ยอดขายรถ ก.ค. แตะ 4.9 หมื่นคัน EV แซงน้ำมัน คนเข้าถึงราคามากขึ้น

ยอดขายรถในประเทศเดือนกรกฎาคม 2568 แตะ 49,102 คัน เพิ่มขึ้น 5.84% ผลจากคนซื้อรถ EV มากหลังราคาถูกลง แตะที่ 9,304 คัน เพิ่มขึ้น 36.12% คาด กนง.ลดดอกเบี้ยผ่อนคลายภาระหนี้


นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เดือนกรกฎาคม 2568 มีจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ทั้งสิ้น 110,616 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ที่ 15.06% และลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ 11.39% การผลิตลดลงที่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะรถยนต์นั่งที่ใช้น้ำมันซึ่งลดลงถึง 31.8% จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกบางรุ่น

รถกระบะยังคงผลิตลดลง ทั้งผลิตขายในประเทศและผลิตส่งออกที่ลดลง 6.54% และ 8.61% ตามลำดับ ตามยอดขายในประเทศและยอดส่งออกที่ลดลงจากความไม่แน่นอนในการค้าโลก ทำให้ยอดการผลิตรถยนต์ 7 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กรกฎาคม 2568) มีจำนวน 835,331 คัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วลดลง 5.73%

ในส่วนของยอดขายรถยนต์ภายในประเทศอยู่ที่ 49,102 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ที่ 1.95% แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ 5.84% เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 เดือน เพราะยอดขายรถยนต์นั่งโดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาเข้าถึงได้มากกว่ารถยนต์ใช้น้ำมัน ส่วนรถกระบะยังคงขายลดลงต่อเนื่องมากว่า 30 เดือน เหลือแค่ 11,022 คัน ลดลง 16.3% (ปี 2562 ก่อนโควิด-19 รถกระบะขายในประเทศเฉลี่ยเดือนละ 35,973 คัน เท่ากับ 35.70% ของยอดขายรวม 1,007,552 คัน)

เพราะความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถกระบะ จากหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงและเศรษฐกิจในประเทศที่ยังขยายตัวในอัตราต่ำร้อยละ 2.8 ในไตรมาส 2/2568 การลงทุนของเอกชนเติบโตแค่ 4.1% สาขาอุตสาหกรรมเติบโตแค่ 1.7% นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนลดลงมาก ทำให้สาขาพักแรมและอาหารเติบโตเพียง 2.1% คงต้องติดตามการลงทุนของเอกชน การท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชนต่อไป คาดหวังงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตมากขึ้นจากปัจจุบัน ทำให้เห็นตัวเลข 7 เดือนที่ผ่านมา จึงมียอดขาย 351,796 คัน ลดลงจากก่อน 0.74%

ทั้งนี้ ส.อ.ท.ขอบคุณ กนง.ที่มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงช่วยให้ผู้กู้ลดภาระจ่ายดอกเบี้ยลง ทำให้ชำระคืนเงินกู้ได้มากขึ้น หนี้ครัวเรือนจะได้ลดลง และขอบคุณทีมไทยแลนด์ที่เจรจากับทีมงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จนได้อัตราภาษีศุลกากรนำเข้าสหรัฐอเมริกา 19% ซึ่งน่าจะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและในประเทศได้มากขึ้น เพื่อส่งออกและสร้างงานสร้างรายได้ให้คนไทยมากขึ้น

หนี้ครัวเรือนจะได้ลดลงจากการชำระหนี้ ไม่ใช่ลดลงเพราะสถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อซึ่งลดลงมาหลายไตรมาสแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ภาษีทรัมป์ของไทยที่ 19% ดูจะเสียเปรียบเวียดนามที่ 20% เมื่อเงินด่องเวียดนามอ่อนค่ามาก

สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนกรกฎาคม 2568 จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 12,124 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วที่ 45.51% ดังนั้น 7 เดือนจึงมีไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 81,179 คัน เพิ่มขึ้น 35.08%

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/economy/news-1871045

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่