รวมหุ้นเทพ ขนาดใหญ่ของโลก แบบบริษัทยังก่อตั้งมาไม่นาน 10-20 ปี

รวมหุ้นเทพ ขนาดใหญ่ของโลก แบบบริษัทยังก่อตั้งมาไม่นาน 10-20 ปี (ก่อตั้งหลังปี 1995) แต่โตมาได้ระดับ $100 Billion แล้ว ถือว่าเร็วมากๆ บางตัวแตะ Trillion

บริษัทแบบนี้ส่วนใหญ่มักจะมีของและน่าศึกษามากๆครับ วันนี้ผมสรุปธุรกิจและ Investment Thesis ของแต่ละตัวมาให้ เผื่อให้เพื่อนๆไปต่อยอดศึกษากันต่อนะครับ

List เบื้องต้น

1.Google (Alphabet Inc.) #GOOGL – ก่อตั้งปี 1998
2.Meta Platforms #META – ก่อตั้งปี 2004
3.Tesla #TSLA – ก่อตั้งปี 2003
4.Netflix #NFLX – ก่อตั้งปี 1997
5.SpaceX (Private) – ก่อตั้งปี 2002
6.Palantir Technologies #PLTR – ก่อตั้งปี 2003
7.OpenAI (Private) – ก่อตั้งปี 2015
8.Salesforce #CRM – ก่อตั้งปี 1999
9.ServiceNow #NOW – ก่อตั้งปี 2004
10.Intuitive Surgical #ISRG – ก่อตั้งปี 1995
11.Uber Technologies #UBER – ก่อตั้งปี 2009
12.Spotify #SPOT – ก่อตั้งปี 2006
13.Shopify #SHOP – ก่อตั้งปี 2006
14.Palo Alto Networks #PANW – ก่อตั้งปี 2005
15.MercadoLibre #MELI – ก่อตั้งปี 1999
16.CrowdStrike #CRWD – ก่อตั้งปี 2011
17.Arista Networks #ANET – ก่อตั้งปี 2004
18.AppLovin #APP – ก่อตั้งปี 2012
19.DoorDash #DASH – ก่อตั้งปี 2013

มาดูรายละเอียดสรุปกันต่อเลย

1.Google #GOOGL
Google คือเจ้าพ่อ Search และโฆษณาดิจิทัลที่ผูกขาดด้วยฐานผู้ใช้มหาศาลและ Data ecosystem ตั้งแต่ Search, YouTube จนถึง Cloud จุดแข็งคือ network effect และความได้เปรียบจากการลงทุนใน AI มาตลอด

รายได้ยังขยายได้จากการยกระดับ Search ด้วย AI, YouTube ที่กำลังโตแรงฝั่ง CTV และ Commerce รวมถึง Google Cloud ที่เริ่มทำกำไรและเติบโตต่อเนื่อง

แรงขับของธุรกิจคือการเปลี่ยนโลกไปสู่ AI-first และการใช้จ่ายใน Digital advertising ที่โตไปพร้อม E-commerce และการเสพคอนเทนต์ออนไลน์

ความเสี่ยงหลักคือแรงกดดันด้านกฎหมาย Antitrust ที่อาจบังคับให้แยกธุรกิจ อีกด้านคือคู่แข่ง AI assistants หรือ open-source อาจเบนพฤติกรรมผู้ใช้ไปจากการ search แบบเดิม

2.Meta #META
Meta คือเจ้าของ Social Media ยักษ์ใหญ่ที่คนทั่วโลกใช้งานทุกวัน ทั้ง Facebook, Instagram, WhatsApp และ Messenger จุดแข็งคือฐานผู้ใช้ระดับ global, AI ranking และความสามารถในการ monetize ผ่าน targeted ads

อนาคตสดใสมากจากการทำเงินผ่าน Reels, AI automation โฆษณา, WhatsApp business และการซื้อหุ้นคืนที่อัด EPS ได้แรง

แรงผลักสำคัญคือ Social commerce และ Messaging commerce ที่มาแรงทั่วโลก บวกกับการพัฒนา AR/VR ที่จะเป็นจุดเริ่มของการเปลี่ยน user interface ในอนาคต

