พ่อค้าแม่ค้าชายแดนวอน! อยากได้นายกฯ คนใหม่ที่เป็นกลาง เร่งแก้ปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจ

.
ผู้ค้าชายแดนช่องจอมโอดครวญ เศรษฐกิจซบเซา-ปัญหาชายแดนยืดเยื้อ วอนนายกฯ คนใหม่แก้ไขบ้านเมืองจริงจัง ชี้ประชาชนเดือดร้อนหนัก หนี้สินรุงรัง หวังการตัดสินวันนี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง
.
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ถือเป็นวันสำคัญที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในคดี “คลิปเสียง” ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดยศาลนัดออกนั่งบัลลังก์เวลา 15.00 น. เพื่ออ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีรับฟัง
.
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ต่อสถานการณ์ทางการเมือง
.
นายสุพรรณ รักษา พ่อค้าหมูสดฝั่งตรงข้ามตลาดชายแดน กล่าวว่า ตนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่สามารถเข้ามาบริหารประเทศได้จริง โดยเฉพาะแก้ไขปัญหาชายแดนที่ยืดเยื้อมานาน เพราะส่งผลกระทบต่อการค้าขายอย่างหนัก “ชาวบ้านเดือดร้อนกันมาก ค้าขายไม่ได้ คนเงียบแทบทั้งตลาด”
.
ด้านนางสาวอรุณ วรรณจีบสุข แม่ค้าขายผลไม้ในตลาดชายแดน เปิดเผยว่า อยากได้ผู้นำใหม่ที่จริงใจและมุ่งมั่นพัฒนาประเทศ พร้อมแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและชายแดนอย่างจริงจัง ไม่ใช่การเมืองที่มีคนบงการอยู่เบื้องหลัง “เราทำมาหากินลำบากมาก ต้องเลี้ยงครอบครัวและลูกน้อง แต่ช่วงนี้ขาดทุนตลอด อยากให้นายกฯ คนใหม่ มาช่วยพัฒนาและทำให้ประชาชนอยู่ได้จริง”
.
เธอยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ภาคประชาชนชายแดนต้องการมาตรการช่วยเหลือจากสถาบันการเงินและธนาคาร ทั้งการผ่อนผันการชำระหนี้และสินเชื่อระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อบรรเทาภาระที่เกิดจากปัญหาชายแดน
.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บางส่วนของประชาชนในพื้นที่ยังเรียกร้อง “นายกรัฐมนตรีพระราชทาน” ที่มีความเป็นกลางและมีความสามารถเพื่อเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ที่ยืดเยื้อ เพราะยิ่งช้า ประชาชนก็ยิ่งลำบากมากขึ้น
.
สำหรับบรรยากาศการค้าชายแดนช่องจอมในช่วงนี้ พบว่ามีฝนตกเป็นระยะ ร้านค้าหลายแห่งยังคงปิด เพราะชาวกัมพูชาบางส่วนกลับประเทศ และผู้ค้าชาวไทยก็ยังไม่มั่นใจสถานการณ์ ขณะที่ร้านขายพืชผักและของสดบางร้านยังเปิดบริการ เพื่อรองรับลูกค้าประจำ แม้ยอดขายจะไม่ดีนัก โดยบางครอบครัวยังเตรียมเก็บเงินสำรองไว้สำหรับการอพยพรอบใหม่ หากสถานการณ์ชายแดนยังไม่คลี่คลาย
.
.
ฉากทัศน์ ‘รบ.เพื่อไทย’ หลัง ‘คดีคลิปเสียง’ ฮุนเซน
https://www.matichon.co.th/politics/politics-in-depth/news_5342290
.
คดีคลิปเสียง – หมายเหตุ – ความเห็นนักวิชาการมองฉากทัศน์รัฐบาลของพรรคเพื่อไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป หลังจากผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2568 กรณีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ กรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร (ผู้ถูกร้อง) กับสมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา
.
วันวิชิต บุญโปร่ง
อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
.
ฉากทัศน์ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องยอมรับว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม อยู่ในสถานะที่แปรปรวนพอสมควร ทุกคนก็พยายามที่จะทำให้ทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติและนิ่งที่สุดในกรณีที่ น.ส.แพทองธารไม่ได้ไปต่อ แน่นอนว่าอาจจะต้องปรับกระบวนทัพให้ไวขึ้น ต้องมีการแต่งตั้ง หรือหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งเหลือ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ปิดเกมให้เร็วที่สุด
.
