ถ้าเกิดมีเครื่องมือ AI เซนเซอร์ จุ่มไปในอาหาร แล้วสามารถแยกส่วนประกอบได้อย่างแม่นยำ วงการ Food จะสั่นสะเทือนไหมครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ถ้าเกิดเครื่องมือนี้ทำได้จริง เป็นเหมือนก้านไม้ตะเกียบ จุ่มลงไปในอาหารนั้น ที่เราต้องการแยกส่วนประกอบดู ถ้าพูดกันซื่อๆ จะก๊อปสูตรอาหารนั้น และอยากรู้ว่ามันใส่อะไรบ้าง เช่น ผงชูรส รสดี น้ำตาล น้ำปลา เกลือ มวลเนื้ออะไรบ้าง มวลผักอะไรบ้าง น้ำปริมาณเท่าไหร่ จุ่มลงไปแล้ว AI แสดงส่วนประกอบโมเลกุลออกมาให้เห็นเลยว่าใส่อะไรบ้าง สัดส่วนเท่าไหร่กี่กรัม กี่ขีด น้ำกี่ลิตร
แล้วมีคนลอกสูตรอาหารไปทำเปิดร้านเอง เพื่อนๆ คิดว่าวงการร้านอาหารจะสะเทือนไหมครับ
คือผมลองไปศึกษาคร่าวๆ สูตรอาหาร ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เค้าบอกว่ามันคือการ reverse engineering การ “แกะสูตร” ด้วยเครื่องมือ ไม่ถือว่าละเมิด ในกรณีเราไปซื้ออาหารจากร้านดังมาแล้วเอาเครื่องมือมาแกะสูตร สมมุติว่าเรามีเครื่องมือ AI จิ้มจุ่มแกะสูตรได้เลย แล้วเอาไม่ทำไม่ถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์ครับ
“สูตรอาหาร” ในเชิงที่เป็นเพียงการลำดับส่วนผสมและวิธีปรุง ไม่อยู่ในการคุ้มครอง เพราะถือเป็นความคิดหรือกระบวนการ ซึ่งกฎหมายเปิดเสรีให้ใครนำไปใช้ได้
แต่จะมีเคสเดียวที่ละเมิด คือ กรณีที่ไปเป็นลูกจ้างร้านอาหาร หรือโรงงานทำอาหาร แล้วแอบนำสูตรไปเปิดร้านเอง อันนี้ถ้าสืบได้ว่ามีการโจรกรรมสูตร จะผิดกฏหมาย ข้อหาเปิดเผยความลับทางการค้าครับ แต่ ถ้าคนทั่วไป ไปซื้ออาหารที่ร้านแล้วเอามาแกะสูตรเองทำเลียนแบบจนเหมือนของร้านแล้วเอามาขายแบบนี้กฏหมายจะไม่คุ้มครองครับ แต่ถ้าไปเลียนแบเครื่องหมายการค้า โลโก้ ทำให้ลูกค้าว่าเป็นแบรนด์เจ้าดัง อันนี้ละเมิดลิขสิทธิ์ได้ครับ
แต่ถ้าเราแกะสูตรอาหารได้เอง และตั้งเป็นเบรนด์ของตัวเอง จดเครื่องหมายการค้าเป็นของเราเอง เช่น ผมตั้งชื่อแบรนด์ว่า "กะโป่กบวม" ซึ่งยังไม่มีใครจดแบรนด์นี้ แต่สูตรรสชาติอาหารเหมือนเจ้าดัง แบบนี้เขามาฟ้องเราไม่ได้ เพราะสูตรอาหาร เหมือนกฏหมายทั้งในและต่างประเทศเขาไม่คุ้มครองครับ เพราะใครๆ ก็สามารถทำได้ เพราะ กฎหมายลิขสิทธิ์ (ทั้งของไทยและในหลายประเทศ) คุ้มครองเฉพาะ “งานอันมีลักษณะเป็นการแสดงออก” เช่น งานเขียน บทประพันธ์ งานศิลปะ ดนตรี โปรแกรมคอมพิวเตอร์
การ “ลอกส่วนผสม/วิธีทำ” มาใช้ผลิตขาย โดยตั้งชื่อยี่ห้อใหม่ ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์
แต่สิ่งที่อาจได้รับความคุ้มครอง ได้แก่:
งานเขียนประกอบสูตร – เช่น การอธิบายวิธีทำด้วยสำนวน วรรณศิลป์ หรือรูปแบบการเล่าเรื่องเฉพาะตัว
ภาพถ่าย ออกแบบ กราฟิก – ภาพประกอบเมนูที่มีการถ่ายทำ/ออกแบบเอง
หนังสือรวมสูตรอาหาร – โครงสร้างการจัดเรียงและงานเขียนทั้งเล่ม
ชื่อเมนูหรือแบรนด์ – อาจได้รับความคุ้มครองภายใต้ “เครื่องหมายการค้า” หากจดทะเบียน


