JJNY : พายุคาจิกิถล่ม แม่ฮ่องสอนอ่วม│พริษฐ์แนะยอมรับ20บ.ตลอดสาย‘ช้า’│ห่วงญาติแต่ไม่ยอมเสียอธิปไตย│ปากีสถานเตือนภัยสูงสุด

พายุคาจิกิถล่ม แม่ฮ่องสอนอ่วม น้ำป่าหลากท่วมหลายพื้นที่ ผู้ว่าฯสั่งตั้งวอร์รูมติดตามใกล้ชิด
.
.
ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามเฝ้าระวังและพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ จากเหตุอุทกภัยจากอิทธิพล พายุไต้ฝุ่นคาจิกิ ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น
.
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน สั่งการ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกระดับ ทุกพื้นที่ ติดตามเฝ้าระวัง และให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่นคาจิกิ ซึ่งเกิดฝนตกติดต่อกันในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำให้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 3 อำเภอ 4 ตำบล 8 หมู่บ้าน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด ขณะที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด พร้อมประสานการปฏิบัติ ระหว่างหน่วยงาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและเตรียมปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการฯ
.
โดยพื้นที่ได้รับความเสียหายหนักตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ คือในพื้นที่ของตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน น้ำป่าไหลหลากจากยอดดอยห้วยตำข่อน ทิศตะวันออกของหมู่บ้าน หลากเข้าท่วมบ้านเรือน มีชาวบ้านติดค้างอยู่ในบ้านหลายราย นายอมร ศรีตระกูล กำนันตำบลผาบ่องพร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ระดมกำลังเข้าให้การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะกระแสน้ำไหลเชี่ยว ไหลผ่านถนนหลวงหมายเลข 108 ในระดับอันตรายและรถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ น้ำป่าในครั้งนี้ถือว่าหนักสุดในรอบ 20 ปี บางส่วนกระแสน้ำหลากเข้าท่วมน้ำพุร้อนผาบ่องจนมิด ในขณะนี้พยายามช่วยเหลือชาวบ้านที่ติดอยู่ตามบ้านเรือนให้ออกมาให้ได้โดยเร็ว
.
ทางพื้นที่อื่นเริ่มได้รับรายงานมากขึ้น โดยพื้นที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย อำเภอปางมะผ้า ในพื้นที่ ตำบลถ้ำลอดหมู่ที่ 1 มีน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบริเวณหน้าถ้ำน้ำลอด ปัจจุบันน้ำลดลงแล้ว หมู่ที่ 3 เกิดฝายน้ำล้นน้ำราง บ้านวนาหลวง แก้มฝายถูกน้ำกัดเซาะชำรุด ด้านที่ทำการปกครองอำเภอปางมะผ้า พร้อมด้วยองค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำลอด ดำเนินการตรวจสอบ และสำรวจความเสียหายแล้ว
.
หมู่ที่ 4 เกิดน้ำป่าจากลำน้ำแม่อูมอง ไหลหลากกัดเซาะ ทำให้วัดพระธาตุผามอน ได้รับผลกระทบ ได้แก่ กุฏิ และโรงอาหาร ขณะที่ ที่ทำการปกครองอำเภอปางมะผ้า พร้อมด้วยองค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำลอด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนในพื้นที่ ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้วพื้นที่ตำบลสบป่อง
หมู่ที่ 3 น้ำแม่ลาง บริเวณบ้านไร่ มีระดับสูงขึ้น โดยล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร ด้านที่ทำการปกครองอำเภอปางมะผ้า พร้อมด้วยองค์การบริหารส่วนตำบลสบป่อง ดำเนินการตรวจสอบ และสำรวจความเสียหายแล้ว
.
สำหรับ พื้นที่อำเภอขุนยวม ตำบลแม่ยมน้อย หมู่ที่ 2 บ้านแม่โกปี่ น้ำป่าไหลหลาก กัดเซาะสะพานชั่วคราวขาด รถไม่สามารถสัญจรได้ ด้าน องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ยวมน้อย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการช่วยเหลือเบื้องต้น
ขณะที่หมู่ที่ 3 น้ำป่าไหลหลาก กัดเซาะคอสะพานขาด บริเวณบ้านหว่าโน รถยนต์ไม่สามารถสัญจรได้ ที่ทำการปกครองอำเภอขุนยวม และองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ยวมน้อย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าดำเนินการช่วยเหลือเบื้องต้น
หมู่ที่ 8 เกิดน้ำป่ากัดเซาะถนน ระหว่างบ้านปางอุ๋ง จังหวัดเชียงใหม่ ถึงบ้านแม่ลาก๊ะเหนือ รถไม่สามารถสัญจรได้ ที่ทำการปกครองอำเภอขุนยวม และองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ยวมน้อย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำเครื่องจักรกล เข้าดำเนินการแก้ไขเบื้องต้นแล้ว
.
