ทำไม Su-57 ของรัสเซียถึงไม่มีคนซื้อ?

1. F-35 Lightning II ของสหรัฐฯ:
F-35 เป็นที่ต้องการสูงและมียอดสั่งซื้อจำนวนมากจากหลายประเทศทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม การส่งออกถูกจำกัดอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง เนื่องจากสหรัฐฯ ต้องการรักษาสมดุลทางทหารของอิสราเอล
2. Su-57 Felon ของรัสเซีย:
แม้ว่าจะมีข้อได้เปรียบหลายอย่าง เช่น มีประวัติการใช้งานจริงในการรบ (ทั้งในซีเรียและยูเครน) และรัสเซียเป็นผู้เล่นที่มีความน่าเชื่อถือในตลาดอาวุธมานาน
แต่ Su-57 กลับประสบปัญหาในตลาดส่งออกอย่างหนัก
สาเหตุหลักคือความสามารถด้านการเป็นเครื่องบินสเตลท์ที่ยังด้อยกว่า F-35 อย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องการหลีกเลี่ยงเรดาร์จากด้านข้างและด้านหลัง
อีกทั้งโครงการยังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ทำให้การผลิตล่าช้าและเครื่องบินบางลำถูกส่งมอบโดยไม่มีชิ้นส่วนสำคัญ
3. J-35 ของจีน และ KAAN ของตุรกี:
เครื่องบินทั้งสองรุ่นนี้ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและยังไม่ได้เข้าประจำการอย่างเต็มรูปแบบ
แต่ได้รับความสนใจและคำสั่งซื้อแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการเครื่องบินสเตลท์ในตลาดโลกที่สูงมาก
อย่างไรก็ตาม ทั้งจีนและตุรกียังเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดนี้ และตุรกียังต้องพึ่งพาชิ้นส่วนสำคัญจากต่างประเทศ เช่น เครื่องยนต์จากสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการถูกแทรกแซงในอนาคต
สรุปแล้ว แม้ Su-57 จะมีจุดแข็งและประวัติการรบจริง แต่ความสามารถสเตลท์ที่จำกัดและปัญหาการผลิตจากมาตรการคว่ำบาตร ทำให้มันสูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขันกับ F-35 ที่มีเทคโนโลยีสเตลท์เหนือกว่าอย่างชัดเจน ในขณะเดียวกัน เครื่องบินน้องใหม่อย่าง J-35 และ KAAN ก็สามารถเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดได้ เนื่องจากความต้องการเครื่องบินสเตลท์มีสูง แต่ F-35 มีข้อจำกัดในการส่งออก
ทำไม Su-57 ของรัสเซียถึงไม่มีคนซื้อ?
F-35 เป็นที่ต้องการสูงและมียอดสั่งซื้อจำนวนมากจากหลายประเทศทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม การส่งออกถูกจำกัดอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง เนื่องจากสหรัฐฯ ต้องการรักษาสมดุลทางทหารของอิสราเอล
2. Su-57 Felon ของรัสเซีย:
แม้ว่าจะมีข้อได้เปรียบหลายอย่าง เช่น มีประวัติการใช้งานจริงในการรบ (ทั้งในซีเรียและยูเครน) และรัสเซียเป็นผู้เล่นที่มีความน่าเชื่อถือในตลาดอาวุธมานาน
แต่ Su-57 กลับประสบปัญหาในตลาดส่งออกอย่างหนัก
สาเหตุหลักคือความสามารถด้านการเป็นเครื่องบินสเตลท์ที่ยังด้อยกว่า F-35 อย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องการหลีกเลี่ยงเรดาร์จากด้านข้างและด้านหลัง
อีกทั้งโครงการยังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ทำให้การผลิตล่าช้าและเครื่องบินบางลำถูกส่งมอบโดยไม่มีชิ้นส่วนสำคัญ
3. J-35 ของจีน และ KAAN ของตุรกี:
เครื่องบินทั้งสองรุ่นนี้ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและยังไม่ได้เข้าประจำการอย่างเต็มรูปแบบ
แต่ได้รับความสนใจและคำสั่งซื้อแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการเครื่องบินสเตลท์ในตลาดโลกที่สูงมาก
อย่างไรก็ตาม ทั้งจีนและตุรกียังเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดนี้ และตุรกียังต้องพึ่งพาชิ้นส่วนสำคัญจากต่างประเทศ เช่น เครื่องยนต์จากสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการถูกแทรกแซงในอนาคต
สรุปแล้ว แม้ Su-57 จะมีจุดแข็งและประวัติการรบจริง แต่ความสามารถสเตลท์ที่จำกัดและปัญหาการผลิตจากมาตรการคว่ำบาตร ทำให้มันสูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขันกับ F-35 ที่มีเทคโนโลยีสเตลท์เหนือกว่าอย่างชัดเจน ในขณะเดียวกัน เครื่องบินน้องใหม่อย่าง J-35 และ KAAN ก็สามารถเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดได้ เนื่องจากความต้องการเครื่องบินสเตลท์มีสูง แต่ F-35 มีข้อจำกัดในการส่งออก