ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น-จีน ปรับฐานราคา เปิดตัวใหม่ลดหลักแสน และ BYD แซง Tesla ต่อในยุโรป ยอดขายรถจีนพุ่ง 3 เท่าในตลาดอียู

ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น-จีน ปรับลดราคาหวังรักษายอดขาย ทั้งกลุ่ม ICE และรถยนต์ไฟฟ้า แม้ตลาดรวม 7 เดือนที่ผ่านมา ตก 1% แย้มทีเด็ดปลายปีอัดโปรโมชันได้อีก ก่อนเริ่มใช้ภาษีสรรพสามิตใหม่ และ EV3.5 ที่อาจทำให้รถปีหน้าราคาขึ้น
ตลาดรถยนต์ 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.- ก.ค.68) ยอดขายรวม 351,796 คัน ถือว่าทรงตัว เพราะเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ลดลงแค่ 1% คาดว่าทั้งปีตัวเลขจะถึง 6 แสนคัน (ปี 2567 ทำได้ 5.7 แสนคัน) แต่ยังถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดี เพราะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายราย ประเมินศักภาพตลาดรถยนต์ไทยไว้ที่มากกว่า 8 แสนคันต่อปี

จากโมเดลธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ การวางแผนขยายดีลเลอร์ หรือให้ดีลเลอร์ลงทุนเพิ่มเติม บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ออกแบบไว้สำหรับตลาด 8 แสน - 1 ล้านคันต่อปี ทว่าปัจจุบันยอดขายไม่ใกล้เคียงกับเป้าหมายดังกล่าว

ขณะที่สภาพตลาดรถยนต์ซบเซา และมีผู้เล่นเข้ามามากขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันดุเดือด หลายค่ายจึงต้องปรับกลยุทธ์ราคาใหม่ ทั้ง ขยับโครงสร้างราคาขายต่ำลง หรือในโอกาสที่เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ตัดสินใจใช้โปรโมชันลดราคาทันที
โอโมดา เจคู ปรับกลยุทธ์ราคา

EV รุ่นที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ขณะนี้คือ JAECOO 5 (นำเข้าจากจีน) ที่ทำราคาช่วงเปิดตัวลดลงมาทันที 80,000 บาท โดยแจ้งว่าเป็นโปรโมชัน 1,000 คันแรก

อย่างไรก็ตาม หลังการเปิดตัว 19 สิงหาคม ถึงปัจจุบันมียอดจองเข้ามากว่า 2,000 คันแล้ว แต่ลูกค้ายังได้รับส่วนลดดังกล่าวต่อไป โดย JAECOO 5 EV Long Range Dynamic ราคา 549,000 บาท และรุ่น Long Range Max 599,000 บาท

นายพิชญุตม์ วงศ์พัฒนาสิน รองประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า JAECOO 5 EV บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ 1,000 คันต่อเดือน ตอบโจทย์ผู้ที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าราคาสมเหตุสมผล มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย

“ที่ผ่านมา การตั้งราคาขายของเราอาจจะยังไม่ถูกต้อง เช่น OMODA C5 EV ต้องมาปรับฐานราคาใหม่ แต่จากนี้ไปเราจะกำหนดราคาที่ถูกต้องตั้งแต่เปิดตัวในครั้งแรก ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงโปรดักต์ได้ง่าย และไม่ต้องกังวลเรื่องการลดราคาภายหลัง”

โตโยต้า-มาสด้า ทำราคาเข้าถึงง่าย
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า การเปิดตัว Toyota Yaris Ativ HEV จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการของลูกค้าในตลาดอีโคเซกเมนต์ เน้นความคุ้มค่าในระยะยาว และเป็นเจ้าของง่าย

สำหรับ Toyota Yaris Ativ HEV แบ่งการขายเป็น 2 รุ่นย่อย ช่วงเปิดตัว ทำราคาพิเศษจนถึงสิ้นปีนี้ คือให้ส่วนลด 1 หมื่นบาท โดยรุ่น Premium ราคา 719,000 บาท และ GR-Sport ราคา 769,000 บาท

นอกจากนี้ ยังเตรียมข้อเสนอพิเศษ ผ่อนเริ่มต้น 6,443 บาทต่อเดือน หรือ เลือกรับฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดสูงสุด 10 ปี โดย Toyota Yaris Ativ HEV ตั้งเป้าหมายการขายไว้ 20,000 คัน ภายใน 1 ปี

ส่วนเป้าหมายยอดขายรวมปีนี้ โตโยต้าตั้งไว้ 2.3 แสนคัน ครองส่วนแบ่งการตลาด 38% เท่าปี 2567 ขณะที่ตลาดรวมคาดว่าจะทำได้ 6.0 - 6.1 แสนคัน

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การเปิดตัว New Mazda CX-30 Essential เป็นการปรับเปลี่ยนรุ่นย่อยใหม่ และปรับราคาใหม่ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าคุ้มราคามากยิ่งขึ้น โดยรุ่นเริ่มต้นราคาเข้าถึงได้ง่าย 899,000 บาท
“มาสด้า พัฒนาและออกแบบรุ่นย่อยใหม่ โดยคัดสรรอุปกรณ์ให้เหมาะสมและจำเป็นต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันทุกรูปแบบ พร้อมราคาใหม่ที่ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น โดยวางกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่กำลังมองหารถเอสยูวีสไตล์ใหม่”

BYD ส่งออกระบายสต๊อก
ด้านบีวายดี และเรเว่ ออโตโมทีฟ เพิ่งเปิดตัว BYD SEAL 5 DM-i ซีดานปลั๊ก-อินไฮบริด ราคาต่ำที่สุดในตลาด พร้อมลดราคาเหลือ 699,900 บาท (รุ่น Premium) จากราคาปกติ 769,900 บาท