คือผมเข้าใจว่า เขาไม่คุ้มครองสูตรอาหาร เพราะมันเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตครับ
แต่มันมีเส้นบางๆ ตรงที่ว่า ถ้าไปขโมยสูตรอาหารมา เช่น เคยเป็นอดีตพนักงานมาก่อน แบบนี้อาจจะเป็นการขโมยความลับทางการค้าได้ครับ
แต่สมมุติถ้าเพื่อนๆ เดินไปซื้ออาหารร้านเจ้าดังมา แล้วมาแกะสูตรเอง แบบนี้ไม่ผิดครับ
สูตรอาหารกับความลับทางการค้า
ถ้าร้านอาหาร/โรงงานเก็บสูตรไว้เป็น ความลับทางการค้า กฎหมายคุ้มครองไม่ให้พนักงานหรือผู้เกี่ยวข้องเอาไปเปิดเผยหรือขโมย
แต่ความคุ้มครองนี้ ไม่ห้ามลูกค้า/บุคคลทั่วไป ที่ได้สินค้ามาอย่างถูกต้องแล้วเอามา “วิเคราะห์เอง” พูดง่ายๆซื้ออาหารจากร้านมาใช้เครื่องมือ AI เซนเซอร์ แกะสูตรเองแบบนี้ได้ครับ

แต่ถ้าไปเอารูป ชื่อเมนู หนังสูตรวิธีทำ หรือเลียนแบบโลโก้ร้าน แบบนี้ผิดแน่นอนครับ

เช่น คนเปิดร้าน ก๋วยเตี๋ยว ไม่สามารถไฟฟ้องลิขสิทธิ์ใครได้ว่า ห้ามใช้คำว่า ก๋วยเตี๋ยว
คำว่า “ก๋วยเตี๋ยว” เป็นคำสามัญ (Generic Term)
“ก๋วยเตี๋ยว” เป็นคำที่ใช้เรียกอาหารประเภทหนึ่งโดยทั่วไปในภาษาไทย
คำสามัญที่ใช้เรียกสินค้าหรือบริการในชีวิตประจำวัน → ไม่สามารถจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าได้เพียงคำเดียว เพราะจะทำให้คนอื่นไม่สามารถใช้คำนี้เรียกอาหารประเภทเดียวกันได้
เช่นเดียวกับคำว่า “ข้าวมันไก่”, “ส้มตำ”, หรือ “เบียร์” → ไม่สามารถผูกขาดได้
แต่เป็นชื่อเฉพาะ ร้านก๋วยเตี๋ยว "กะโป่กบวม" มีคนจดเครื่องหมายการค้าแล้ว แบบนี้จะเอาไปใช้ไม่ได้คำว่า "กะโป่กบวม"
ประมาณนั้นครับ ถ้าสมุมติสื่อไปทางเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนได้แล้ว แบบนี้ถือว่าเป็น distinctive mark หรือเครื่องหมายที่มีลักษณะเฉพาะ
ประมาณนั้นครับ

กลับเข้าเรื่องครับ ถ้าเกิดมีเครื่องมือ AI เซนเซอร์ จุ่มไปในอาหาร แล้วสามารถแยกส่วนประกอบได้อย่างแม่นยำ วงการ Food จะสั่นสะเทือนไหมครับ
เพื่อนๆมีมุมมองอย่างไร

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
น่าจะดีด้วยซ้ำ อย่างน้อยก็บอกส่วนประกอบที่เราระมัดระวังได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่