แต่ความเสี่ยงคือการแข่งขันจาก TikTok ที่แย่ง engagement, กฎเกณฑ์ privacy ที่บีบการทำโฆษณา และเม็ดเงินลงทุนมหาศาลใน Metaverse ที่อาจไม่คืนผลตอบแทน

3.Tesla #TSLA
Tesla คือตัวจริงในตลาด EV ด้วยจุดแข็งด้าน Vertical integration, Brand ที่แข็งแรง และ Cost efficiency ที่ทำให้เจ้าอื่นตามยาก ทั้งรถยนต์, แบตเตอรี่, Software และเครือข่าย Supercharger

ถ้าหาก Robotaxi หรือ Full Self-Driving ทำสำเร็จ จะเปลี่ยน Tesla จากผู้ผลิตรถไปเป็น Tech platform high-margin ที่กินส่วนแบ่งใหญ่ของ ecosystem ขนส่ง และธุรกิจ Energy storage ก็กำลังโตแรง

แรงขับสำคัญคือการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาดที่ทั่วโลกผลักดัน รวมถึง Autonomous driving ที่มีศักยภาพพลิกทั้งอุตสาหกรรม

ความเสี่ยงคือการแข่งขันราคารุนแรงโดยเฉพาะจากจีน, กำไรต่อคันถูกบีบลง, ความล่าช้าของเทคโนโลยี autonomy และ Key man risk ที่ผูกติด Elon Musk อย่างหนัก

4.Netflix #NFLX
Netflix คือผู้นำตลาด Streaming ระดับโลกที่สร้าง Content original เองจำนวนมากและมี Algorithm แนะนำคอนเทนต์ที่ช่วยลด churn ได้ดี จุดแข็งคือ Brand ที่แข็งแรงและ Scale ที่คู่แข่งยากจะแซงทัน

รายได้ยังโตได้จาก Tier โฆษณาที่เปิดใหม่, การกวาดรายได้จากการแชร์รหัสผ่าน, และการ optimize content spend ให้ Margin ขยายขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ

แรงขับคือพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกที่หันมาเสพสื่อผ่าน Streaming มากขึ้น และการเปลี่ยนจากทีวีไปสู่ on-demand ทำให้ Netflix ได้อานิสงส์เต็ม ๆ

แต่ความเสี่ยงคือค่าใช้จ่ายด้าน Content ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ และการแข่งขันดุเดือดจาก Disney+, Amazon, YouTube ซึ่งอาจจำกัด Pricing power และกดดัน Free cash flow

5.SpaceX #Private
SpaceX ครองตลาดการปล่อยดาวเทียมและจรวดด้วยนวัตกรรม Reusable rockets ที่ทำให้ต้นทุนต่ำกว่าเจ้าอื่นแบบขาดลอย แถมยังมี Starlink ที่สร้าง recurring revenue แบบ subscription

อนาคตสดใสเพราะ Starlink สามารถกลายเป็นเครื่องจักรพิมพ์เงินระดับโลก และสัญญาจาก NASA/DoD ทำให้รายได้มั่นคงต่อเนื่อง รวมถึง optionality จากภารกิจระหว่างดาวเคราะห์

แรงขับคือความต้องการ Internet broadband ทั่วโลก โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกล รวมถึงการใช้จ่ายด้านอวกาศและ Defense ที่กำลังโตต่อเนื่อง

แต่ความเสี่ยงคือ Capital intensity มหาศาล, ความไม่แน่นอนในการทำกำไรของ Starlink และการพึ่งพิงการเมือง/รัฐบาลสหรัฐที่อาจเปลี่ยนทิศทางได้ทุกเมื่อ

6. Palantir #PLTR
Palantir คือบริษัท Data analytics ที่เน้นงานซับซ้อนทั้งภาครัฐและเอกชน จุดแข็งคือการฝังลึกกับหน่วยงานรัฐแบบยาวนานและมี switching cost สูง ทำให้ลูกค้าหนีออกได้ยาก

รายได้ยังโตได้จากความต้องการ Defense AI และการใช้ Foundry ในภาคธุรกิจที่เริ่มขยายตัวดีขึ้น Margin ก็กำลังพัฒนาไปในทาง SaaS มากขึ้น

แรงขับคือความต้องการด้านข้อมูลและ AI analytics ที่โตต่อเนื่อง ทั้งในด้านความมั่นคงและองค์กรที่ต้องการตัดสินใจบน Data

