การเล่นการเงินการลงทุน กับภาพยนต์ยุคเก่า มุมมองเกี่ยวกับความน่าจะเป็น


การเล่นการเงินการลงทุน กับภาพยนต์ยุคเก่า มุมมองเกี่ยวกับความน่าจะเป็น เด็กศิลปะก็ทำผลงานเก่งกว่าคนที่มีความคิดจะเก็งกำไรมากอยู่นะ
แต่แล้วแต่คนจะมองจากมุมไหนเพื่อการออกแบบอะไรเป็นจุดประสงค์ แล้วแต่งานที่เรียนจบมีอำนาจมาทำ การจะทำอะไรต้องมีความตั้งใจทำงานมากที่สุดจึงจะได้จริง แต่คนจะทำเพื่อผลงานอะไร ไม่มีปัญหาว่าเปรียบเทียบความแตกต่างในเรื่องเงินออมอย่างเดียวก็ดี งั้นก็คงจะให้คนรวยนายทุนระดับโลกไปทำงานยากด้วยฝีมือตัวเองจึงจะได้ผลงานออกมาดีที่สุดกว่าคนอื่นงั้นสิ โดยเฉพาะงานฝีมือทางศิลปะหรือสื่อ แล้วอะไรทั้งหมดในประเทศใช้มือใครล่ะทำออกมาให้เห็นอย่างนี้ ใครๆทำงานต่างก็เสียเปรียบคนหยิบจับเงินไป โดยไม่ค่อยรู้ตัว บางคนทั้งทำงานหนักมากกว่าคนคิดว่าเป็นดีและฉลาดแต่ถูกเขาเอาเปรียบเรื่องเงินรายได้เข้ากระเป๋าตัวเองเยอะ นายทุนระดับโลกไม่ได้หมายความว่าไม่งกหรือเค็ม แต่เขาใจเคี่ยวจะเอาแต่เงินมากๆเก็บไว้โดยที่เขาก็คงไม่ค่อยอยากใช้เงินจนหมดตัว แต่คนทำงานหนักแล้วนั้นจะต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะมากเพราะปัญหาขาดแคลนทรัพยากร แล้วจริงๆคนเป็นนักเก็งกำไรในโลกเราชีวิตตัวเองเป็นนายทุนยักษ์ใหญ่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาแบบนักแสดงที่เขาแสดงเป็น จอร์จ โซรอส แบบหนังเรื่อง เพร็ตตี้ วูเมน อย่างนั้นเลยหรือเปล่าล่ะ ลองดูภาพยนต์เรื่องนี้ที่ริชาร์ด เกียร์ เป็นนักแสดงนำดูครับ คนรุ่นเก่าก็คงเคยดู แต่ตอนสมัยก่อนที่ผมเคยมีวัยฝันแรงกล้าในเรื่องความรวยต่างมีแรงบันดาลใจจะเป็นนายทุนมีเงินมากๆ แต่เมื่อเวลาผ่านเลยมากับวัยที่เปลี่ยนไป การแสดงออกสื่อของชีวิตจริงๆได้เป็นอย่างนั้นจริงทุกคนที่คิดว่าเป็นนักเล่นการเงินการลงทุน ก็คงจะไม่ใช่แท้จริง ส่วนใหญ่คนมีอายุมากถึงระดับ 40 อัพ เป็นคนไม่ได้งานได้การต่างเสียเปรียบสังคมคนวัยนี้ขึ้นไป จะเป็นนักลงทุนเต็มตัวโดยไม่มีอาชีพตามระบบประกันสังคม หรือไม่มีก็คือคนว่างงานและเป็นคนจนเสียส่วนมาก ที่มาจากแหล่งการลงทุนเก็งกำไรการเงิน และบางคนไม่มีใครแต่งงานด้วยเพราะว่างงาน เมื่อชีวิตเปลี่ยนไปกลับกลายเป็นปัญหาชีวิตเป็นเฒ่าหัวงูเสียเยอะ เพราะความยากจนของชีวิตจะทำให้คนที่มีความพยายามอยากจะหารายได้ แต่ในช่วงว่างงานความเครียดจะปรับจิตใจให้เกิดโรคเหงาในจิตได้ เพราะโรคเหงาประจำตัวของคุณหรือทุกคน ก็คือการใช้ภาษาขาดความน่าสนใจ จะเชิญชวนการคิดคำตอบถูกต้องให้คุณหายงง จากปัญหาการหารายได้ไม่สำเร็จซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ชีวิตคนหายจากโรคเหงาได้ด้วยการมีอาชีพทำมาหากิน
................................................................
