
.
.
ยิ่งชีพ ไอลอว์แนะปชน. รอศาลชี้ให้ชัด ประชามติกี่ครั้ง แล้วค่อยเคาะเลือก โหวตแดงหรือน้ำเงิน
.
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาชน กำลังหาข้อสรุปว่า จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า พรรคประชาชนควรรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 10 กันยายน ก่อนแล้วค่อยจัดทำแผนการไปสู่รัฐธรรมนูญใหม่ ที่มีรายละเอียดร่วมกันว่า ทั้งสองทางเลือกมีทางไหนเป็นไปได้จริงกว่า แล้วค่อยตัดสินใจก็ได้ ถ้าใครรีบอยากโหวดนายกฯก่อน ก็ให้เปิดสภาลงมติไปก่อน ให้เห็นว่าเสียงมันไม่ถึง จะได้เห็นว่า ใครมีเท่าไรกันแน่จริงๆ ให้ประชาชนเข้าใจกับตาว่า ถ้าพรรคประชาชนไม่โหวต ผลมันจะเป็นยังไง แล้วค่อยมาเริ่มทำงานใหม่ ไม่ต้องไปรีบตามเขา ไม่รู้รีบทำไม
.
ก่อนหน้านี้ นายยิ่งชีพ โพสต์ถึงข้อเสนอให้พรรคประชาชนรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 10 กันยายน ว่า สำหรับพรรคประชาชนแล้ว ไม่ว่าจะโหวตน้ำเงิน หรือโหวตแดง ถึงจะทำเท่ๆ ไม่ขอร่วมรัฐบาลไม่เอาเก้าอี้และผลประโยชน์ แต่การไปค้ำบัลลังก์ให้ใครก็เสียคะแนนอยู่ดี
.
ถ้าโหวตแดง ก็จะเสียคะแนนจากกลุ่มเหลืองเก่า กลุ่มที่เกลียดชินวัตรมากๆ ที่อาจจะทนเลือกพรรคส้มได้ มองข้ามเรื่อง 112 ไปก่อน แต่เพียงขอหาตัวเลือกใหม่มาแทนทักษิณ คนกลุ่มนี้ไม่รู้มีเท่าไร แต่ก็พอสมควรเลยล่ะ ถ้าพรรคประชาชนไปโหวตแดงรอบนี้ คนเหล่านี้คงจะหนีไปโหวตภูมิใจไทย
.
ถ้าโหวตน้ำเงิน ก็จะเสียคะแนนกลุ่มก้าวหน้าแบบ Radical ที่ไม่เอาอนุรักษ์นิยม ไม่เอาการเมืองบ้านใหญ่ ไม่เอากลุ่มที่เคยสนับสนุนประยุทธ์ หรือพวกที่จับมือกันเป็นรัฐบาลรอบที่แล้ว คนกลุ่มนี้ไม่รู้มีเท่าไร พวกเขา (กู) จริงๆ ยังไม่มีทางเลือกหนีไปโหวตพรรคอื่นที่ไหน แต่พวกเขาจะมีความหวังในการเมืองน้อยลง กระตือรือร้นออกมาแสดงตัวน้อยลง บรรยากาศเลือกตั้งหน้าจะไม่สนุก
.
ทั้งสองทางจะพอแก้ตัวและเรียกคะแนนได้บ้าง ถ้าหากเลือกดีลใดดีลหนึ่งแล้วเดินหน้าไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ตุกติกไม่ยัดไส้สสร. ไม่เล่นแง่ล็อกคำถามประชามติ หรือจัดกระบวนการประชามติแบบแปลกๆ ให้มันล่มตั้งแต่แรก หรือติดขัดนั่นนี่จากความไม่จริงใจ แบบนั้นพรรคประชาชนจะ “เสียค่าโง่” นอกจากเสียแต้มแล้ว เสียหน้า เสียความไว้วางใจ เอาอำนาจรัฐไปโยนใส่มือคนอื่นแล้วยังไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญอีก ซึ่งทั้งสองสีที่จะต้องเลือกก็มีแนวโน้มลากไปทางนี้ทั้งคู่
.
