วิโรจน์ รับเลือกทางไหน ก็โดนด่า มีสิทธิถูกหักหลัง ยัน ยังไม่ตัดสินใจโหวตภท.-พท.
.
.
วิโรจน์ รับเลือกทางไหน ก็โดนด่า มีสิทธิถูกหักหลัง ยัน ยังไม่ตัดสินใจโหวตภท.-พท.
.
วันที่ 30 สิงหาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคประชาชน โพสต์ข้อความในเฟซบีก ระบุว่า
.
[ ใครจะเป็นนายกฯ ต้องได้ 247 เสียง ตามมาตรา 159 วรรคสาม จะเลือกตาม TOR เมื่อบ้านเมืองถึงทางตันแล้วเท่านั้น ]
…………………………
เสียง สส. ทั้งหมดที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรในตอนนี้มีอยู่ 492 เสียง
.
พรรคร่วมรัฐบาล (รวม 11 พรรค, 253 เสียง)
พรรคเพื่อไทย: 140 คน
พรรครวมไทยสร้างชาติ: 36 คน
พรรคประชาธิปัตย์: 25 คน
พรรคกล้าธรรม: 25 คน
พรรคชาติไทยพัฒนา: 10 คน
พรรคประชาชาติ: 9 คน
พรรคชาติพัฒนา: 3 คน
พรรคไทรวมพลัง: 2 คน
พรรคเสรีรวมไทย: 1 คน
พรรคประชาธิปไตยใหม่: 1 คน
พรรคไทยก้าวหน้า: 1 คน
.
พรรคฝ่ายค้าน (รวม 5 พรรค, 239 เสียง)
พรรคประชาชน: 143 คน
พรรคภูมิใจไทย: 69 คน
พรรคพลังประชารัฐ: 20 คน
พรรคไทยสร้างไทย: 6 คน
พรรคเป็นธรรม: 1 คน
.
ในทางปฏิบัติ พรรคกล้าธรรมได้งูเห่ามาเพิ่ม 6 เสียง มาจากพรรคประชาชน 1 เสียง และพรรคไทยสร้างไทย 5 เสียง
ดังนั้น ฝ่ายรัฐบาลเดิมจึงมีเสียงอยู่ 259 เสียง และฝ่ายค้านเดิมมีเสียงอยู่ 233 เสียง
.
ตามมาตรา 159 วรรคสาม การเห็นชอบให้ใครได้เป็นนายกฯ จะต้องใช้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ ไม่ใช่แค่เสียงข้างมาก ดังนั้น คนที่จะได้เป็นนายกฯ ต้องมีเสียงมากกว่า 246 เสียง หรือ 247 เสียงขึ้นไป
.
ถ้าคิดว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยไม่มีทางที่จะกลับมาร่วมงานกันได้อีกแล้วในสภาชุดนี้ และเมื่อพรรคภูมิใจไทยสามารถดึงเอาเสียงจากพรรคกล้าธรรมพร้อมงูเห่าได้แล้ว 31 เสียง และกลุ่มคุณสุชาติอีก 18 เสียงมาร่วมด้วย เท่ากับว่าตอนนี้ทางฝั่งพรรคเพื่อไทยมีเสียงอยู่ = 259-31-18 = 210 เสียง ในขณะที่ฝั่งพรรคภูมิใจไทยมีเสียงอยู่ = 69+20+1+1+31+18 = 140 เสียง
.
[img]https://s.w.org/images/core/emoji/15.1.0/svg/2757.svg[/img][img]https://s.w.org/images/core/emoji/15.1.0/svg/2757.svg[/img][img]https://s.w.org/images/core/emoji/15.1.0/svg/2757.svg[/img]ถ้าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ และพรรคประชาชนตัดสินใจงดออกเสียง ไม่ขอร่วมตัดสินใจอะไรเลย ยังไงประเทศก็จะไม่มีทางได้นายกรัฐมนตรีได้ เพราะแม้ว่าฝั่งพรรคเพื่อไทยจะรวมเสียงได้มากกว่าฝั่งพรรคภูมิใจไทยก็ตาม แต่เสียงที่รวมได้ก็ยังไม่ถึง 247 เสียง ซึ่งเป็นเสียงที่เกินกึ่งหนึ่งของเสียงที่มีอยู่ในสภา
ถ้าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ และไม่มีทีท่าใดๆ ที่จะเปลี่ยนแปลง และทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยก็ต่างรับเงื่อนไขข้อเสนอของพรรคประชาชน คือ
.