สำหรับพื้นที่อำเภอแม่สะเรียง ตำบลเสาหิน หมู่ที่ 1 น้ำแม่แงะ เอ่อท่วมตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร บริเวณหย่อมบ้านห้วยเดื่อ บ้านเสาหิน ที่ทำการปกครองอำเภอแม่สะเรียง และองค์การบริหารส่วนตำบลเสาหิน พร้อมกำนันผู้ใหญ่บ้าน เข้าสำรวจความเสียหาย.
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้จัดตั้ง War Room ติดตามสถานการณ์ ประสานการปฏิบัติ ระดับอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ ให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย
.
1.เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษให้รับทราบสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
2.เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่เครื่องมือเครื่องจักรกลสาธในการให้ความช่วยเหลือได้ทันที
3.กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำและเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ
4.ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้หากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นและจะส่งผลกระทบให้ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงและดูแลกลุ่มเปราะบาง
5.การใช้เส้นทางสัญจรให้ระมัดระวังดินสไลด์และต้นไม้ใหญ่ล้มหักโค่นบริเวณเส้นทางสัญจร
6.ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอำเภอโดยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมช่วยเหลือตามแผนปฏิบัติการฯ
.
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน
สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน โทร 053-614-313
.

.
พริษฐ์ แนะเพื่อไทยยอมรับ เหตุ 20 บาทตลอดสาย ‘ช้า’ เพราะรบ.ไม่จริงจัง ทั้งที่เป็นนโยบายเรือธง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5341141
.
พริษฐ์ แนะโฆษกพรรคเพื่อไทย ควรยอมรับตรงๆ ว่าต้นตอของความล่าช้าเรื่องนโยบาย 20 บาท มาจากความไม่รอบคอบของรัฐบาลเอง
.
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม นายพริษฐ์ วัชรสินธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ข้อความ ผ่าน https://www.facebook.com/paritw/posts/pfbid0DfBiW4w7cAqjuD5wjmqBx29CFDehWstmJj3HuDykgyTFaf5KKLvLjhPJ8ZsSiZ6vl เฟซบุ๊ก กรณีนายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย กราบขอโทษพี่น้องประชาชนที่กฎหมาย 3 ฉบับซึ่งมีความจำเป็นต่อการทำโครงการ 20 บาทตลอดสายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯและปริมณฑลนั้น ยังไม่สามารถเสร็จได้ทัน ต้องเลื่อนออกไปนั้น
.
นายพริษฐ์ ระบุว่า โฆษกพรรคเพื่อไทย ควรยอมรับตรงๆว่า ต้นตอของความล่าช้าเรื่องนโยบาย 20 บาท มาจากความไม่รอบคอบของรัฐบาลเอง
.
“ผมยืนยันว่า พรรคประชาชนเราเห็นด้วยกับ “หลักการ” ในการทำให้ระบบขนส่งสาธารณะทั้งในและนอก กทม. สะดวก ครอบคลุม และมีอัตราค่าโดยสารที่ประชาชนเข้าถึงได้ แต่ที่ผ่านมา เรามีข้อกังวลต่อ “วิธีการ” ที่รัฐบาลเลือกใช้ในการดำเนินนโยบาย 20 บาทตลอดสาย ทั้งในเรื่องของแหล่งงบประมาณและมาตรการป้องกันการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการรายใดเกินจำเป็น” โฆษกพรรคประชาชน ระบุและว่า
.
เมื่อเย็นที่ผ่านมา ผมเพิ่งได้มีโอกาสฟังการแถลงข่าวของ คุณดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับกรณีนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ที่รัฐบาลประกาศเลื่อนออกไปให้ล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมที่เคยวางไว้ว่าจะเริ่มต้นในวันที่ 1 ตุลาคม 2568
.
แม้คุณดนุพรได้เริ่มต้นด้วยการ “ขอโทษ” ประชาชน แต่ตลอดการแถลงข่าวนั้น เราได้เห็นแต่ความพยายามในการโยนความผิดทั้งหมดไปที่การที่กฎหมาย 3 ฉบับที่เกี่ยวข้อง ยังไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา รวมถึงความพยายามในการกระทบชิ่งมาที่พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชน ทั้งๆที่ต้นตอทั้งหมดของปัญหานี้ มาจากความไม่รอบคอบและความไม่หนักแน่นของรัฐบาลเองในการผลักดันนโยบายเรือธงของตนเอง
.
แทนที่จะพยายามพาดพิงพรรคอื่น ผมเห็นว่าจะเป็นประโยชน์กว่า หากพรรคเพื่อไทยตอบคำถามดังต่อไปนี้ให้ชัดๆ เพื่อให้สังคมสิ้นข้อสงสัย
.