หากมัวแต่เงื้อง่าราคาแพง อำนาจต่อรองจะเปลี่ยนไป โดยเฉพาะท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล จะมีอำนาจการต่อรองสูงมาก ในขณะเดียวกันอาจจะมีการจัดตั้งรัฐบาลแข่ง เพราะเสียงที่มีเกินกึ่งหนึ่งไม่มาก หรือเสียงปริ่มน้ำ ดังนั้น น.ส.แพทองธาร หากสมมุติว่าไม่ได้ไปต่อ ก็จะมีผลต่อสถานะทางเสถียรภาพทางรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยอย่างมาก อีกทั้งส่งผลต่อขวัญและกำลังใจ
.
ในทางตรงกันข้าม หาก น.ส.แพทองธารได้ไปต่อ การทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีก็เดินหน้าต่อไป แต่ก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและศรัทธา โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และความเชื่อมั่นในทางการเมือง ณ ขณะนี้ น.ส.แพทองธารเปรียบเสมือนคนตายทั้งเป็น
.
บนพื้นที่ความไว้วางใจของสาธารณชนตลอดระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา มันไม่ได้ส่งผลไปในทาง “บวก” เมื่อผลโพลสำรวจจากสำนักต่างๆ ออกมาคะแนนความนิยมของ น.ส.แพทองธาร หรือพรรคเพื่อไทย ตกต่ำอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งน้อยกว่าแคนดิเดตคนอื่นๆ
.
หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาการสำรวจเลยอย่าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่มีคะแนนความนิยมสูงกว่า น.ส.แพทองธาร และพรรคเพื่อไทยได้ สิ่งเช่นนี้เป็นการสะท้อนถึงสถานการณ์ที่ไม่ปกติแล้วสำหรับพรรคเพื่อไทย อีกทั้งการได้ไปต่อ ก็ยังส่งผลถึงแรงกระตุ้นของกลุ่มคนที่ไม่พอใจ กลุ่มคนคิดต่าง จะมารวมตัวชุมนุม อาจจะกลายเป็นม็อบรอบใหม่ เงื่อนไขการกลับมาในครั้งนี้ไม่มั่นใจว่าจะเป็นการเริ่มต้นการชุมนุมกันไปต่อยาวๆ หรือไม่ บรรยากาศไม่สู้ดีในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
.
ก่อนจะถึงวันที่ 29 สิงหาคม ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย ทางรัฐบาลพรรคเพื่อไทยพยายามจะทิ้งทวนหรือการคาดการณ์ไม่ได้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี การบรรจุญัตติต่างๆ โดยเฉพาะคำสั่งการแต่งตั้ง
.
โยกย้ายข้าราชการ ไม่สามารถคาดการณ์หรือประเมินได้ว่า ทิศทางหรืออนาคตของ น.ส.แพทองธาร จะเป็นอย่างไรต่อไป ดังนั้นทิ้งทวนการพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้าย มันจึงมีนัยที่รีบเร่งออกมาเป็นพิเศษ
.
การได้ไปต่อหรือถอดถอนของ น.ส.แพทองธาร สิ่งไหนจะหนักกว่ากันนั้น การไปต่อคือสิ่งที่หนักกว่า เพราะวิกฤตศรัทธา และประชาชนก็เชื่อว่า วิกฤตปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้หาก น.ส.แพทองธารและรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยังอยู่ “กุมบังเหียน” ความเชื่อมั่นต่างๆ มันไม่เกิดขึ้น เป็นหลักฐานประจักษ์พยานว่า ตั้งแต่เกิดการปะทะ การสู้รบ ระหว่างกองทัพไทย-กัมพูชา ยังไม่เห็นคณะรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยไปเยี่ยมทหารที่บาดเจ็บจากปัญหาชายแดน เพียงแค่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าที่อยู่ใกล้ๆ ในกรุงเทพฯ ก็ไม่มี มีในช่วงที่ น.ส.แพทองธารปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ไปเยี่ยมทหารที่เหยียบกับระเบิดที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นานมาแล้ว ไม่มีภาพตรงนั้นอีกเลย
.
เป็นสิ่งที่ขยายความได้ว่า ที่รัฐบาลฝ่ายการเมืองจะอ้างว่า กองทัพเป็นเนื้อเดียวกับฝ่ายการเมือง นั้นไม่น่าจะเป็นความจริงสักเท่าไหร่ ในสายตาที่ประชาชนจับตามองมาตลอด
.
ยิ่งไปกว่านั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแท้ๆ ก็ยังไม่แสดงให้เห็นว่าเป็นเนื้อเดียว หรือในฐานะอดีตผู้บังคับบัญชาที่ไปเยี่ยมทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่ ที่มารักษาตัวที่กรุงเทพฯ สิ่งนี้ก็เป็นบทพิสูจน์แล้วว่า สังคมเคลือบแคลงไม่ไว้วางใจ หรือไม่เชื่อมั่นว่าจะแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างเสร็จสมบูรณ์ได้
.
