างเจนเนอเรชันกับผมมาก ในบางครั้งผมก็พยายามอธิบายด้วยแนวคิดใหม่ ๆ และสิ่งที่ผมได้รู้มาตลอดชีวิต Gen Z สิ่งที่เค้ายังไม่รู้ และไม่เข้าใจ ทุกครั้งที่ผมพูดมันมักจะจบด้วยการที่เค้าทำท่าทีชวนทะเลาะและไม่พยายามที่จะเข้าใจความคิดผมหรือแม้กระทั่งตัวผมเอง ในช่วงแรก ๆ เนี่ยผมก็ทำตลอดนะงานบ้านแต่พอโดนบ่นไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ทำดีมาตลอดผมก็เลือกจะทำแค่ส่วนของตัวเองไม่ได้ข่วยทั้งหมด ในเมื่อทำดีเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเห็นค่าหรือเข้าใจใครจะอยากทำต่อล่ะ? เค้าชอบบ่นเวลาผมเล่นเกมถึงจะเล่นได้แปปเดียวก็ตามบ่นไปผมก็ไม่ได้ใส่ใจมากเพราะเค้าก็ไม่ได้เข้าใจ และมันจะมีบางครั้งที่เค้าก็เอาไปเปรียบเทียบกับคนที่ดีกว่ามั่งแย่กว่ามั่ง โดนเปรียบเทียบทุกวันและทุกครั้งผมก็ไม่เคยเห็นความหวังดีจากคำพูดนั้นเลย ทั้งที่มีวิธีพูดหลายแบบแท้ ๆ ทำไมต้องใช้การเปรียบเทียบกับแทงใจดำละ? พอหลายครั้งเข้าผมก็เริ่มจับได้จากที่โดนบ่นมาตลอดผมเข้าใจว่าเค้ากลัวอะไร สิ่งที่เค้ากลัวคือเค้ากลัวผมเหมือนแม่ แล้วก็กลัวว่าการเล่นเกมของผมจะพังชีวิตตัวเอง ผมพยายามบอดว่าผมแยกแยะเป็นผมเข้าใจอะไรควรหรือไม่ควรผมไม่ได้โง่ขนาดเอาเกมมาพังชีวิตตัวเองผมก็แย้งไปแหละแต่ไม่ได้ใช้คำที่แรงขนาดนี้แต่พูดเบา ๆ ใช้เหตุผล แล้วทุกครั้งที่เถียงกันเค้ามักจะจบที่การไม่เข้าใจและประชดว่าผมมันฉลาดเค้าไม่เข้าใจแล้วก็ปัดประเด็นไม่ยอมคุยต่อ
มีอีกเรื่องนึงคือผมจะกู้ กยศ. แต่เค้าไม่ให้กู้เค้าก็เปรียบเทียบเหมือนเดิมว่ากลัวเหมือนแม่แล้วก็บอกว่าถ้าผมกู้จะไปลำบากเค้าผมก็พยายามให้เค้าเข้าใจถึง กยศ.  แบบใหม่หลังจากยุคเค้า ว่ามันไม่ได้ลำบากเค้าหรอก กยศ. สมัยนี้ใครกู้คนนั้นก็รับผิดชอบเองแล้วก็เหมือนเดิมเค้าก็ไม่ฟังแล้วอ้างว่า"เค้าอยู่มาก่อนเคยโดนมาก่อนทำไมจะไม่รู้" สุดท้ายเค้าก็จบที่ชวนผมทะเลาะประชดเหมือนเดิม

***ผมลืมบอกอย่างนึงคือทุกรอบที่มีการเถียงกับผมเค้าชอบพูดว่า"อยู่มาก่อนทำไม่จะไม่รู้"เหมือนอ้างอายุตัวเองทำเป็นประสปการณ์ ขอโทษที่อ่านมาตั้งนานละผมลืมบอกหวังว่าจะเข้าใจ😅

