แก้ “ตาลึกโบ๋ เบ้าตาลึก” ด้วยไขมันตัวเอง ( Fat Grafting )

แก้ “ตาลึกโบ๋ เบ้าตาลึก” ด้วยไขมันตัวเอง (Fat Grafting)
           ตาลึกโบ๋ / เบ้าตาลึก ทำให้ดวงตาดูอ่อนล้า หน้าดูโทรม ทั้งที่พักผ่อนเพียงพอแล้ว สาเหตุไม่ได้มีแค่ “นอนน้อย” แต่เกี่ยวกับทั้งโครงสร้างและเนื้อเยื่อรอบดวงตา

ทำไมตาถึงลึกโบ๋?
   -ไขมันเปลือกตาลดลงตามวัย  โดยเฉพาะบริเวณร่องน้ำตาและรอยต่อหนังตาล่าง-โหนกแก้ม 
   -โครงสร้างเบ้าตาลึกมาแต่กำเนิด กระดูกโหนกแก้มและพยุงกลางหน้าไม่เด่น ทำให้ร่องดูชัด
   -หลังทำตาสองชั้น/ผ่าตัดรอบตา ที่มีการตัดไขมัน/ผิวหนังมากไป เกิดร่องลึก
   -น้ำหนักตัวลดลงมาก สูบบุหรี่ หรือภาวะที่ทำให้ไขมันฝ่อลง
   -ภาวะทางกาย/หลังอุบัติเหตุ ที่ทำให้ลูกตาดูลึกกว่าปกติ
*หมายเหตุ: ถ้าลึกมากผิดปกติข้างเดียว มีประวัติอุบัติเหตุ/โรคตา ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเชิงลึกก่อนรักษาเชิงความงาม

วิธีแก้ไข
   1.ฟิลเลอร์ (Hyaluronic Acid)
เห็นผลเร็ว ปรับเพิ่ม-ลดได้ แต่ต้องเติมซ้ำเมื่อยุบต้องอาศัยเทคนิคและความปลอดภัยสูง (บริเวณรอบตาเสี่ยงต่อหลอดเลือด)
   2.เติมไขมันตัวเอง (Fat Grafting)
ใช้ไขมันของเราเอง ผลลัพธ์ที่ “อยู่รอด” ถือว่าอยู่ได้นานและเป็นธรรมชาติ  เหมาะกับผู้ที่ต้องการทางเลือกที่ยาวกว่าฟิลเลอร์ หรือมีตาโบ๋จากผ่าตัดเก่าโครงสร้างเดิมตาลึกถาวร

** วันนี้หมอขอพูดถึง การแก้ไขตาลึกโบ๋ด้วยไขมันตัวเอง   (Fat Grafting)
วิธีนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มคนไข้ที่ตาโป๋จากการผ่าตัดเก่าหรือเบ้าตาลึกถาวร

ขั้นตอนคือ
   1. ดูดไขมันจากต้นขาหรือหน้าท้องของคนไข้
   2. แยกไขมันบริสุทธิ์
   3. เติมไขมันกลับเข้าไปบริเวณเบ้าตาทำให้เบ้าตาดูเต็ม

ผลลัพธ์ที่ได้เติมไขมันตัวเอง (Fat Grafting)
   1.ดวงตา “เต็ม” ขึ้น ร่องลึกดูจาง ใบหน้าดูสดใสขึ้น
   2.ความเป็นธรรมชาติสูง เมื่อเติมทีละน้อย หลายชั้น และพิจารณาสัดส่วนทั้งใบหน้า
   3.อยู่ได้นาน ส่วนของไขมันที่ “ติด” จะอยู่ร่วมกับร่างกาย (ผลระยะยาวขึ้นกับบุคคล น้ำหนักตัว และพฤติกรรม)
*** โดยทั่วไป “ช่วงแรก” ไขมันบางส่วนถูกดูดซึม (ราว ๆ 20–50% แล้วแต่เทคนิคและร่างกาย) จึงมักเติมแบบ เผื่อยุบเล็กน้อย และนัดประเมินซ้ำ 3–6 เดือน หากต้องเติมซ้ำ  จะเป็นปริมาณน้อยและปรับความเนียนเฉพาะจุด

ข้อดีของไขมันตัวเอง
   1.เป็นเนื้อเยื่อของเราเอง โอกาสแพ้น้อยมาก
   2.คงอยู่ได้นาน เมื่อส่วนที่อยู่รอดติดแล้ว
   3.ปรับแต่งได้ทั้ง “ปริมาตร” และ “คุณภาพผิว”

ความจริงที่ควรรู้
   1.ต้องมีไขมันพอให้เก็บ (แม้ปริมาณที่ใช้รอบตาจะน้อยมากก็ตาม)
   2.ต้องยอมรับการยุบตัวช่วงแรก และอาจต้องทัชอัป
   3.น้ำหนักขึ้น/ลงมาก ส่งผลต่อความเต็มของไขมันในอนาคต

ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน (ควรรู้ก่อนตัดสินใจ)
   1.บวม ช้ำชั่วคราว รอบตาและตำแหน่งดูดไขมัน
   2.ผิวไม่เรียบ/เป็นก้อนเล็ก ๆ หากวางชั้นไม่เหมาะสม
   3.ไขมันยุบไม่เท่ากัน ทำให้เกิดความไม่สมมาตร ต้องประเมิน/แต่งเพิ่ม

ความเสี่ยงด้านหลอดเลือด/เส้นประสาท รอบดวงตา ต้องทำโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ฉีดช้า ปริมาตรน้อยต่อครั้ง และอยู่ในชั้นที่ถูกต้อง
ทุกวิธีรอบดวงตา (ทั้งฟิลเลอร์และไขมัน) ต้องให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

เติม “ไขมัน” ต่างจาก “ผ่าตัดย้ายไขมัน” อย่างไร?
 Fat Grafting (ฉีดไขมัน)  เติมปริมาตรภายนอกด้วยไขมันเราเอง เหมาะกับร่อง หรือจุดที่หายไปเพื่อเติมให้เต็ม
 Fat Repositioning (ย้ายถุงไขมันตาล่าง) เทคนิคในผ่าตัดหนังตาล่าง ที่ “ย้าย” ถุงไขมันเดิมไปปิดร่อง ไม่ได้เพิ่มไขมันใหม่
 หลายเคส “ผสมผสาน” กันเพื่อผลที่กลมกลืน: เก็บถุงส่วนเกิน + ย้ายไขมัน + เติมไขมันปริมาณน้อยเพื่อเก็บรายละเอียด

**** เติมไขมันตัวเองแก้ตาลึกโบ๋ เป็นทางเลือกที่ “เป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน”
เหมาะกับคนที่โครงสร้างร่องลึกหรือเคยผ่าตัดมาก่อน จุดสำคัญคือ ความชำนาญของแพทย์
+ แผนรักษาที่เหมาะกับโครงหน้าเฉพาะบุคคล + การดูแลหลังทำ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ดวงตากลับมาดูสดใส อ่อนเยาว์ขึ้นได้อย่างปลอดภัยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่