ภาพในสภาแน่นอนว่า ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย จะมองเป็นคู่ความขัดแย้งใหม่ การเอาคืน ประกอบกับปัจจัยนอกสภา กลุ่มผู้ชุมนุม ก็ได้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ น.ส.แพทองธารและรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นโจทย์ที่ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยเจอโจทย์ทั้งในสภาและนอกสภา ดังนั้น ประชาชนก็จะมองว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะไปต่อได้อีกกี่ระยะ
.
ในช่องทางที่ น.ส.แพทองธารและรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอยู่รอดจนครบเทอม “ไม่มีทางเลย” ในแง่ของกลไกและวิธีการต้องตามใจข้าราชการ ตามใจพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อซื้อเวลา ซื้ออำนาจ ก็ต้องอยู่แบบนี้ แต่ตนเองจะไม่มีผลผลิตหรือในเชิงนโยบายคลอดเป็นผลงานออกไปประจักษ์สู่สายตาประชาชน ซึ่งมันจะยากในขั้นต่อไปที่ว่า จะมีอะไรมาชูความสำเร็จในการแก้ปัญหาในช่วงที่ผ่านมา
.
พรอัมรินทร์ พรหมเกิด
อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
.
กรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ฐานผิดจริยธรรมร้ายแรง ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ มีแนวโน้มสูงที่จะไม่รอดจากความผิด เพราะคำว่าจริยธรรมมีความหมายที่กว้าง ตีความได้หลายอย่าง จริยธรรมเป็นการพูดถึงพฤติกรรม การกระทำของคนว่าสมควรหรือไม่สมควรในสถานการณ์หนึ่ง กรณีของ น.ส.แพทองธาร แตกต่างจากคดีของนายทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่ในฐานความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นประมาท ตามมาตรา 112 ต้องมีหลักฐานชัดเจนจึงจะมีความผิด
.
หากหลักฐานไม่ชัดเจนศาลจะยกฟ้อง แต่กรณีของ น.ส.แพทองธาร ต่างกัน อย่างน้อย 2 ประเด็นที่คำพูดของ น.ส.แพทองธารพูดกับฮุน เซน ในคลิปที่ถูกปล่อยออกมา มีความล่อแหลมที่จะเป็นการละเมิดจริยธรรมร้ายแรง ประเด็นที่ 1 น.ส.แพทองธารพูดทำนองว่า ตอนนี้คะแนนนิยมของตนเองตกต่ำมาก และถูกคนไทยมองว่าเป็นรัฐบาลที่เข้าข้างฝ่ายกัมพูชา การพูดทำนองนี้เป็นการชี้ให้เห็นการมองผลประโยชน์ของตนเองเป็นที่ตั้ง ไม่ได้มองผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง เป็นการพูดขอความเห็นใจจากฮุน เซน ไม่ใช่เรื่องเทคนิคการเจรจาต่อรอง
.
ประการที่ 2 คือ การที่ น.ส.แพทองธารพูดถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าไม่ใช่ฝ่ายเรา เรื่องนี้มองว่าแก้ตัวได้ยาก ซึ่งคำพูดนี้ไม่ใช่การเจรจาต่อรองเช่นกัน เพราะการเจรจาต่อรองต้องพูดในสถานะที่เท่าเทียมกันกับคู่เจรจา เป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมในฐานะผู้นำประเทศ
.
ถ้า น.ส.แพทองธารไม่รอดในครั้งนี้ เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยเตรียมแผนสำรองไว้แล้ว ด้วยการดันนายชัยเกษม นิติสิริ ขึ้นมารับช่วงต่อ แต่จะสร้างความลำบากใจให้กับพรรคเพื่อไทยพอสมควร เพราะอำนาจในการต่อรองของพรรคเพื่อไทยจะต่ำลง ต้องขอความร่วมมือจากพรรคร่วมต่างๆ
.
ตอนนี้พรรคร่วมมีโอกาสขี่คอได้สูง และคิดว่าตัวพรรคร่วมเองก็ยังต้องการเป็นรัฐบาล เพราะถ้าร่วมในแนวอนุรักษนิยมก็ไม่มีทางไป เนื่องจากพรรคร่วมบางพรรครู้ว่าคะแนนนิยมของพรรคตนเองมาถึงจุดต่ำแล้วเหมือนกัน จึงต้องร่วมมือกันไว้ ขณะที่นายทุนเคยสนับสนุนพรรคร่วมรัฐบาล เริ่มถอยห่างเพราะมองว่า พรรคร่วมรัฐบาลคงไปต่อไม่ไหวแล้ว ดังนั้นในภาพรวมพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลก็ยังคงจับมือกันอยู่ แต่อำนาจต่อรองจะลดลง
.