แต่ความเสี่ยงคือพอร์ตที่ยังพึ่งพิงสัญญารัฐบาลสูง ทำให้รายได้ผันผวนไปตามรอบการเมือง และ Valuation ที่แพงมากเมื่อเทียบกับการเติบโต อาจทำให้ราคาหุ้นเหวี่ยงแรง

7.OpenAI #Private
OpenAI คือบริษัทที่สร้าง Foundation model อย่าง GPT และกระจายไปผ่าน ChatGPT, API และพาร์ทเนอร์เช่น Microsoft จุดแข็งคือการเป็นผู้นำ Research และ Brand ที่แข็งมากในตลาด AI

รายได้โตได้จากการขาย API, การ custom fine-tunes สำหรับองค์กร และ ecosystem ของ AI agents ที่เริ่มจะกลายเป็น use case ขนาดใหญ่

แรงขับคือ Megatrend ของ AI ที่กำลังจะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับทุกธุรกิจ ตั้งแต่ Productivity tools, Developer platform ไปจนถึง Consumer apps

แต่ความเสี่ยงคือค่า Compute ที่สูงมหาศาลจนกด Unit economics, การแข่งขันจาก Open-source model ที่อาจกลายเป็น Commodity และการพึ่งพา Microsoft มากเกินไป

8.Salesforce #CRM
Salesforce คือเจ้าตลาด CRM Cloud ที่ขยาย Ecosystem ครอบคลุม Sales, Service, Marketing, Analytics และ Integration จุดแข็งคือความเป็น Suite ใหญ่ที่องค์กรใช้แล้วเปลี่ยนยาก

อนาคตยังโตจากการอัปขาย Product หลายโมดูล, การเอา AI มาเสริม (Einstein, Agentforce) และ Efficiency program ที่ช่วยขยาย Margin และ Free cash flow

แรงขับคือ Digital transformation และ AI adoption ในองค์กร ที่ทำให้ทุกบริษัทต้องเก็บ-ใช้ข้อมูลลูกค้าแบบ 360 องศา

แต่ความเสี่ยงคือการอิ่มตัวของที่นั่งในองค์กรใหญ่, การแข่งขันจาก Microsoft และ Cloud อื่น ๆ และความซับซ้อนของระบบที่อาจทำให้วงจรขายยาวขึ้น

9.ServiceNow #NOW
ServiceNow เป็น Workflow automation platform ที่องค์กรใช้จัดการงาน IT, HR, Customer service จุดแข็งคือเป็นระบบกลางที่ทำให้กระบวนการซับซ้อนราบรื่นขึ้น และขยายต่อไปยัง Industry solutions ได้เรื่อย ๆ

รายได้โตจากการ cross-sell โมดูลใหม่, Net retention สูง และ AI-driven workflow ที่เพิ่ม productivity ให้องค์กร

แรงขับคือเมกะเทรนด์ Automation และ AI ที่เข้ามาแทน Manual processes ในองค์กรทั่วโลก

แต่ความเสี่ยงคือการแข่งขันจาก Hyperscaler หรือ Best-of-breed tools ที่อาจกดดัน ROI และทำให้ลูกค้าชะลอการขยาย

10.Intuitive Surgical #ISRG
Intuitive Surgical คือเจ้าตลาดผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ (da Vinci system) ที่กินส่วนแบ่งตลาดชัดเจน และสร้างรายได้ recurring จากอุปกรณ์และบริการที่ต้องใช้ตามจำนวนการผ่าตัด

รายได้โตจากจำนวน procedures ที่เพิ่มทั่วโลก, การขยาย indication ใหม่ ๆ และระบบหุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่เพิ่ม Utilization ต่อเครื่อง

แรงขับคือ Aging population และความต้องการ Minimally invasive surgery ที่เป็นมาตรฐานใหม่ของการแพทย์

แต่ความเสี่ยงคือค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลที่ถูกกดดัน ทำให้การซื้อเครื่องใหม่ชะลอ และคู่แข่งที่เริ่มเข้าสู่ตลาด Surgical robotics

11.Uber #UBER
Uber เป็น Global marketplace ที่เชื่อม Rider–Driver และ Delivery–Merchant จุดแข็งคือ Network density และ Ecosystem ที่ใช้ Cross-sell ได้