ในพรรคประชาชน มีส.ส. 140 คน มีกรรมการบริหาร มีคนมากมาย จะคุยกันยังไงให้รู้เรื่องในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้?? เชื่อว่า ต้องเห็นต่างกันสุดขั้วแน่ๆ แค่เอาคนมากองกันก็เต็มห้องแล้วพูดคนละสามนาทีก็เต็มวันแล้ว คิดแล้วก็เสียวระบบการตัดสินใจ ถ้าจะใช้การหาฉันทามติ คงแทบเป็นไปไม่ได้ ถ้าจะใช้วิธีโหวตโดยส.ส. น่าจะพังนะข้างมากลากไป ถ้าจะให้กรรมการบริหารพรรคตัดสินใจ แล้วทุกคนต้องโหวตตาม เดี๋ยวก็ทะเลาะกัน แตกกัน มีงูเห่าอีก
.
คิดทางไหนก็ยากไปหมด การจะตัดสินใจก็ยาก การจะโหวตก็เสียหาย ทางที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นกับพรรคประชาชนก็คือให้น้ำเงิน แดง ไปตกลงใหม่ทำดีลปีศาจแล้วจับมือกันเองพรรคส้มไม่เอี่ยวด้วย แต่เขาคงจะไม่ยอมยุบสภา ไม่ยอมแก้รัฐธรรมนูญ แบบนั้นพรรคประชาชนจะไม่เสียคะแนน จะยังคงเล่นบทหล่อต่อไปได้ แต่ประเทศจะเสียหาย
.
ซึ่งก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ อยู่ที่เงื่อนไขในรายละเอียดของพรรคประชาชนด้วย เรื่องการยุบสภาสี่เดือนทั้งสองสีทำเป็นยอมรับกันแล้ว แต่เรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ข้อเสนอเท่าที่เปิดสู่สาธารณะยังขาดรายละเอียดอีกมากแล้วอาจจะนำมาซึ่งอันตราย พรรคประชาชนต้องกล้าเปิดโต๊ะชวนคุยและทำข้อตกลงในรายละเอียดก่อนที่จะไปยกมือให้เขา ถ้าชวนทำกันลึกๆ แล้ว ทั้งน้ำเงินและแดงอาจถอยทั้งคู่ก็ได้ แบบไม่เอาแล้วไอ้พรรคหัวชนฝานี่ เช่น
.
1. ให้มีสสร. ต้องมาจาการเลือกตั้ง 100% ห้ามแอบแต่งตั้ง อันนี้เพื่อไทยน่าจะรับอยู่แล้ว แต่เสนออีกหน่อยก็ได้ว่า ร่างที่ค้างอยู่สองฉบับจากทั้งส้มทั้งแดงให้รับวาระหนึ่งให้หมด
.
2. ให้คำถามประชามติเปิดกว้าง ห้ามล็อกหมวด 1-2 ในคำถาม (คือจะไปล็อกชั้นรายละเอียด ตอนแก้ 256 ก็ได้ แต่อย่าตั้งคำถามประชามติให้ซ้ำซ้อน)
.
3. ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไม่บังคับ ก็ไม่ต้องทำประชามติครั้งแรก เดินหน้าโหวตแก้ 256 เลย อันนี้ภูมิใจไทยน่าจะไม่อยากรับ เพราะพูดมาตลอดว่าจะต้องทำประชามติสามครั้ง
.