1. เป็นนายกฯ เพื่อนำไปสู่การยุบสภา
2. ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับด้วย ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้ง
3. พรรคประชาชนไม่ขอร่วมรัฐบาล
.
พรรคประชาชนก็ต้องตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่ง มิฉะนั้น บ้านเมืองก็จะถึงทางตัน ติดหล่มรัฐธรรมนูญ 2560 ไปไหนไม่ได้เสียที
.
อีกทางหนึ่งที่เป็นทางออกก็คือ พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนายกฯ คนอื่นที่ไม่ใช่คุณชัยเกษม เพื่อดึงเอาเสียงที่ทางฝั่งพรรคภูมิใจไทยดึงไปได้แล้วกลับมา เพื่อให้มีเสียงรวมกันเกิน 246 เสียง ซึ่งชื่อที่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะดึงเสียงที่ออกไปแล้วให้กลับมาได้ แถมยังอาจจะสามารถดึงเอาเสียงจากพรรคพลังประชารัฐกลับไปได้ ก็น่าจะมีอยู่เพียงคนเดียวนั่นก็คือ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
.
ถ้าเป็นไปในทางนี้ ก็คงไม่จำเป็นต้องพึ่งเสียงจากพรรคประชาชนแล้ว
.
ทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือ คุณภูมิธรรม รักษาการนายกฯ ยุบสภา หรือถ้าพรรคการเมืองอื่นๆ ดึงกันไปดึงกันมา จนจัดตั้งรัฐบาลได้โดยไม่เอาพรรคประชาชนเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะดีที่สุด เพราะไม่ว่าจะเลือกทางไหน ก็ไม่มีทางใดที่จะเป็นทางออกที่ดีของประเทศ พรรคประชาชนจึงน่าจะต้องตัดสินใจในกรณีที่บ้านเมืองถึงทางตันแล้วจริงๆ คือ ถ้าไม่เลือก บ้านเมืองก็ไปไม่ได้ ก็คงต้องพิจารณาว่าทางเลือกไหนก่อให้เกิดผลเสียน้อยที่สุด และคงต้องจำใจเลือกทางนั้น เราจึงต้องออก TOR มากำกับแนวทางในการเลือกของเรา เพราะเรายังคงเชื่อว่าทางออกที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองที่อยู่ในสภาวะโกลาหล ก็คือการยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน
.
ส่วนกรณีที่หลายท่านกรุณาเตือนว่า ต้องพิจารณาด้วยว่าทางไหนมีโอกาสที่จะถูกตระบัดสัตย์หักหลังได้มากกว่าด้วย ผมบอกตรงๆ ว่าผมเผื่อใจเอาไว้ล่วงหน้าเลยครับว่า “ทั้ง 2 ทางในที่สุดแล้ว ไม่ว่าทางไหนก็คงคิดหักหลังเราหมดแหละครับ” การเมืองมันโหดร้าย คนโดนมาก่อนจะไม่รู้จักจำเลยก็คงไม่ใช่ ดังนั้นอย่าไปคิดครับว่าคนนี้จะหักหลัง คนนั้นไม่หักหลัง ให้คิดว่าทั้ง 2 ทางหักหลังเราหมด แล้วมาคิดกันต่อว่าทางไหนที่เราจะพอมีกลไกในการผูกมัดบังคับไม่ให้เขาหักหลังเราง่ายๆ น่าจะดีกว่า
.
เอาเป็นว่ายุบสภาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด หรือถ้าแต่ละพรรคไปจับกันเองได้โดยไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับพรรคประชาชน ก็เอาทางนั้นก่อนได้เลย เราคงจะเลือกแบบจำใจต้องเลือกเมื่อบ้านเมืองถึงคราวจำเป็นแล้วจริงๆ ครับ
.
