วันนี้ ถ้าอยากกินลำไย 1 กิโลกรัม แค่กำเหรียญเพียง 6 บาทไปซื้อมาก็ได้แล้ว
https://www.facebook.com/share/p/1C7nN3PVjm/?mibextid=wwXIfr
ถ้าเราเป็นคนซื้อก็คงยิ้ม เพราะเงินไม่ถึง 10 บาท แต่ซื้อลำไยได้เป็นกอบเป็นกำ
แต่เกษตรกรคงยิ้มไม่ออก เพราะเมื่อก่อนเคยขายได้ 30 บาทต่อกิโลกรัม มาวันนี้ แค่คิดจะปลูกลำไยออกมาขาย ก็ขาดทุนหนักแล้ว..
ทำไมราคาลำไย ถึงร่วงหนักขนาดนี้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าพูดถึงผลไม้ไทย ที่ส่งออกไปจีน หลายคนคงนึกถึงแค่ทุเรียนหรือมะพร้าว แต่รู้ไหมว่า ลำไยก็เป็นอีกหนึ่งผลไม้ ที่กวาดรายได้จากจีนหลักหมื่นล้านบาท
เหตุผลหลัก ก็มาจากการครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในจีน แม้จีนเองสามารถปลูกลำไยได้เองก็ตาม
ดังนั้นมันเลยไม่แปลกอะไร ที่เกษตรกรจะปลูกลำไยออกมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคเหนืออย่างเชียงใหม่ ลำพูน ไปจนถึงภาคตะวันออก อย่างจันทบุรี
แต่วันเวลาที่อะไร ๆ ก็ดีไปหมด วันนี้มันไม่เป็นแบบนั้นแล้ว
เพราะราคาลำไยสดตกต่ำเหลือกิโลกรัมละ 6 บาท จากเดิมที่เคยอยู่ราว 30 บาทต่อกิโลกรัม
ปัญหาคือ ต้นทุนการผลิตลำไยเฉลี่ยกิโลกรัมละ 12-15 บาท แปลว่า ถ้าขายได้แค่ราคานี้ เกษตรกรขาดทุนทันที..
ทำให้บางสวนไม่ตัดสินใจเก็บผลผลิตด้วยซ้ำ แต่ปล่อยให้ลำไยเน่าตกดินไปเลยก็มี
แล้วทำไมอยู่ดี ๆ ลำไยถึงราคาตกขนาดนี้ ?
ทวนความจำเศรษฐศาสตร์กันอีกรอบ
เมื่อราคาสินค้าไหนลดลง ก็แปลว่า ความต้องการซื้อ
ลดลง แต่ปริมาณผลผลิตเท่าเดิม
ตรงกันข้าม ก็อาจเป็นเพราะปริมาณผลผลิตล้นตลาด แต่
ความต้องการซื้อยังเท่าเดิมแทน
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับลำไยในตอนนี้คือ ทั้งปริมาณผลผลิตและความต้องการซื้อเปลี่ยนแปลงกันทั้งคู่
ในฝั่งปริมาณผลผลิต ปีนี้ลำไยออกมาสู่ตลาดมากกว่าปกติ เพราะสภาพอากาศเอื้ออำนวย แถมผลผลิตต่อไร่ยังเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย
โดยครึ่งปีที่แล้ว ลำไยออกสู่ตลาดราว 947,000 ตัน
แต่มาครึ่งปีนี้ ผลผลิตลำไยทะลุไปแล้ว 1,060,000 ตัน
ถ้าความต้องการซื้อเท่าเดิมก็คงไม่เป็นอะไรมาก แม้ผลผลิตจะออกมาเยอะกว่าเดิม แต่ปัญหาคือ ความต้องการซื้อตอนนี้ดันลดลงไปด้วย
ซึ่งลำไยที่ปลูกได้ในไทย เกินกว่าครึ่งหนึ่งถูกส่งออกไปต่างประเทศ และประเทศหลักที่รับซื้อก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นจีน ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่นั่นเอง
แต่ในช่วงที่ผ่านมา จีนชะลอการนำเข้าลำไยจากไทย
และอย่างที่บอกไปว่า จีนปลูกลำไยได้เองอยู่แล้ว จึงเพิ่มผลผลิตของตัวเองขึ้นมาเรื่อย ๆ
ซึ่งถ้าไปดูในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จีนเองมีแนวโน้มที่จะนำเข้าลำไยสดจากไทยน้อยลง
