JJNY : 6in1 ณัฐพงษ์นำทีมพบศาล│ทภ.1แจงเหตุการณ์│ไอลอว์เปิดโหลด│เที่ยวไทยสาหัส│20 ตลอดสายส่อเลื่อน│คาจิกิขึ้นฝั่งเวียดนาม

“ณัฐพงษ์” นำทีม สส.ถูกบริษัทพลังงานใหญ่ฟ้อง 300 ล้าน เข้าพบศาลตามนัดไต่สวนมูลฟ้อง
https://ch3plus.com/news/political/morning/446425
.

.
“ณัฐพงษ์” นำทีม สส.ถูกบริษัทพลังงานใหญ่ฟ้อง 300 ล้าน เข้าพบศาลตามนัดไต่สวนมูลฟ้อง ยืนยันเจตนาบริสุทธิ์เพื่อประโยชน์สาธารณะ-พร้อมเข้ากระบวนการพิสูจน์เต็มที่
.
วันที่ 25 ส.ค. 2568 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หรือ เท้ง หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วยนายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญขีรายชื่อ พรรคประชาชน และนายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ร่วมพบศาลตามนัดไต่สวนมูลฟ้อง กรณีที่ทั้ง 3 ถูกฟ้องจากบริษัทพลังงานใหญ่เป็นมูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท จากการแถลงข่าวและอภิปรายในหลายวาระเกี่ยวกับการเรียกร้องกรณีค่าไฟฟ้าที่ไม่เป็นธรรมในประเทศไทย ที่เกิดจากการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาลหลายสมัยที่ผ่านมา
.
หลังเข้าพบศาลตามนัดไต่สวนมูลฟ้องเสร็จสิ้น ทั้ง 3 คน ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่มาติดตามกระบวนการในวันนี้ โดยณัฐพงษ์กล่าวว่าสำหรับกระบวนการไต่สวนมูลฟ้องวันนี้ยังไม่จบดี โจทก์ยังเหลือพยานที่ต้องการให้มาไต่สวนมูลฟ้องเพิ่มเติม ซึ่งโดยเบื้องต้นมีการนัดอีกครั้งในวันที่ 27 ต.ค. 2568
.
ทั้งนี้ ยืนยันว่าพวกตนเองมีเจตนาสุจริตในการทำหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการตรวจสอบการดำเนินนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้เกิดประโยชน์สาธารณะต่อประชาชน ขณะเดียวกันโจทก์ก็มีสิทธิในการยื่นฟ้อง ซึ่งผลจะเป็นอย่างไรนั้นตนเชื่อว่าศาลจะให้ความยุติธรรมกับพวกตนเองได้
.
นายณัฐพงษ์ยังกล่าวต่อไปว่าที่ผ่านมาในหลายครั้งการอภิปรายของ สส. ในสภา อาจมีประเด็นที่เกิดการฟ้องร้องขึ้นมา ซึ่งตอนนี้ยังไม่ขอลงรายละเอียด คดีที่ตนเองเป็นจำเลยเกิดจากการแถลงข่าว ส่วนของวรภพและศุภโชติเกิดจากการอภิปรายในสภา
.
แต่ทั้งหมดยืนยันว่ามีเจตนาสุจริตในการทำหน้าที่ สส. ในการเรียกร้องประโยชน์สาธารณะ จึงไม่มีข้อห่วงกังวลใดๆ และพร้อมเข้าสู่กระบวนการที่ศาลคิดว่าสมควร เพื่อยืนยันในเจตนาบริสุทธิ์ของพวกตนในการทำหน้าที่ สส. ต่อไป
.
ส่วนข้อคิดเห็นที่มีการพูดถึงกันว่าเป็นการฟ้องร้องเพื่อปิดปากหรือไม่ ตนเองไม่สามารถให้ความเห็นได้ ประชาชนและสื่อมวลชนที่ติดตามอยู่ย่อมมีวิจารณญาณในการติดตามข้อมูลข่าวสารและพิจารณาของตัวเอง พวกเขาเพียงจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต่อสาธารณะเท่านั้น
.