ผมยอมรับตรงๆ เลยว่า ไม่ว่าเลือกทางไหนก็ไม่พ้นโดนด่า ดังนั้น การตัดสินใจจะต้องไม่คิดว่าทางไหนจะไม่ถูกด่า หรือทางไหนจะถูกด่าน้อยกว่า เรื่องพรรคถูกด่าผมว่าเรื่องเล็ก ไม่ควรเอามาคิดเลย เอาเป็นว่าถ้าไม่จำเป็นต้องเลือก ก็ขอไม่เลือกดีกว่าครับ แต่ถ้าจำเป็นต้องเลือกเพื่อให้บ้านเมืองไปต่อได้ ก็ต้องกล้าหาญที่จะเลือกทางที่บ้านเมืองเสียหายน้อยที่สุด มีกลไกที่รัดกุมที่พอจะบังคับให้คนที่เราเลือกรักษาสัญญาได้มากที่สุด แต่ก็คงต้องทำใจว่า ต่อให้มีกลไกมัดแน่นแค่ไหน ลิ้นคนเราเวลาที่มันจะตระบัดสัตย์ มันก็พลิกลิ้นได้เสมอ ก็คงต้องเผื่อใจเอาไว้ล่วงหน้า
ณ วินาทีนี้ ในขณะที่พรรคประชาชนตัดสินใจว่า “ยังไม่ตัดสินใจ” ก็วิเคราะห์ได้ประมาณนี้ครับผม
.
.
.
"ผู้พันปุ่น" ขุด "AdvanceMOU"ฟาดใครเจ็บจี๊ด
.
น.ต.ศิธา ทิวารี หรือ ผู้พ้นปุ่น สมาชิกพรรคไทยสร้างไทย โพสต์รูปผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "น.ต.ศิธา ทิวารี - Sita Divari" ระบุว่า
.
"ตอนตรูบอกให้ทำ #AdvanceMOU หมั้นกะอิส้ม โกรธตรูเป็นฟืนเป็นไฟ ในที่สุดก็ไปเบี้ยวขันหมากเค้า วันนี้มาง้อ ขอให้ลืมอดีต อ้าวเอ้ยยย!! 55555"
.
ก่อนหน้านี น.ต.ศิธา ทิวารี เคยกล่าวถึงเรื่อง "Advance MOU" ในช่วงการแถลงข่าวลงนาม MOU จัดตั้งรัฐบาลของพรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรคหลังการเลือกตั้งปี 2566 น.ต.ศิธา ซึ่งขณะนั้นเป็นแกนนำพรรคไทยสร้างไทย ได้ลุกขึ้นถามกลางวงแถลงข่าวถึงความเป็นไปได้ในการจัดทำ "Advance MOU" ซึ่งเป็นการลงนามร่วมกันระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เพื่อยืนยันว่าทั้งสองพรรคจะเดินไปด้วยกันตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จหรือไม่ก็ตาม หรือแม้แต่ในฐานะฝ่ายค้านร่วมกัน
.
ผลที่ตามมาได้กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง และเกิดวิวาทะระหว่าง น.ต.ศิธา กับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น โดย นพ.ชลน่าน ออกมาแถลงข่าวแสดงความไม่พอใจในภายหลัง ขณะที่ น.ต.ศิธา ได้ออกมาขอโทษที่คำถามอาจจะล้ำเส้น แต่ยืนยันว่าเจตนาคือการต้องการเดินหน้าประชาธิปไตย
.
#การเมือง
.
.
“เยาวลักษณ์” คณะก้าวหน้า เบรกพรรคประชาชน ยกมือหนุน “อนุทิน-เพื่อไทย”
.
“เยาวลักษณ์” คณะก้าวหน้า เบรกพรรคประชาชน ยกมือหนุน “อนุทิน-เพื่อไทย” ชี้ไม่ต่างอะไรจากเข้าไปซ่อมระบบที่บิดเบี้ยว เปรียบช่วยพายเรือให้โจรนั่งก็ไม่การันตีว่าจะถึงฝั่งอย่างปลอดภัยอยู่ดี
.