ชีวิตคนเกิดมาก็คือการเกิดมา หาเงินจ่ายให้ค่าใช้ชีวิตภายในโลกมนุษย์ ที่ชีวิตอยู่อาศัย รวมถึงเสียค่าทำให้ชีวิตอยู่ จากสิ่งเติมเต็มทั้งร่างกายจิตใจ
ที่เป็นธรรมชาติมีการจะเปลี่ยนแปลงไปได้ ด้วยธรรมชาติของสุขภาพ คนเกิดมามีโชคดีมีแรงปฎิบัติกรรมดีต่อนายทุน จะเห็นคุณค่าจากการปฎิบัติของคุณและเขายอมสละเงินอันเค็มให้ได้มากกว่าคนอื่น ก็มีบุญในชีวิตมีความสามารถศักยภาพสูงกว่า คนที่ไม่ค่อยมีการปฎิบัติอะไรเพื่อให้ชีวิตมีรายได้สูงเป็นคนเหนือกว่าเดิม ไม่ได้หมายความว่าการที่ชีวิตเป็นคนหารายได้มีรายได้นั้น จะเป็นคนไม่ดีเสียเลยนะ แต่คนก็คือเขาจะต้องมีความดีในการใช้ความสามารถที่ถูกที่ควร ต่อการจะทำให้โลกที่อาศัยอยู่ดีขึ้นกว่าเดิม แต่คนก็ไม่ควรมองชีวิตคนมีค่ามากกว่าเพียงแค่เขา เป็นธนาคารแล้วจะมีค่าทำให้ชีวิตอื่นก็ไร้ค่าไปหมดเลยนะ แล้วเราก็ไม่ควรให้คนที่มีชีวิตจะต้องแข่งขันให้ชีวิตเป็นนายธนาคารอย่างเดียว เพราะถ้าเงินมีค่ามากให้ใครก็อยากจะเก็บแต่เงิน บางครั้งชีวิตมัวแต่เก็บเงินก็ไม่ทันจะพัฒนาอะไรด้วยการปฎิบัติดีๆได้ แต่ชีวิตคนเขาไปอยู่ในร่องเงินเข้าหาในระบบแล้วก็ให้เขามีสิทธิหากเขามีความรู้ความสามารถเรื่องเงินมากกว่าคนอื่นจริงๆหรือคนอื่นๆที่ไม่มีความรู้และคุณธรรมเรื่องเงินแม้เข้าไปสวมสิทธิ์อยู่ในร่องแทนคนมีสิทธิเขาก็ไม่ค่อยจะทำให้มีเงินอยากเข้าหามากเท่าไหร่หรอก เห็นๆคนเขาก็ไม่ได้เป็นนายธนาคารแต่เขาก็ไม่ได้เป็นไอ้บักสีเด๋ออะไรนะนั่นล่ะ แต่บางคนเป็นมืออาชีพที่มีไอคิวอีคิวลึกซึ้งต่อศาสตร์ศิลป์ในเชิงวิทยาศาสตร์จิตวิทยา ผู้มีอิทธิพลต่อสังคมมากว่านั้นมาก อาจารย์ที่สอนในสถาบันการศึกษาต่างก็มักบอกว่ามาตรฐานการทำงานของนักเรียนนักศึกษายังไม่ค่อยได้ระดับมาตรฐานสูงมาก แต่บางคนก็มีความเป็นมืออาชีพกว่าคนอื่นๆที่ไม่ได้เรียนในเฉพาะสายต่างๆมากจริงๆ คงมีแต่คนเสียสติไม่รู้ว่าชีวิตตัวเองเรียนจบแล้วได้เป็นอะไร