ปี 2565 จีนนำเข้าลำไยสดจากไทย 380,000 ตัน
ปี 2566 จีนนำเข้าลำไยสดจากไทย 327,000 ตัน
ปี 2567 จีนนำเข้าลำไยสดจากไทย 359,000 ตัน
เมื่อจีนที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ซื้อลำไยสดน้อยลง แม้ยังเหลือลูกค้าอื่น ๆ เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย แต่ลูกค้ากลุ่มนี้คิดเป็นแค่ 22% ของมูลค่าส่งออกลำไยสดเท่านั้น
ดังนั้น การจะไปหาตลาดรองรับลำไยที่ทะลักออกมา ชดเชยจีนที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ จึงช่วยแก้ปัญหาราคาลำไยตกต่ำในช่วงนี้ได้น้อยมาก
และถ้าจะหันไปพึ่งพาตลาดในประเทศ ลำไยถูกกินและแปรรูปในไทยราว 140,000-150,000 ตันเท่านั้น ซึ่งคิดเป็นแค่ 10% ของผลผลิตลำไยที่ออกสู่ตลาดในแต่ละปี
แปลว่า เราไม่มีทางที่จะหวังให้ตลาดในประเทศรองรับผลผลิตลำไยที่ล้นตลาดออกมาได้ทั้งหมดอยู่ดี
สุดท้าย เมื่อความต้องการซื้อลดลง และไม่สามารถหาตลาดชดเชยได้ทัน เมื่อสวนทางกับปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นกว่าปกติ ราคาลำไยตอนนี้เลยร่วงหนักแทน
แม้ตอนนี้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ด้วยการกำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำ เพื่อพยุงราคา แต่นี่ก็อาจเป็นแค่การแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้น
แต่ในระยะยาว เรารู้ชัดเจนแล้วว่า ความเสี่ยงในการพึ่งพาตลาดส่งออกประเทศเดียวมากเกินไป อาจกลายเป็นหายนะหลายหมื่นล้านบาทให้กับผลไม้ชนิดนั้นไปเลย
เพราะเมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนใจ ทุกอย่างก็พัง ลำไยไทยพึ่งพาจีนเกือบทั้งหมด และเมื่อจีนหันไปปลูกเอง หรือลดการนำเข้า เกษตรกรไทยจึงได้รับผลกระทบหนักตามกันไป
และไม่ใช่เกษตรกรทุกรายที่ได้รับผลกระทบเท่ากัน
เพราะลำไยเป็นผลไม้คัดเกรดตั้งแต่ AA, A, B ไปจนถึง C
ลำไยเกรดรองลงไปจาก A มีราคาที่ต่ำลงเรื่อย ๆ
ทำให้เกษตรกรบางรายที่มีผลผลิตเกรดคุณภาพไม่ดีนัก
จึงเป็นคนที่ขาดทุนจากวิกฤติลำไยครั้งนี้มากที่สุด
ในวันนี้ ลำไยกลายเป็นผลไม้ไทยที่กำลังเจอวิกฤติราคา
แต่ในวันหน้า ก็อาจเป็นคิวของทุเรียน มังคุด มะม่วง มะพร้าว หรือผลไม้อื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน
ถ้าระบบเกษตรของไทยยังพึ่งพาตลาดเดียว ขาดการวางแผนตลาดล่วงหน้าแบบเป็นระบบ และไม่มีนวัตกรรม สิ่งที่เกิดกับลำไย ก็จะเกิดซ้ำในสินค้าเกษตรอื่นอีก
ซึ่งสำหรับคนกิน ราคาผลไม้ตกต่ำก็อาจดูเป็นเรื่องเล็กในสายตาหลายคน แถมยังดีใจด้วยซ้ำที่ได้กินผลไม้ในราคาถูกแบบสบายกระเป๋า
แต่สำหรับชาวสวน มันไม่ใช่แค่ผลไม้ แต่มันคือชีวิตทั้งหมดที่ผูกติดเอาไว้แบบแนบแน่น
วันที่ราคาดี ลำไยคือขุมทรัพย์สวรรค์ของชาวสวน
แต่ในวันที่ราคาร่วง มันคือนรกบนดิน ที่ขุมทรัพย์ทั้งหมด
มีค่าเป็นศูนย์หรือติดลบไปเลยทันที..