1. เป็นแผนและความตั้งใจของรัฐบาลมาโดยตลอดเลยใช่หรือไม่ ว่ารัฐบาลจะเดินหน้านโยบายเรื่อง 20 บาทตลอดสาย ต่อเมื่อกฎหมาย 3 ฉบับ (พ.ร.บ. ราง / พ.ร.บ. ตั๋วร่วม / พ.ร.บ. รฟม.) ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาและประกาศบังคับใช้?
– ผมเข้าใจดีว่ากฎหมาย 3 ฉบับ มีความเชื่อมโยงกับนโยบาย 20 บาทตลอดสาย แต่การสื่อสารอย่างเป็นทางการของรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่เคยชี้ชัด ว่ากฎหมาย 3 ฉบับ นี้ เป็นเพียง “ตัวช่วย” ของรัฐบาลในการผลักดันนโยบาย หรือเป็น “เงื่อนไขตั้งต้น” ที่ต้องเสร็จก่อนถึงจะเริ่มดำเนินโยบายได้
– ในวันที่ 8 ก.ค. 2568 ที่ ครม. มีมติให้เริ่มคิดอัตราค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายตั้งแต่ 1 ต.ค. 2568 ทางรัฐบาลเองก็ไม่ได้มีการพูดถึงเงื่อนไขว่ารัฐสภาจะต้องผ่านกฎหมาย 3 ฉบับนี้ ถึงจะเริ่มอัตราค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายได้
– ยิ่งไปกว่านั้น การเตรียมการที่ผ่านมาสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลัง 1 ต.ค. 2568 ก็ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่บนสมมุติฐานว่าจะเริ่มมีการใช้ระบบตั๋วร่วม (ที่เหลือบัตรใบเดียว) และการคำนวณแบบค่าโดยสารร่วมจริงๆ ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ค้างอยู่ในสภา
– ทั้งหมดนี้เลยทำให้อดสงสัยไม่ได้ ว่ารัฐบาลตั้งใจจะรอให้กฎหมายผ่านก่อนจริงๆตั้งแต่แรกจริงๆหรือ? หรือว่าในแผนดั้งเดิม รัฐบาลตั้งใจจะดำเนินการด้วยวิธีการอื่นโดยไม่รอกฎหมาย แต่วันนี้รัฐบาลเพียงแค่หยิบเรื่องกฎหมาย 3 ฉบับมาอ้าง เพราะไม่สามารถดำเนินการได้ทัน 1 ต.ค. ที่ประกาศไป?
.
2. หากรัฐบาลยืนยันว่าเป็นแผนและความตั้งใจของรัฐบาลมาโดยตลอดว่า รัฐสภาจะต้องผ่านกฎหมาย 3 ฉบับ ก่อน ถึงจะเริ่มนโยบายเรื่อง 20 บาทตลอดสายได้ แล้วเหตุใดรัฐบาลถึงประกาศว่าจะเริ่มต้นวันที่ 1 ต.ค. 2568 ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปได้ยากที่กฎหมาย 3 ฉบับ จะผ่านและบังคับใช้ทันกรอบเวลาดังกล่าว?
– ในวันที่ 8 ก.ค. 2568 ที่ ครม. มีมติให้เริ่มคิดอัตราค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายตั้งแต่ 1 ต.ค. 2568 กฎหมาย 2 จาก 3 ฉบับ ยังไม่ถูกพิจารณาเสร็จในชั้น กมธ. ด้วยซ้ำ (พ.ร.บ. ตั๋วร่วม พิจารณาเสร็จในชั้น กมธ. วันที่ 31 ก.ค. 2568 / พ.ร.บ. รฟม. พิจารณาเสร็จในชั้น กมธ. วันที่ 30 ก.ค. 2568)
– ทั้งหมดนี้ จึงเท่ากับว่า รัฐบาลไปสัญญากับประชาชนว่าค่าโดยสารจะลดเหลือ 20 บาทในวันที่ 1 ต.ค. 2568 ทั้งๆที่รัฐบาลรู้ตั้งแต่วันนั้นอยู่แล้ว ว่าจะมีเวลาเพียงแค่ 2 เดือน ในการทำให้ร่างกฎหมายจากชั้น กมธ. ผ่านการบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเพื่อต่อคิวกฎหมายอื่น + ผ่านการพิจารณารายมาตราในวาระที่ 2-3 ของสภาผู้แทนราษฎร + ผ่านการพิจารณา 3 วาระในชั้นวุฒิสภา + ถูกประกาศบังคับใช้ + มีการออกกฎหมายลูกตามมา ซึ่งเป็นการวางแผนกรอบเวลาที่กระชั้นชิดมากและแทบจะเป็นไปไม่ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่