เมื่อยื่นข้อเสนอไปทำนองนี้ ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ได้สุดโต่งอะไรเลย มันเป็นกระบวนการปกติธรรมดาๆ มากๆ ที่เป็นประชาธิปไตย แต่ก็คิดว่า น้ำเงินและแดงก็จะไม่กล้าขยับแล้ว จะถอยมือออกแบบกลัวโดนน้ำร้อนลวก เพราะเงื่อนไขตอนนี้มันเบาๆ ลอยๆ อยู่แค่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ (ใครก็รับๆไปก่อนได้ เขาพูดกันมาหลายรอบแล้ว) และให้ทำประชามติอย่างช้าพร้อมเลือกตั้ง ซึ่งไม่ได้กำหนดรายละเอียด แต่ใช้วิธีโยนอำนาจใส่มือศัตรูไปก่อน ให้ครม. ใหม่ไปกำหนดรายละเอียด เขาอาจจะเล่นแง่ในกระบวนการได้หลายกลเม็ดมาก เช่น การตั้งคำถามแปลกๆ รัฐบาลไม่รณรงค์ ไม่ให้ข้อมูลประชาชน หรือรณรงค์ให้ประชาชนโหวตคว่ำ หรือทำอะไรที่มันน่าเกลียดๆ เพื่อให้มันไม่ผ่านก็ได้
.
ขอยืนยันเรื่องที่พูดมา 100 รอบแล้วว่า การจะทำประชามติถ้าจะทำในจังหวะและเงื่อนไขที่มันตุกติกแปลกๆ ไม่ทำเลยจะดีกว่า ถ้าบรรยากาศยังไม่พร้อม การเมืองยังไม่เปิด มีคนพร้อมจะโกง ก็อย่าทำจะดีกว่า กลัวแต่จะเจอการหาเรื่องพากันเข้ารกเข้าพงไปอีก
.
เราพอจะเดาจากทิศทางลมๆแล้งๆได้บ้างว่า ทั้งสีน้ำเงินและสีแดงอยากปิดเกมไว อยากตั้งรัฐบาลใหม่ไว อยากจะโหวตวันพุธที่ 3 กันยายน 2568 แล้วรีบเข้าไปเป็นเจ้าภาพจัดการงานใหญ่ที่รออยู่ แต่พรรคประชาชนไม่ได้จำเป็นต้องรีบ ถ้าตกลงรายละเอียดไม่ได้ก็รอก่อน เสนอไปให้โหวต วันที่ 10 กันยายน 2568 ถัดไปอีกพุธหนึ่งก็ได้ หรือ 11 ได้ก็ดีรอฟังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ตกลงรายละเอียดกระบวนการข้างหน้าให้ชัดแจ้งกันก่อน ระหว่างนี้ใช้เวลาค่อยๆ ยื่นเงื่อนไขในรายละเอียดให้ทั้งสองพรรครับ ถ้ามีฝ่ายหนึ่งรับได้จริงค่อยน่าเดินต่อ ถ้าไม่มีใครกล้ารับก็จะเห็นเอง
.
ถ้ายื้อสักนิด เล่นตัวอีกสักหน่อย อาจจะได้เห็นว่าทั้งสองพรรคจะทนรอไม่ไหว และจะค่อยๆ เผยธาตุแท้ที่ไม่ได้งดงามนักออกมามากกว่าที่เห็นสวยๆ หล่อๆ กันในวันสองวันนี้ แล้ววันนั้นค่อยตัดสินใจอีกที
.
ปชน.แถลงกก.บห.เคาะชื่อนายกฯวันนี้ สะพัดส.ส.หนุนอนุทิน พท.ยันยังไม่ทูลเกล้ายุบสภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_5351701
.
ปชน.แถลงกก.บห.เคาะชื่อนายกฯวันนี้ สะพัดส.ส.หนุนอนุทิน พท.ยันยังไม่ทูลเกล้ายุบสภา
.
