กรุงเทพฯ อันดับ 2 เมืองอาหารโลก บอกอะไรกับเรา?



นี่คือการจัดอันดับเมืองแห่งอาหารของโลกที่จัดทำโดย นิตยสารไทม์เอ้าท์ (Time Out) ปี 2025 — ยกให้ นิวออร์ลีนส์ (อันดับ 1) และกรุงเทพฯ (อันดับ 2)
สรุปเชิงวิเคราะห์จากบทความ “The world’s 20 best cities for food right now”

1. จุดแข็งของกรุงเทพฯและไทยในเวทีโลก

- กรุงเทพฯ ได้อันดับ 2 เมืองอาหารยอดเยี่ยมของโลก สะท้อนว่า อาหารคือ Soft Power ที่ไทยมีศักยภาพสูงมาก

- ความโดดเด่นคือความหลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่อาหารหรูไปจนถึงสตรีทฟู้ดราคาถูก และได้รับการยอมรับจากทั้งคนท้องถิ่นและผู้เชี่ยวชาญ

2. ปัจจัยที่ทำให้ไทยยังไม่ถึงอันดับ 1

- คนท้องถิ่นให้คะแนนน้อยกว่านิวออลีนส์ (86% vs 93%)

- ไทยมีจุดแข็งด้านสตรีทฟู้ด แต่ขาดการจัดการภาพลักษณ์ ประสบการณ์ และเทศกาลอาหารที่ต่อเนื่อง ทำให้อันดับสู้เมืองที่จัดงานประจำไม่ได้

3. โอกาสในการต่อยอด Soft Power ด้านอาหาร

- หากไทยจัด เทศกาลอาหารและดนตรีอย่างต่อเนื่อง (เหมือน New Orleans Jazz Festival หรือ Medellin’s festivals) จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและเพิ่มคะแนนด้านประสบการณ์

- การส่งเสริมการศึกษาอาชีพเชฟ โภชนาการ และการออกแบบบรรยากาศร้านอาหาร จะยกระดับมาตรฐานและสร้างความแตกต่าง

4. ห่วงโซ่คุณค่าอาหาร (Food Value Chain) ของไทย

- วัตถุดิบไทยมีคุณภาพ และมีเทคนิคการถนอมอาหารดั้งเดิมผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ → หากเน้น “คุณภาพ” มากกว่า “ราคาถูก” จะสร้างความต้องการในตลาดโลกได้มากขึ้น

- เกษตรกรไทยควรได้รับการสนับสนุนให้ผลิตวัตถุดิบพรีเมียม เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ยอมจ่ายแพงเพื่อคุณภาพ

5. มุมมองเชิงกลยุทธ์

- อาหารไม่ใช่แค่เรื่องกิน แต่คือ ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว

- หากไทยพัฒนาทั้งระบบ (วัตถุดิบ–การถนอม–การปรุง–การนำเสนอ–ประสบการณ์เทศกาล) จะสามารถขึ้นเป็น อันดับ 1 ของโลก ได้ และใช้ Soft Power นี้ในการสร้างรายได้จากทั้งนักท่องเที่ยวและการส่งออก
เพราะ"อาหาร"ผูกเข้ากับวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และประสบการณ์ของผู้คน

***ในอนาคตเพื่อนๆในพันทิพคิดว่า กรุงเทพฯจะขึ้นมาเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารระดับโลกอันดับ1 ได้มั้ยคะ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่