นายหยู่ปิน เคอ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า BYD SEAL 5 DM-i SUPER HYBRID ช่วง Early Bird ราคา 699,900 บาท ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม – 30 กันยายน 2568 ซึ่งมีพร้อมส่งมอบทันที 

“การนำ BYD SEAL 5 DM-i SUPER HYBRID รุ่นพวงมาลัยขวา มาประกอบที่โรงงานผลิตรถยนต์ บีวายดี จ.ระยอง เป็นรถยนต์รุ่นที่ 4 ของ บีวายดี ที่ผลิตในประเทศไทย แสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ซีดานในไทย ด้วยการนำขุมพลัง DM-i SUPER HYBRID ซึ่งเป็นขุมพลัง PHEV มาใช้ในรถยนต์กลุ่มนี้เป็นรายแรก”

สำหรับบีวายดี ยังต้องผลิตชดเชยรถยนต์ไฟฟ้า EV ตามมาตรการ EV 3.0 อีกเกือบ 2 หมื่นคัน แต่เชื่อว่าจะบริหารจัดการได้ตามแผน จากการมีตลาดในประเทศ และส่งออกรองรับ

ล่าสุด ส่งออก BYD DOLPHIN พวงมาลัยซ้ายและขวา ไปยัง เยอรมนี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ จำนวน 959 คัน จากที่ก่อนหน้านี้มีการส่งออก BYD SEALION 6 DM-i (ปลั๊ก-อินไฮบริด) ไปเวียดนามจำนวนหนึ่งแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม (รุ่นนี้ไม่เกี่ยวกับชดเชยตามมาตรการ EV 3.0)
“ก่อนที่บีวายดี ตัดสินใจเข้ามาทำธุรกิจ และตั้งโรงงานในไทย ประเมินว่าตลาดรถยนต์ของไทยมียอดขายระดับ 8 แสนคันต่อปี แต่ในปี 2567 ทำได้ 5.7 แสนคัน และปีนี้คาดว่าตลาดรวมจะไม่ถึง 6 แสนคัน” นายหยู่ปิน เคอ กล่าว




อีวีจีนบุกหนักยุโรป! ยอดจดทะเบียน BYD แซง Tesla ต่อเนื่อง แม้แต่ SAIC ก็แซงแล้ว ขณะยอดขายรถจีนพุ่ง 3 เท่าในตลาดอียู

สมาคมผู้ผลิตยานยนต์ยุโรป (ACEA) เปิดเผยยอดขายรถยนต์ใหม่ในยุโรปเดือนก.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.9% โดยยอดขายใน "เยอรมนี" พุ่งสูงขึ้น และช่วยชดเชยยอดที่ลดลงในอังกฤษ ฝรั่งเศส และอิตาลีได้ ในขณะที่ค่ายรถจีนอย่าง "BYD" สามารถเอาชนะรถอเมริกันอย่าง "Tesla Inc." ไปได้อีกครั้ง จากที่แซงไปครั้งแรกเมื่อเดือนเม.ย. และตอกย้ำการขยายตัวเชิงรุกของรถยนต์จีนในยุโรป

จำนวนการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ของ BYD เพิ่มขึ้นมากกว่า "สามเท่า" จากปีก่อน เป็น 9,698 คันทั่วสหภาพยุโรป (อียู) ในเดือนก.ค. 2568 และเมื่อรวมอีก 5 ประเทศยุโรปอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในอียู ซึ่งรวมถึงสหราชอาณาจักร ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ นอร์เวย์ และสวิตเซอร์แลนด์แล้ว จะเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่าเป็น 13,503 คัน

ทั้งนี้ ผู้ผลิตรถยนต์จีนกำลังขยายธุรกิจเชิงรุกในตลาดยุโรป โดยแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่งในประเทศด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาค่อนข้างถูก และหลากหลาย ซึ่งนอกจาก BYD แล้ว ค่ายใหญ่อย่าง SAIC Motor ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ 1 ใน 4 บิ๊กโฟร์วงการรถยนต์จีน ก็มียอดขายแซงหน้า Tesla ในยุโรปเดือนก.ค. เช่นกัน

ในทางกลับกัน ยอดจดทะเบียนของ Tesla ลดลงมากกว่า 42% เหลือเพียง 6,600 คัน และเป็นการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในยุโรปเป็น "เดือนที่เจ็ด" ติดต่อกัน เมื่อยอดจดทะเบียนลดลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยเดือนธ.ค. 2567 เป็นเดือนสุดท้ายที่ Tesla มียอดขายในอียูเพิ่มขึ้นโดยเติบโต 5.9% 

สำหรับภาพรวมของตลาดยุโรปนั้นมีสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังฟื้นตัว โดยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ล้วน (BEV) เพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เฉพาะในเยอรมนีประเทศเดียวเติบโตขึ้น 58% ส่วนยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฮบริดไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 14% ขณะที่รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เพิ่มขึ้น 57%

ยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในอียูโดยรวมเพิ่มขึ้น 7.4% ในเดือนก.ค. เป็น 914,680 คัน ยอดขายเพิ่มขึ้น 11% ในเยอรมนี แต่ลดลง 7.7% ในฝรั่งเศส และ 5.1% ในอิตาลี ส่วนกลุ่ม "Volkswagen" ของเยอรมนีมียอดขายเติบโตเกือบ 14% ส่วน Stellantis เจ้าของแบรนด์ Jeep และ Dodge มียอดจดทะเบียนรถยนต์โดยรวมลดลง 0.9% 


แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่