เมื่อวันที่ 2 กันยายน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม สส.ของพรรค ถึงทิศทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่า ไม่มีมติ เป็นการรับฟังความเห็น ส.ส. ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 กันยายนพรรคส่งข้อความให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศราว 1 แสนคน ให้ความเห็นต่อการเลือกนายกฯ ณ ตอนนี้มีสมาชิกจำนวนมากให้ความเห็นมาแล้ว ในการประชุมวันนี้ ยังเปิดรับฟังความเห็นสมาชิกพรรคต่อ มีการประชุมของกรรมการบริหาร และคณะผู้บริหารของพรรค เพื่อตัดสินใจในขั้นสุดท้ายในวันที่ 3 กันยายนว่า จะโหวตเลือกนายกฯท่านใด
.
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ส.ส.ทุกคนเข้าใจดี เข้าใจตรงกันหมดว่า การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ง่าย ทุกคนเข้าใจตรงกันแล้วว่านี่ไม่ใช่การเลือกนายกฯที่ดีที่สุด แต่เป็นการเลือกนายกฯที่มีโอกาสนำไปสู่การยุบสภาฯ และการแก้รัฐธรรมนูญมากที่สุด เราเข้าใจตรงกันประเด็นนี้แล้ว แต่ความเห็นยังหลากหลายอยู่ และไม่ทราบว่าใครปล่อย ไม่ทราบเจตนา
.
นายพริษฐ์ กล่าวว่า“พูดย้ำอีกครั้ง เราไม่ไว้วางใจทั้งคู่ เราไม่ได้เอาความรู้สึกเป็นตัวตั้ง อดีตเราไม่ลืม แต่ไม่เอามาเป็นปัจจัยตัดสินใจ เราพยายามตัดสินใจเพื่อออกแบบกลไกที่ดีที่สุดเพื่อควบคุมรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ และดูทางเลือกไหนให้เราควบคุมการรักษาสัญญาได้ดีที่สุด สิ่งที่คิดว่าน่าจะดีที่สุดคือการรอ การตัดสินใจของคณะกรรมการบริหารพรรคพรุ่งนี้ เรายืนยันว่าคณะกรรมการบริหารพรรคจะประชุมกัน และเราเดินหน้าสู่การเลือกนายกฯคนใหม่ตามขั้นตอนกฎหมาย”
.
นายพริษฐ์ กล่าวว่า แน่นอนว่าต้องมีลายลักษณ์อักษร อะไรที่เราทำได้มากที่สุดเพื่อให้เป็นการแสดง หรือผู้มาตอบรับเงื่อนไข ต้องสัญญากับประชาชนอย่างชัดเจน
.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่ประชุม สส.พรรคในวันนี้ เปิดโอกาสให้ สส.ได้แสดงความเห็นหลากหลาย อย่างไรก็ดีแกนนำพรรคมีแนวโน้มเลือกสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย และผลักดันนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯคนที่ 32 เพื่อหยั่งเชิงพรรคเพื่อไทย ว่าจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป ทว่ากลับมีข่าวหลุดออกมาผ่านสื่อเสียก่อน จึงต้องให้โฆษกพรรค และประธาน สส.ของพรรค ลงมาชี้แจงกับสื่อ พร้อมกับให้รอมติอย่างเป็นทางการของพรรคในวันที่ 3 กันยายนแทน
.
เย็นวันเดียวกัน นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กใจความว่า เห็นข่าวหลายสำนักพาดหัวว่าตนให้สัมภาษณ์ว่ากระบวนการการยุบสภาเริ่มต้นขึ้นแล้ว ต้องขอเรียนว่าสิ่งที่หมายความถึง คือการคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดขอเรียนว่า การยุบสภาเป็นพระราชอำนาจส่วนขั้นตอนขอให้ผู้ที่ทำหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดำเนินการย้ำว่ายังไม่มีการทูลเกล้าใดๆทั้งสิ้น
.