สรุปวิกฤติลำไย ราคาร่วงหนัก จนกำเงิน 10 บาท ก็ซื้อได้เป็นกิโลแล้ว /โดย ลงทุนแมน
https://www.facebook.com/share/p/1C7nN3PVjm/?mibextid=wwXIfr
ถ้าเราเป็นคนซื้อก็คงยิ้ม เพราะเงินไม่ถึง 10 บาท แต่ซื้อลำไยได้เป็นกอบเป็นกำ
แต่เกษตรกรคงยิ้มไม่ออก เพราะเมื่อก่อนเคยขายได้ 30 บาทต่อกิโลกรัม มาวันนี้ แค่คิดจะปลูกลำไยออกมาขาย ก็ขาดทุนหนักแล้ว..
ทำไมราคาลำไย ถึงร่วงหนักขนาดนี้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าพูดถึงผลไม้ไทย ที่ส่งออกไปจีน หลายคนคงนึกถึงแค่ทุเรียนหรือมะพร้าว แต่รู้ไหมว่า ลำไยก็เป็นอีกหนึ่งผลไม้ ที่กวาดรายได้จากจีนหลักหมื่นล้านบาท
เหตุผลหลัก ก็มาจากการครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในจีน แม้จีนเองสามารถปลูกลำไยได้เองก็ตาม
ดังนั้นมันเลยไม่แปลกอะไร ที่เกษตรกรจะปลูกลำไยออกมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคเหนืออย่างเชียงใหม่ ลำพูน ไปจนถึงภาคตะวันออก อย่างจันทบุรี
แต่วันเวลาที่อะไร ๆ ก็ดีไปหมด วันนี้มันไม่เป็นแบบนั้นแล้ว
เพราะราคาลำไยสดตกต่ำเหลือกิโลกรัมละ 6 บาท จากเดิมที่เคยอยู่ราว 30 บาทต่อกิโลกรัม
ปัญหาคือ ต้นทุนการผลิตลำไยเฉลี่ยกิโลกรัมละ 12-15 บาท แปลว่า ถ้าขายได้แค่ราคานี้ เกษตรกรขาดทุนทันที..
ทำให้บางสวนไม่ตัดสินใจเก็บผลผลิตด้วยซ้ำ แต่ปล่อยให้ลำไยเน่าตกดินไปเลยก็มี
แล้วทำไมอยู่ดี ๆ ลำไยถึงราคาตกขนาดนี้ ?
ทวนความจำเศรษฐศาสตร์กันอีกรอบ
เมื่อราคาสินค้าไหนลดลง ก็แปลว่า ความต้องการซื้อ
ลดลง แต่ปริมาณผลผลิตเท่าเดิม
ตรงกันข้าม ก็อาจเป็นเพราะปริมาณผลผลิตล้นตลาด แต่
ความต้องการซื้อยังเท่าเดิมแทน
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับลำไยในตอนนี้คือ ทั้งปริมาณผลผลิตและความต้องการซื้อเปลี่ยนแปลงกันทั้งคู่
ในฝั่งปริมาณผลผลิต ปีนี้ลำไยออกมาสู่ตลาดมากกว่าปกติ เพราะสภาพอากาศเอื้ออำนวย แถมผลผลิตต่อไร่ยังเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย
โดยครึ่งปีที่แล้ว ลำไยออกสู่ตลาดราว 947,000 ตัน
แต่มาครึ่งปีนี้ ผลผลิตลำไยทะลุไปแล้ว 1,060,000 ตัน
ถ้าความต้องการซื้อเท่าเดิมก็คงไม่เป็นอะไรมาก แม้ผลผลิตจะออกมาเยอะกว่าเดิม แต่ปัญหาคือ ความต้องการซื้อตอนนี้ดันลดลงไปด้วย
ซึ่งลำไยที่ปลูกได้ในไทย เกินกว่าครึ่งหนึ่งถูกส่งออกไปต่างประเทศ และประเทศหลักที่รับซื้อก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นจีน ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่นั่นเอง
แต่ในช่วงที่ผ่านมา จีนชะลอการนำเข้าลำไยจากไทย
และอย่างที่บอกไปว่า จีนปลูกลำไยได้เองอยู่แล้ว จึงเพิ่มผลผลิตของตัวเองขึ้นมาเรื่อย ๆ
ซึ่งถ้าไปดูในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จีนเองมีแนวโน้มที่จะนำเข้าลำไยสดจากไทยน้อยลง