รายได้โตจากการขยาย Ads ในแอป, Subscription อย่าง Uber One และการเชื่อม Mobility–Delivery ที่ทำให้ลูกค้าใช้บ่อยขึ้น

แรงขับคือการย้ายพฤติกรรมผู้บริโภคไปสู่ On-demand mobility และ Food delivery ที่กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานในชีวิตประจำวัน

แต่ความเสี่ยงคือแรงกดดันด้านกฎระเบียบเรื่องการจ้างคนขับ, การแข่งขันเรื่อง Subsidy และภาวะเศรษฐกิจที่กระทบ Demand

12.Spotify #SPOT
Spotify คือแพลตฟอร์ม Music streaming ใหญ่สุดในโลกที่เน้น personalization และ engagement จุดแข็งคือ Data-driven recommendation และความสัมพันธ์กับผู้ใช้ทั่วโลก

รายได้โตจาก Ads, Audiobooks, การขึ้นราคา Premium และ Marketplace tools ที่ขยาย Margin

แรงขับคือเมกะเทรนด์ Audio consumption ทั่วโลก ทั้ง Music, Podcast และ Audiobooks ที่ยังโตต่อ

แต่ความเสี่ยงคืออำนาจต่อรองของค่ายเพลงที่สูง, ต้นทุน content ที่กดดัน Gross margin และการอิ่มตัวของ Premium ในตลาดหลัก

13. Shopify #SHOP
Shopify คือ Commerce platform ที่เป็นระบบปฏิบัติการให้ร้านค้าทั่วโลก ตั้งแต่ storefront, Payments, Logistics จนถึง Checkout จุดแข็งคือ Ecosystem ที่ร้านค้า plug-in ได้ง่าย

รายได้โตจากการ cross-sell Payments, Capital, Apps และการบุกตลาด Enterprise ผ่าน Shopify Plus และ Checkout integrations

แรงขับคือเมกะเทรนด์ E-commerce และ D2C brand ที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานแบบ flexible

แต่ความเสี่ยงคือการแข่งขันจาก Amazon, BigCommerce และการพึ่งพา Partner logistics ที่ทำให้การขยาย fulfillment มีข้อจำกัด

14.Palo Alto Networks #PANW
Palo Alto Networks คือ Cybersecurity platform ที่รวม Network, Cloud และ SOC ไว้ด้วยกัน จุดแข็งคือการ consolidate vendor และการใช้ AI detection

รายได้โตจากการ cross-sell platform, AI-powered security และ Operating leverage จากการได้ลูกค้า consolidate

แรงขับคือ Cybersecurity spending ที่โตต่อเนื่องจาก AI, Cloud adoption และภัยคุกคามใหม่ ๆ

แต่ความเสี่ยงคือ Budget scrutiny ทำให้การปิดดีลชะลอ และการแข่งขันจาก Best-of-breed tools ที่อาจกัด share

15.MercadoLibre #MELI
MercadoLibre คือ E-commerce และ Fintech ecosystem ที่ใหญ่ที่สุดใน LatAm ครอบคลุม Marketplace, Payments, Credit และ Logistics จุดแข็งคือ Network density ใน region

รายได้โตจาก Fintech monetization, Ads และ Fulfillment ที่ scale ขึ้นทำให้ Margin ดีขึ้น

แรงขับคือ E-commerce penetration และ Digital payment adoption ใน LatAm ที่ยังต่ำเมื่อเทียบกับตลาดพัฒนาแล้ว

แต่ความเสี่ยงคือ FX volatility, Credit risk และการแข่งขันที่รุนแรงใน region

16.CrowdStrike #CRWD
CrowdStrike คือ Cloud-native endpoint security platform ที่สร้างบน Falcon จุดแข็งคือ Detection efficacy และ module expansion

รายได้โตจากการ cross-sell Module ใหม่, Cloud/Identity security และ AI analyst ที่ช่วยลด Cost SOC

แรงขับคือ Cybersecurity demand ที่โตไปพร้อม Cloud และ AI adoption

แต่ความเสี่ยงคือการแข่งขันเรื่องราคา, Platform overlap และความเสี่ยง Reputation หากเกิด breach

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่