.
กองทัพภาคที่ 1 ชี้แจง เหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ฝ่ายกัมพูชาก่อความวุ่นวายหลังทหารไทยวางแนวลวดหนาม
.
กองทัพภาคที่ 1  ชี้แจง เหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ฝ่ายกัมพูชาก่อความวุ่นวายหลังทหารไทยวางแนวลวดหนามเพื่อความปลอดภัยชั่วคราว ให้กับคณะจังหวัดสระแก้วในการตรวจพื้นที่ ที่ดินของประชาชน
.
กองทัพภาคที่ 1  ชี้แจงกรณีเหตุการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 เวลา 15.00 น. โดยกองกำลังบูรพาได้ดำเนินการวางแนวลวดหนามเพื่อความปลอดภัยชั่วคราว ให้กับคณะจังหวัดสระแก้วในการตรวจพื้นที่ของประชาชน ในการเข้าทำการประเมินรายละเอียดที่ดินของประชาชน ในพื้นที่บ้านหนองจาน เพื่อเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยชั่วคราว และจำกัดขอบเขตพื้นที่ชายแดน การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามกรอบการปฏิบัติด้านความมั่นคง โดยมิได้มุ่งก่อให้เกิดความวุ่นวายหรือกระทบกระทั่งกับฝ่ายใด
.
ปัจจุบัน กองกำลังบูรพา ได้เข้าพูดคุยชี้แจงในการดำเนินการการวางแนวลวดหนามเพื่อความปลอดภัยชั่วคราว เพื่อมิให้ฝ่ายกัมพูชาเข้าใจผิด หลังจากมีการตรวจพื้นที่ของ คณะจังหวัดสระแก้วในการตรวจพื้นที่ของประชาชนเรียบร้อยแล้ว หน่วยได้ดำเนินการปรับให้ดำรงสภาพเหมือนเดิม
.
กองทัพภาคที่ 1 ขอยืนยันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา และฝ่ายไทยได้พูดคุยชี้แจงการปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันมิให้สถานการณ์บานปลายและรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ
.

.
ไอลอว์ เปิดโหลด ชื่อทีมผู้ช่วย 200 ส.ว. หลังชนะอุทธรณ์สนง.เลขาวุฒิฯ ไม่ยอมให้รอบแรก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5339037
.
iLaw เปิดดาวน์โหลด รายชื่อทีมผู้ช่วย 200 ส.ว.ชุดปัจจุบัน หลังชนะอุทธรณ์สนง.เลขาวุฒิสภา ไม่ยอมให้รอบแรก
.
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ iLaw (ไอลอว์) ได้เปิดเผยรายชื่อคณะทำงานผู้ช่วย ส.ว. 200 คน หลังไอลอว์ชนะอุทธรณ์สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
.
โหลดรายชื่อผู้ช่วย ส.ว.ทั้งหมด คลิก  (รายชื่อที่เป็นตัวอักษรสีแดง คือรายชื่อที่มีการตั้งแต่พ้นตำแหน่งไปแล้ว กรณีที่เป็นชื่อ ส.ว. คือเป็น ส.ว.ที่พ้นตำแหน่งไปแล้ว)
.
โดยระบุว่า กรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หนึ่งคนสามารถตั้งบุคคลเพื่อปฏิบัติงานให้ได้รวม 8 ตำแหน่ง ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญหนึ่งตำแหน่ง ผู้ชำนาญการหนึ่งตำแหน่ง ผู้ช่วยดำเนินงานหนึ่งตำแหน่ง จากการตรวจสอบการตั้งคณะทำงานของ 250 ส.ว. ชุดพิเศษ พบรูปแบบการตั้งคณะทำงานเป็น 4 รูปแบบ 1.ตั้งเครือญาติตัวเองเป็นคณะทำงานตรงๆ 2.ใช้วิธี “ฝากเลี้ยง” ให้ ส.ว.คนอื่นตั้งญาติตัวเอง 3.ตั้งผู้ที่อยู่ในแวดวงการเมือง เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองหรือเกี่ยวข้องกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 4.ตั้งทหาร-ตำรวจเป็นคณะทำงาน
.
หลัง ส.ว.ชุดพิเศษหมดอายุ และมี ส.ว.ชุดใหม่ที่มาจากการ “แบ่งกลุ่ม-เลือกกันเอง” โดยประชาชนไม่ได้มีสิทธิเลือกโดยตรง ผู้ที่จะเลือกได้ต้องเป็นผู้สมัคร ส.ว.เท่านั้น เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 iLaw ได้ใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ขอข้อมูลรายชื่อของผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการ และผู้ช่วยดำเนินงานประจำตัว ส.ว.ทั้ง 200 คน โดยยื่นคำร้องผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ตที่เว็บไซต์ของศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
.
อย่างไรก็ดี เมื่อ 21 มีนาคม 2568 สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้ส่งหนังสือแจ้งผลการพิจารณาลงนามโดย ปัณณิตา สท้านไตรภพ เลขาธิการวุฒิสภา ว่าสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาพิจารณาว่า ข้อมูลที่ขอให้เปิดเผย เป็น “ข้อมูลส่วนบุคคล” ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ซึ่งขณะที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาไม่ได้ขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลดังกล่าวจึงเป็นข้อมูลข่าวสารของราชการที่ไม่ต้องเปิดเผยตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 มาตรา 15 (6)
.
iLaw จึงได้อุทธรณ์คำสั่งของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารโดยให้เหตุผลว่า
.
หนึ่ง บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเพื่อดำรงตำแหน่งคณะทำงาน ส.ว. จะได้รับค่าตอบแทนรายเดือนซึ่งมาจากงบประมาณแผ่นดิน หากประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ จะเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบว่าการตั้งบุคคลมาดำรงตำแหน่งนั้น มีลักษณะขัดต่อหลักการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่ และประชาชนก็จะสามารถใช้สิทธิทางการเมืองและเสรีภาพในการแสดงความเห็นต่อหน่วยงานภาครัฐได้ ส่งเสริมให้เกิดการปกครองที่โปร่งใส ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองและตรวจสอบการทำงานของราชการได้ เป็นประโยชน์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
.
รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 41 (1) กำหนดให้บุคคลมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสาธารณะที่หน่วยงานรัฐครอบครอง มาตรา 50 (2) บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และมาตรา 59 รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยงานของรัฐที่มิใช่ข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐหรือเป็นความลับของทางราชการตามที่กฎหมายบัญญัติ
.
สอง ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 มีข้อยกเว้นให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้หากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ตามมาตรา 24 (5) การเปิดเผยข้อมูลส่วนรายชื่อบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ของวุฒิสภานั้น จึงเกี่ยวพันต่อประโยชน์สาธารณะ เข้าข่ายข้อยกเว้นนี้
.
หลัง iLaw ส่งหนังสืออุทธรณ์ลงวันที่ 27 มีนาคม 2568 ไป ทางคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาต่างประเทศ ความมั่นคง และการเมือง ได้รับเรื่องอุทธรณ์ไว้พิจารณาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 และมีคำวินิจฉัยลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 ให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา “เปิดเผย” ข้อมูลคณะทำงาน ส.ว.ตามที่ iLaw ขอข้อมูลไป
.
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ให้ข้อมูลรายชื่อคณะทำงาน ส.ว.เป็นเอกสารกระดาษจำนวน 106 หน้า โดยเป็นข้อมูล ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ถึง 14 มีนาคม 2568 ซึ่งยังคงมีข้อมูลคณะทำงานของ ส.ว.ที่พ้นตำแหน่งไปแล้วสองคน คือ สมชาย เล่งหลัก ซึ่งพ้นตำแหน่งไปเพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีลักษณะต้องห้าม ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามคำพิพากษาศาลฎีกา เพราะเคย “ซื้อเสียง” เมื่อครั้งที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ส.ส. แบบแบ่งเขต จังหวัดสงขลา พรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2566 ศาลฎีกาพิพากษาเพิกถอนเพราะคดีซื้อเสียง และสุพรรณ์ ศรชัย ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เท่ากับว่าในเอกสารนี้ จะยังไม่มีข้อมูลการตั้งคณะทำงานของธณัชญ์พงศ์ วงศ์มุลาลี ที่มาแทนสมชาย และภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน ที่มาแทนสุพรรณ์
.