ปี 2565 จีนนำเข้าลำไยสดจากไทย 380,000 ตัน
ปี 2566 จีนนำเข้าลำไยสดจากไทย 327,000 ตัน
ปี 2567 จีนนำเข้าลำไยสดจากไทย 359,000 ตัน
เมื่อจีนที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ซื้อลำไยสดน้อยลง แม้ยังเหลือลูกค้าอื่น ๆ เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย แต่ลูกค้ากลุ่มนี้คิดเป็นแค่ 22% ของมูลค่าส่งออกลำไยสดเท่านั้น
ดังนั้น การจะไปหาตลาดรองรับลำไยที่ทะลักออกมา ชดเชยจีนที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ จึงช่วยแก้ปัญหาราคาลำไยตกต่ำในช่วงนี้ได้น้อยมาก
และถ้าจะหันไปพึ่งพาตลาดในประเทศ ลำไยถูกกินและแปรรูปในไทยราว 140,000-150,000 ตันเท่านั้น ซึ่งคิดเป็นแค่ 10% ของผลผลิตลำไยที่ออกสู่ตลาดในแต่ละปี
แปลว่า เราไม่มีทางที่จะหวังให้ตลาดในประเทศรองรับผลผลิตลำไยที่ล้นตลาดออกมาได้ทั้งหมดอยู่ดี
สุดท้าย เมื่อความต้องการซื้อลดลง และไม่สามารถหาตลาดชดเชยได้ทัน เมื่อสวนทางกับปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นกว่าปกติ ราคาลำไยตอนนี้เลยร่วงหนักแทน
แม้ตอนนี้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ด้วยการกำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำ เพื่อพยุงราคา แต่นี่ก็อาจเป็นแค่การแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้น
แต่ในระยะยาว เรารู้ชัดเจนแล้วว่า ความเสี่ยงในการพึ่งพาตลาดส่งออกประเทศเดียวมากเกินไป อาจกลายเป็นหายนะหลายหมื่นล้านบาทให้กับผลไม้ชนิดนั้นไปเลย
เพราะเมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนใจ ทุกอย่างก็พัง ลำไยไทยพึ่งพาจีนเกือบทั้งหมด และเมื่อจีนหันไปปลูกเอง หรือลดการนำเข้า เกษตรกรไทยจึงได้รับผลกระทบหนักตามกันไป
และไม่ใช่เกษตรกรทุกรายที่ได้รับผลกระทบเท่ากัน
เพราะลำไยเป็นผลไม้คัดเกรดตั้งแต่ AA, A, B ไปจนถึง C
ลำไยเกรดรองลงไปจาก A มีราคาที่ต่ำลงเรื่อย ๆ
ทำให้เกษตรกรบางรายที่มีผลผลิตเกรดคุณภาพไม่ดีนัก
จึงเป็นคนที่ขาดทุนจากวิกฤติลำไยครั้งนี้มากที่สุด
ในวันนี้ ลำไยกลายเป็นผลไม้ไทยที่กำลังเจอวิกฤติราคา
แต่ในวันหน้า ก็อาจเป็นคิวของทุเรียน มังคุด มะม่วง มะพร้าว หรือผลไม้อื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน
ถ้าระบบเกษตรของไทยยังพึ่งพาตลาดเดียว ขาดการวางแผนตลาดล่วงหน้าแบบเป็นระบบ และไม่มีนวัตกรรม สิ่งที่เกิดกับลำไย ก็จะเกิดซ้ำในสินค้าเกษตรอื่นอีก
ซึ่งสำหรับคนกิน ราคาผลไม้ตกต่ำก็อาจดูเป็นเรื่องเล็กในสายตาหลายคน แถมยังดีใจด้วยซ้ำที่ได้กินผลไม้ในราคาถูกแบบสบายกระเป๋า
แต่สำหรับชาวสวน มันไม่ใช่แค่ผลไม้ แต่มันคือชีวิตทั้งหมดที่ผูกติดเอาไว้แบบแนบแน่น
วันที่ราคาดี ลำไยคือขุมทรัพย์สวรรค์ของชาวสวน
แต่ในวันที่ราคาร่วง มันคือนรกบนดิน ที่ขุมทรัพย์ทั้งหมด
มีค่าเป็นศูนย์หรือติดลบไปเลยทันที..