วันที่ 30 ส.ค. 2568 นาง กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า แสดงความเห็นส่วนตัวในสถานการณ์การเมืองขณะนี้ว่า การเลือกที่จะรีบยกมือ รีบประคอง เพื่อปิดทางไม่ให้ขั้วเก่ากลับมา ในมุมมองของตน ถือว่าการทำแบบนั้นไม่ต่างอะไรกับการเข้าไปซ่อมระบบที่บิดเบี้ยวตั้งแต่ต้น สุดท้ายอาจจะถูกกลืน ถูกหักหลัง เหมือนที่เคยเจ็บ เคยจำกันมาแล้วหลายครั้ง “หลายคนอาจมองว่า ถ้าเราไม่ร่วมมือ ไม่ยกมือสนับสนุนใคร กลไกเก่า (ทหาร–ตุลาการ–เครือข่ายอนุรักษ์) อาจหาทางดัน “พลเอกประยุทธ์” หรือขั้วทหารกลับมาอีก ดิฉันเข้าใจเหตุผลนั้น แต่มันเป็นการเมืองที่มองสั้น ๆ แค่กันไม่ให้คนที่เราไม่ชอบกลับมา”
.
ไม่เห็นด้วยกระโจนเข้าเกม
.
นางเยาวลักษณ์ ระบุต่อไปว่า ในมุมของตน สิ่งที่ลึกกว่านั้นคือ
.
1.การยกมือให้อนุทิน หรือเพื่อไทย ก็คือการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่ไม่ยุติธรรมอยู่ดี
2.เราเจ็บแล้วต้องจำ พรรคประชาชน ฝ่ายก้าวหน้าเคยถูกหลอกมาแล้วหลายครั้ง ทั้งสัญญาในสภา นอกสภาที่ไม่เคยทำจริง
.
ยังไม่นับรวมการยุบพรรค ถูกตัดสิทธิ ดังนั้น การ “ไม่เข้าร่วม” สำหรับดิฉัน คือการดึงตัวเองออกจากเกมเดิม ไม่เล่นตามกติกาที่ถูกวางมาเพื่อให้เราต้องแพ้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การ “ไม่เข้าร่วม” ไม่ว่าจะด้วยยุทธศาสตร์ใดหรือกับฝั่งใด คือการยืนหยัดให้ชัดว่า “เราจะไม่ยอมเป็นส่วนหนึ่งของเกมที่เขาออกแบบมาเพื่อให้เราแพ้อยู่เสมอ”
JJNY : วิโรจน์ยังไม่ตัดสินใจ│"ผู้พันปุ่น" ขุด "Advance MOU" │“เยาวลักษณ์” คณะก้าวหน้า เบรกพรรคปชน.│น้ำเหนือหลากอีกแล้ว
…………………………
เสียง สส. ทั้งหมดที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรในตอนนี้มีอยู่ 492 เสียง
พรรคเพื่อไทย: 140 คน
พรรครวมไทยสร้างชาติ: 36 คน
พรรคประชาธิปัตย์: 25 คน
พรรคกล้าธรรม: 25 คน
พรรคชาติไทยพัฒนา: 10 คน
พรรคประชาชาติ: 9 คน
พรรคชาติพัฒนา: 3 คน
พรรคไทรวมพลัง: 2 คน
พรรคเสรีรวมไทย: 1 คน
พรรคประชาธิปไตยใหม่: 1 คน
พรรคไทยก้าวหน้า: 1 คน
.
พรรคฝ่ายค้าน (รวม 5 พรรค, 239 เสียง)
พรรคประชาชน: 143 คน
พรรคภูมิใจไทย: 69 คน
พรรคพลังประชารัฐ: 20 คน
พรรคไทยสร้างไทย: 6 คน
พรรคเป็นธรรม: 1 คน
2. ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับด้วย ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้ง
3. พรรคประชาชนไม่ขอร่วมรัฐบาล