อันนี้เรื่องล่าสุดเลยก็เดิม ๆ แหละเค้าก็พูดเรื่องเดิม ๆ แต่ที่แตกต่างคือเค้าไม่พูดตรง ๆ แต่จะพูดอ้อม ๆ ประมาณว่า"เล่นเกมสายตาล้าไม่ยอมนอนไม่อาบนํ้า ให้ไปหาเดินเล่นมั่งเดินไปศาลาหน้าบ้านไปนู่นไปนี่อย่าอยู่แต่กับหน้าจอ"ซึ่งที่พูดมาว่าผมไม่ทำอะผมก็ทำหมดเลย ผมรู้ว่าเค้ากลัวผมจะพังขีวิตตัวเองเพราะสิ่งที่ผมทำในเวลาว่างมันขัดเค้า แล้วก็มีการขุดเรื่องเก่า ๆ ขุดปมผมมายํ้าจี้ใจดำ แถมยังเปรียบเทียบผมว่าเป็นพ่อสมัยก่อนที่นิสัยแย่ ๆ อีกทั้งยังเปรียบเทียบกับแม่สมัยก่อนที่ก็แย่ ๆ ด้วย แล้วก็มีการพูดประมาณว่าที่เค้าพูดดูถูกผมให้น้องฟังเพื่อที่จะให้น้องชายที่โคตรงี่เง่าทำการบ้านแค่พูดเฉย ๆ ไม่ได้คิดจริง ๆ เป็นคุณคุณยอมมั้ยละมีคนมาดูถูกคุณเพื่อผลประโยชน์ของคนอื่นที่ไมใช่คุณผมก็เถียงไปมาจนเค้าก็บอกว่า เขาก็ขุดเหมือนเดิม เอาเรื่องที่ผมเคยแย้งไปว่ามันคนละยุคสมัยบางอย่างมันเปลี่ยนไปก็ให้เข้าใจหน่อยผมก็เถียงกลับทุกข้อไปเหมือนเดิม แล้วเค้าก็พูดใส่ผมว่าสอนไม่ได้ไม่พูดก็ได้ เค้าก็ประชดว่าผมฉลาดแล้วก็บอกว่าตัวเองโง่ไม่เข้าใจแล้วก็บอกผมว่า "มันหลักการเยอะเกินกุสอนไม่ได้กุจะไม่พูดแล้ว" พูดซํ้าไปเรื่อย ๆ จนจบที่ปัดทิ้งแล้วบอกผมใช้อารมณ์ไม่คุยด้วยทั้งที่ผมก็ใช้แค่เสียงปกติ ผมเบื่อที่จะพูดก็เงียบ

เอาจริงนะที่ผมเล่นเกมผมก็ใช้เวลาว่างของตัวเองที่ผมก็ไม่ได้มีบ่อย ๆ เวลาเค้าเถียงก็ชอบเถียงตอนผมเล่นเกมเนี่ยแหละ แล้วก็ชอบบอกให้ไปนอนพักผ่อนแทนเล่นเกมมั่ง ทั้งที่ผมก็ไม่ได้ง่วงจะให้ฝืนไปทำไมในเมื่อมันไม่ได้มีอะไรที่จำเป็นในช่วงนั้น ๆ ถูกมั้ย? ผมง่วงผมก็นอนเองแหละไม่ได้ติดขนาดไม่นอนไม่ทำไรเลย

ผมอาจจะเล่าไม่ละเอียดมากแต่เรื่องมันก็ประมาณนี้ขอบคุณที่อ่านสิ่งที่ผมบ่นจนจบ
สุดท้ายสำหรับคนที่อ่านจนจบผมขอตั้งคำถามอยู่สองคำถามว่า"ถ้าเป็นคุณอยู่ในเหตุการณ์แบบผมคุณจะเลือกแบบผมรึเปล่า"และ"การพักผ่อนคืออะไรสำหรับคุณ"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่