.
เที่ยวไทยสาหัส ลูกค้ากลายเป็นคู่แข่ง เอกชน ชี้ แม้มีของดีแต่ไร้พัฒนาก็ไปไม่ได้
https://www.matichon.co.th/economy/news_5338991
.
เที่ยวไทยสาหัส ลูกค้ากลายเป็นคู่แข่ง เอกชน ชี้ แม้มีของดีแต่ไร้พัฒนาก็ไปไม่ได้
.
เมื่อวันที่ 25 นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ภาคการท่องเที่ยวไทยในปัจจุบันถือว่ามีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งจากประเทศที่เป็นลูกค้า อาทิ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และประเทศที่แข่งขันกับไทยอย่างยาวนาน โดยเฉพาะเวียดนาม ซึ่งช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จึงดึงลูกค้าต่างชาติของไทยไปเที่ยวในเวียดนามได้ค่อนข้างมาก ปัจจัยที่ทำให้เวียดนามมีแต้มต่อในการก้าวเข้ามาแข่งขันท่องเที่ยวกับไทยคือ ความตั้งใจด้านการลงทุนที่เอาจริงเอาจัง ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะมีการส่งเสริมดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าไปเต็มที่ ไม่ใช่ว่ามีนโยบายแต่ไม่ได้การส่งเสริมหรือมีมาตรการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ตอนนี้พูดได้ว่า เวียดนามแข็งแกร่งด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ไทยไม่ได้มีการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวให้ดีเท่าที่ควร แม้มีของดีในประเทศอยู่เยอะก็ตาม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่