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายสรวงศ์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า ประเด็นการยุบสภาจะต้องนำมาพิจารณาอีกหรือไม่ โดย นายสรวงศ์ กล่าวว่า กระบวนการดำเนินไปแล้ว แต่ต้องดูว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะสิ่งที่พรรคเพื่อไทยอยากจะให้เกิดคือต้องการให้มีทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นอำนาจของผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ตัวเองเป็นเพียงรัฐมนตรีรักษาการ ซึ่งกระบวนการต่างๆ ต้องใช้เวลา
JJNY : ยิ่งชีพแนะปชน. รอศาล ห่วงเจอตุกติก│ปชน.แถลงกก.บห.เคาะชื่อ│เกษตรกรบ่นราคาข้าวตกไม่พอใช้หนี้│3 จว.ตะวันออก ฝนตกหนัก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5351642
.
.
ยิ่งชีพ ไอลอว์แนะปชน. รอศาลชี้ให้ชัด ประชามติกี่ครั้ง แล้วค่อยเคาะเลือก โหวตแดงหรือน้ำเงิน
.
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาชน กำลังหาข้อสรุปว่า จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า พรรคประชาชนควรรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 10 กันยายน ก่อนแล้วค่อยจัดทำแผนการไปสู่รัฐธรรมนูญใหม่ ที่มีรายละเอียดร่วมกันว่า ทั้งสองทางเลือกมีทางไหนเป็นไปได้จริงกว่า แล้วค่อยตัดสินใจก็ได้ ถ้าใครรีบอยากโหวดนายกฯก่อน ก็ให้เปิดสภาลงมติไปก่อน ให้เห็นว่าเสียงมันไม่ถึง จะได้เห็นว่า ใครมีเท่าไรกันแน่จริงๆ ให้ประชาชนเข้าใจกับตาว่า ถ้าพรรคประชาชนไม่โหวต ผลมันจะเป็นยังไง แล้วค่อยมาเริ่มทำงานใหม่ ไม่ต้องไปรีบตามเขา ไม่รู้รีบทำไม
.
ก่อนหน้านี้ นายยิ่งชีพ โพสต์ถึงข้อเสนอให้พรรคประชาชนรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 10 กันยายน ว่า สำหรับพรรคประชาชนแล้ว ไม่ว่าจะโหวตน้ำเงิน หรือโหวตแดง ถึงจะทำเท่ๆ ไม่ขอร่วมรัฐบาลไม่เอาเก้าอี้และผลประโยชน์ แต่การไปค้ำบัลลังก์ให้ใครก็เสียคะแนนอยู่ดี
.
ถ้าโหวตแดง ก็จะเสียคะแนนจากกลุ่มเหลืองเก่า กลุ่มที่เกลียดชินวัตรมากๆ ที่อาจจะทนเลือกพรรคส้มได้ มองข้ามเรื่อง 112 ไปก่อน แต่เพียงขอหาตัวเลือกใหม่มาแทนทักษิณ คนกลุ่มนี้ไม่รู้มีเท่าไร แต่ก็พอสมควรเลยล่ะ ถ้าพรรคประชาชนไปโหวตแดงรอบนี้ คนเหล่านี้คงจะหนีไปโหวตภูมิใจไทย
.
ถ้าโหวตน้ำเงิน ก็จะเสียคะแนนกลุ่มก้าวหน้าแบบ Radical ที่ไม่เอาอนุรักษ์นิยม ไม่เอาการเมืองบ้านใหญ่ ไม่เอากลุ่มที่เคยสนับสนุนประยุทธ์ หรือพวกที่จับมือกันเป็นรัฐบาลรอบที่แล้ว คนกลุ่มนี้ไม่รู้มีเท่าไร พวกเขา (กู) จริงๆ ยังไม่มีทางเลือกหนีไปโหวตพรรคอื่นที่ไหน แต่พวกเขาจะมีความหวังในการเมืองน้อยลง กระตือรือร้นออกมาแสดงตัวน้อยลง บรรยากาศเลือกตั้งหน้าจะไม่สนุก
.