มีแต่ความกระหายอยากจะทำงานนายธนาคาร จนชีวิตก็ต้องเสียเปรียบเพราะการเตรียมตัวทำงานเฉพาะการเงินมาน้อย ทำให้ชีวิตหลายคนทั้งเสียเวลาและเสียเงินเสียทองการงานและอาชีพปกติๆในสังคมตามที่เรียนมาจากบรรทัดฐานของสังคมไทย ที่ถูกวัฒนธรรมค่านิยมแบบทุนนิยมกลืนกลินชีวิตจิตใจไปหมด ค่านิยมแบบการจะเก็งกำไรต่างทำให้คนต้องเสียเงินลงทุนมากขึ้นเพื่อความหวังว่าจะได้ซื้อของได้มากขึ้น แต่ในความเป็นจริงต่างก็ได้ของอะไรไม่ค่อยดีมากจากวิถีชีวิตความคิดจิตใจมีแต่รายจ่ายเพราะการเก็งกำไรกับเกมส์การเงินมากขึ้น คนก็มีสิทธิการเงินโอกาสหารายได้สูงน้อย จึงเป็นเรื่องปกติที่สังคมก็ให้โอกาสแก่คนที่เป็นนักบริหารที่มีอาชีพมีเกียรติมีเครดิตน่าเชื่อถืออยู่ในวัฎจักรของการส้รางสรรค์ แล้วนักบริหารก็มักมีอำนาจต่อคนในสังคมกลุ่มหนึ่งที่ขาดเครดิตน่าเชื่อถือกว่าซึ่งมักเป็นฝ่ายคร้านกับฝ่ายเคลิ้มและอนาคตน่าจะมีความสุขมากขึ้นได้ยาก คนก็ไม่ค่อยมีใครได้เรียนเรื่องบ้านตัวเอง บางคนก็เรียนบ้านเขามากกว่าเขา ถ้าเพียงแค่การมีความเจริญและไม่เจริญ เศรษฐกิจดีและเศรษฐกิจไม่ดี ถ้าไม่ได้อยู่ในที่ห่วยหรือเต็มไปด้วยความทรามมาก แต่คนอยู่ที่ไหนอยู่ได้เพราะรู้จักแยกแยะว่าอะไรคือชีวิตตัวเอง อะไรคือชีวิตอื่น อะไรเป็นสิ่งของนอกกาย คนอยู่ที่ไหนไม่ได้ก็เพราะสุขภาพชีวิตเขาไม่ดี มีปัญหาเบื้องต้นมาจากการไม่รู้ว่า มีสิ่งนอกชีวิตอะไรทำให้ชีวิตเขาเกิดปฎิกิริยาให้เกิดโรคต่างๆบ้าง คนจะไปไหนมาไหน ก็อย่าคิดแต่ว่าชีวิตมีจิตใจที่เข้มแข็งอะไรมากจริง จนไม่มีสิทธิจะป่วยแล้วต้องเสริมใยเหล็กช่วยพยุงไม่ได้เลย จริงๆทำใจให้อ่อนโยนหากผิดต่อการเรียนรู้สภาพแวดล้อมแล้วแม้อยู่มานาน จิตใจจะไม่ค่อยมีความสุข แม้แต่นักกีฬาเก๋าสนามแต่ถ้าพฤติกรรมทำให้ถูกใบแดง ก็มีโอกาสจะต้องออกนอกสนาม
....................................................................