แต่หากวันที่ 29 สิงหาคมนี้ น.ส.แพทองธารรอดจากคำตัดสิน แต่คะแนนนิยมก็ไม่มีโอกาสกลับคืนมาได้ มันเหมือนรถยางแตกที่ไปต่อได้ยาก เพราะหมดความชอบธรรมทางการเมืองแล้ว แม้จะพยายามยื้อแต่มองว่า ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของตระกูลชินวัตรที่จะดิ้นให้สุด
JJNY : อยากได้นายกฯ คนใหม่ที่เป็นกลาง│ฉากทัศน์หลัง ‘คดีคลิปเสียง’│ชายแดนสระแก้วเงียบเหงา│ผู้ประท้วงอินโดนีเซียปะทะตำรวจ
.
.
.
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ถือเป็นวันสำคัญที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในคดี “คลิปเสียง” ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดยศาลนัดออกนั่งบัลลังก์เวลา 15.00 น. เพื่ออ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีรับฟัง
.
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ต่อสถานการณ์ทางการเมือง
.
นายสุพรรณ รักษา พ่อค้าหมูสดฝั่งตรงข้ามตลาดชายแดน กล่าวว่า ตนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่สามารถเข้ามาบริหารประเทศได้จริง โดยเฉพาะแก้ไขปัญหาชายแดนที่ยืดเยื้อมานาน เพราะส่งผลกระทบต่อการค้าขายอย่างหนัก “ชาวบ้านเดือดร้อนกันมาก ค้าขายไม่ได้ คนเงียบแทบทั้งตลาด”
.
ด้านนางสาวอรุณ วรรณจีบสุข แม่ค้าขายผลไม้ในตลาดชายแดน เปิดเผยว่า อยากได้ผู้นำใหม่ที่จริงใจและมุ่งมั่นพัฒนาประเทศ พร้อมแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและชายแดนอย่างจริงจัง ไม่ใช่การเมืองที่มีคนบงการอยู่เบื้องหลัง “เราทำมาหากินลำบากมาก ต้องเลี้ยงครอบครัวและลูกน้อง แต่ช่วงนี้ขาดทุนตลอด อยากให้นายกฯ คนใหม่ มาช่วยพัฒนาและทำให้ประชาชนอยู่ได้จริง”
.
เธอยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ภาคประชาชนชายแดนต้องการมาตรการช่วยเหลือจากสถาบันการเงินและธนาคาร ทั้งการผ่อนผันการชำระหนี้และสินเชื่อระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อบรรเทาภาระที่เกิดจากปัญหาชายแดน
.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บางส่วนของประชาชนในพื้นที่ยังเรียกร้อง “นายกรัฐมนตรีพระราชทาน” ที่มีความเป็นกลางและมีความสามารถเพื่อเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ที่ยืดเยื้อ เพราะยิ่งช้า ประชาชนก็ยิ่งลำบากมากขึ้น
.
สำหรับบรรยากาศการค้าชายแดนช่องจอมในช่วงนี้ พบว่ามีฝนตกเป็นระยะ ร้านค้าหลายแห่งยังคงปิด เพราะชาวกัมพูชาบางส่วนกลับประเทศ และผู้ค้าชาวไทยก็ยังไม่มั่นใจสถานการณ์ ขณะที่ร้านขายพืชผักและของสดบางร้านยังเปิดบริการ เพื่อรองรับลูกค้าประจำ แม้ยอดขายจะไม่ดีนัก โดยบางครอบครัวยังเตรียมเก็บเงินสำรองไว้สำหรับการอพยพรอบใหม่ หากสถานการณ์ชายแดนยังไม่คลี่คลาย
.
.
ฉากทัศน์ ‘รบ.เพื่อไทย’ หลัง ‘คดีคลิปเสียง’ ฮุนเซน
https://www.matichon.co.th/politics/politics-in-depth/news_5342290
.
อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
โยกย้ายข้าราชการ ไม่สามารถคาดการณ์หรือประเมินได้ว่า ทิศทางหรืออนาคตของ น.ส.แพทองธาร จะเป็นอย่างไรต่อไป ดังนั้นทิ้งทวนการพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้าย มันจึงมีนัยที่รีบเร่งออกมาเป็นพิเศษ
อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น