ทั้งสองทางจะพอแก้ตัวและเรียกคะแนนได้บ้าง ถ้าหากเลือกดีลใดดีลหนึ่งแล้วเดินหน้าไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ตุกติกไม่ยัดไส้สสร. ไม่เล่นแง่ล็อกคำถามประชามติ หรือจัดกระบวนการประชามติแบบแปลกๆ ให้มันล่มตั้งแต่แรก หรือติดขัดนั่นนี่จากความไม่จริงใจ แบบนั้นพรรคประชาชนจะ “เสียค่าโง่” นอกจากเสียแต้มแล้ว เสียหน้า เสียความไว้วางใจ เอาอำนาจรัฐไปโยนใส่มือคนอื่นแล้วยังไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญอีก ซึ่งทั้งสองสีที่จะต้องเลือกก็มีแนวโน้มลากไปทางนี้ทั้งคู่
.
ในพรรคประชาชน มีส.ส. 140 คน มีกรรมการบริหาร มีคนมากมาย จะคุยกันยังไงให้รู้เรื่องในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้?? เชื่อว่า ต้องเห็นต่างกันสุดขั้วแน่ๆ แค่เอาคนมากองกันก็เต็มห้องแล้วพูดคนละสามนาทีก็เต็มวันแล้ว คิดแล้วก็เสียวระบบการตัดสินใจ ถ้าจะใช้การหาฉันทามติ คงแทบเป็นไปไม่ได้ ถ้าจะใช้วิธีโหวตโดยส.ส. น่าจะพังนะข้างมากลากไป ถ้าจะให้กรรมการบริหารพรรคตัดสินใจ แล้วทุกคนต้องโหวตตาม เดี๋ยวก็ทะเลาะกัน แตกกัน มีงูเห่าอีก
.
คิดทางไหนก็ยากไปหมด การจะตัดสินใจก็ยาก การจะโหวตก็เสียหาย ทางที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นกับพรรคประชาชนก็คือให้น้ำเงิน แดง ไปตกลงใหม่ทำดีลปีศาจแล้วจับมือกันเองพรรคส้มไม่เอี่ยวด้วย แต่เขาคงจะไม่ยอมยุบสภา ไม่ยอมแก้รัฐธรรมนูญ แบบนั้นพรรคประชาชนจะไม่เสียคะแนน จะยังคงเล่นบทหล่อต่อไปได้ แต่ประเทศจะเสียหาย
.
ซึ่งก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ อยู่ที่เงื่อนไขในรายละเอียดของพรรคประชาชนด้วย เรื่องการยุบสภาสี่เดือนทั้งสองสีทำเป็นยอมรับกันแล้ว แต่เรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ข้อเสนอเท่าที่เปิดสู่สาธารณะยังขาดรายละเอียดอีกมากแล้วอาจจะนำมาซึ่งอันตราย พรรคประชาชนต้องกล้าเปิดโต๊ะชวนคุยและทำข้อตกลงในรายละเอียดก่อนที่จะไปยกมือให้เขา ถ้าชวนทำกันลึกๆ แล้ว ทั้งน้ำเงินและแดงอาจถอยทั้งคู่ก็ได้ แบบไม่เอาแล้วไอ้พรรคหัวชนฝานี่ เช่น
.
1. ให้มีสสร. ต้องมาจาการเลือกตั้ง 100% ห้ามแอบแต่งตั้ง อันนี้เพื่อไทยน่าจะรับอยู่แล้ว แต่เสนออีกหน่อยก็ได้ว่า ร่างที่ค้างอยู่สองฉบับจากทั้งส้มทั้งแดงให้รับวาระหนึ่งให้หมด
.
2. ให้คำถามประชามติเปิดกว้าง ห้ามล็อกหมวด 1-2 ในคำถาม (คือจะไปล็อกชั้นรายละเอียด ตอนแก้ 256 ก็ได้ แต่อย่าตั้งคำถามประชามติให้ซ้ำซ้อน)
.
3. ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไม่บังคับ ก็ไม่ต้องทำประชามติครั้งแรก เดินหน้าโหวตแก้ 256 เลย อันนี้ภูมิใจไทยน่าจะไม่อยากรับ เพราะพูดมาตลอดว่าจะต้องทำประชามติสามครั้ง
.
เมื่อยื่นข้อเสนอไปทำนองนี้ ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ได้สุดโต่งอะไรเลย มันเป็นกระบวนการปกติธรรมดาๆ มากๆ ที่เป็นประชาธิปไตย แต่ก็คิดว่า น้ำเงินและแดงก็จะไม่กล้าขยับแล้ว จะถอยมือออกแบบกลัวโดนน้ำร้อนลวก เพราะเงื่อนไขตอนนี้มันเบาๆ ลอยๆ อยู่แค่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ (ใครก็รับๆไปก่อนได้ เขาพูดกันมาหลายรอบแล้ว) และให้ทำประชามติอย่างช้าพร้อมเลือกตั้ง ซึ่งไม่ได้กำหนดรายละเอียด แต่ใช้วิธีโยนอำนาจใส่มือศัตรูไปก่อน ให้ครม. ใหม่ไปกำหนดรายละเอียด เขาอาจจะเล่นแง่ในกระบวนการได้หลายกลเม็ดมาก เช่น การตั้งคำถามแปลกๆ รัฐบาลไม่รณรงค์ ไม่ให้ข้อมูลประชาชน หรือรณรงค์ให้ประชาชนโหวตคว่ำ หรือทำอะไรที่มันน่าเกลียดๆ เพื่อให้มันไม่ผ่านก็ได้
.
ขอยืนยันเรื่องที่พูดมา 100 รอบแล้วว่า การจะทำประชามติถ้าจะทำในจังหวะและเงื่อนไขที่มันตุกติกแปลกๆ ไม่ทำเลยจะดีกว่า ถ้าบรรยากาศยังไม่พร้อม การเมืองยังไม่เปิด มีคนพร้อมจะโกง ก็อย่าทำจะดีกว่า กลัวแต่จะเจอการหาเรื่องพากันเข้ารกเข้าพงไปอีก
.
เราพอจะเดาจากทิศทางลมๆแล้งๆได้บ้างว่า ทั้งสีน้ำเงินและสีแดงอยากปิดเกมไว อยากตั้งรัฐบาลใหม่ไว อยากจะโหวตวันพุธที่ 3 กันยายน 2568 แล้วรีบเข้าไปเป็นเจ้าภาพจัดการงานใหญ่ที่รออยู่ แต่พรรคประชาชนไม่ได้จำเป็นต้องรีบ ถ้าตกลงรายละเอียดไม่ได้ก็รอก่อน เสนอไปให้โหวต วันที่ 10 กันยายน 2568 ถัดไปอีกพุธหนึ่งก็ได้ หรือ 11 ได้ก็ดีรอฟังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ตกลงรายละเอียดกระบวนการข้างหน้าให้ชัดแจ้งกันก่อน ระหว่างนี้ใช้เวลาค่อยๆ ยื่นเงื่อนไขในรายละเอียดให้ทั้งสองพรรครับ ถ้ามีฝ่ายหนึ่งรับได้จริงค่อยน่าเดินต่อ ถ้าไม่มีใครกล้ารับก็จะเห็นเอง
.
ถ้ายื้อสักนิด เล่นตัวอีกสักหน่อย อาจจะได้เห็นว่าทั้งสองพรรคจะทนรอไม่ไหว และจะค่อยๆ เผยธาตุแท้ที่ไม่ได้งดงามนักออกมามากกว่าที่เห็นสวยๆ หล่อๆ กันในวันสองวันนี้ แล้ววันนั้นค่อยตัดสินใจอีกที
.
ปชน.แถลงกก.บห.เคาะชื่อนายกฯวันนี้ สะพัดส.ส.หนุนอนุทิน พท.ยันยังไม่ทูลเกล้ายุบสภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_5351701
.