ศิลปินก็คล้ายคนทำอาหารที่จะต้องใช้วัตถุดิบ วัสดุอุปกรณ์สำหรับการสร้างสรรค์อาหารเพื่อจำหน่าย ก็จำเป็นจะต้องใช้เงิน แม้ตามหลักพอเพียงสิ่งต่างๆก็ไม่ได้มีต้นทุนราคาถูก การทำผลงานจะทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มจากการทำงานใช้สิ่งต่างๆ เป็นศิลปินมีชื่อเสียงคนรู้จักทำงานให้คนมีความสุข ศิลปินมีการลงทุนมากเพื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ แต่ศิลปะที่ศิลปินลงทุนลงแรงทำ ถูกกลุ่มนักธุรกิจพ่อค้าแม่ค้าหน้าเลือดที่ขัยนและมีความคิดเรื่องการมีเงิน ขโมยผลงานของศิลปินไปทำธุรกิจได้เงินรวยมากมาย แต่ศิลปินกลับกลายเป็นคนที่สังคมมองว่า บริหารการเงินล้มเหลวหรือเป็นอาชีพรายได้น้อยยากจนเสียอีก มีคนชอบก็ชอบให้ศิลปินต่ำต้อยน่ะสิ มันเสียระบบการทำงานพัฒนาประเทศหมดเลยมานานแล้ว ถ้าเขาซื้อผลงานจากศิลปินไปขายจะไม่ว่าอะไรเลยนะ คนซื้ออะไรเป็นศิลปะต่างๆ ทั้งของอะไรเก่าๆใหม่ ก็เสี่ยงจะต้องมีเงินแล้วติดเรื่องรับซื้อของโจรกันอีก ศิลปะหรือเงิน ต่างก็เป็นสิ่งที่มีค่าในตัวเอง แต่การหลงศิลปะและเงินว่าเป็นสิ่งดีพิเศษต่อชีวิตมากก็โง่ คนทำงานศิลปะทำงานการเงินมาก แม้มีก็เหนื่อยก็ป่วย หรือเสียสุขภาพจิตได้ บางครั้งศิลปะกับเงิน ก็พาคนดีและไม่ดี เข้าหาชีวิตไม่เท่าเทียม แต่อะไรๆจะมัวแต่ประเมินว่าดีไม่ดียังไงอยู่ตลอด ก็เป็นฝ่ายคร้านฝ่ายเคลิ้มจนเสียการเสียงาน แต่ถ้าอะไรที่ใจรักก็จะไม่ทำให้เจ็บจิตหรอก ถ้ามีแต่ผีบ้าให้คิดถึงตำจิตตำใจ ให้มีแต่อาการสวอยก็เสียเวลาคิดถึงมัน ถ้าศิลปะและเงินต่างเป็นสิ่งดี ไม่แสลงต่อสภาพแวดล้อม สังคมประชาธิปไตย ศิลปะและเงินนั้นจึงจะเป็นที่ทำให้ผู้คนมีความสุข ถ้าศิลปะและเงินนำการทำให้สังคมสภาพแวดล้อม เกิดความเหนื่อยหน่ายจิตใจ ยังไงคนก็ไม่ค่อยจะมีความสุขได้มากคุ้มค่าของจำนวนเงินนั้น ชีวิตคนถ้าใช้การไม่ได้อะไรมากเท่าไหร่ ก็ไม่สู้การที่ชีวิตมีค่ามีคุณภาพสูงหรอก แล้วจะเอาคนเข้าอะคาเดมี่เพื่อการจะรับเอาอะไรล่ะ ที่ต้องการใช้งานนั้นล่ะ ถ้าเขาเข้าอะคาเดมี่เก็บเงิน เขาก็คงจะมีเงินมาให้อยู่หรอก แล้วอะคาเดมี่ที่คนเข้าไปฝึกใช้ชีวิตเป็นอะคาเดมี่สร้างสรรค์ผลงานอะไรบ้างล่ะ ในโลกความจริง แต่คนมักคิดว่าคนเขาจะมีเงินโดยไม่เข้าใจว่าชีวิตเขาไม่ได้อยู่ในแวดล้อมตลาดการเงิน แต่ชีวิตคนอยู่ในแวดล้อมของภาษา ทั้งภาษาศิลป์ยิ่งใหญ่หรือภาษาระดับต่างๆ มีดีมีไม่ดีปะปน แต่ศิลปินสมัยนี้มักมีเงินรายได้จากการฮีลใจทั้งการแสดง แต่ศิลปินที่ขายผลงานฮีลใจ ก็ยังมีคนไม่เข้าใจว่าเป็นผลงานของศิลปินคนไหนเป็นคนทำ ศิลปินหารายได้ยากและได้ไม่ค่อยมาก แต่ก็ไม่ควรจะให้ศิลปินเป็นผีพนันเก็งกำไรเงินตรา แต่สิ่งที่ศิลปินจะต้องเป็นคือศิลปินที่มีภูมิปญญามากขึ้นและมีชื่อสียงให้เป็นที่ยอมรับ
....................................................................
นคเรศ เห็มสุข เขียนทัศนะความคิดเห็น

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่