▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
Backpack
เที่ยวต่างประเทศ
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยว
ท่องเที่ยวผู้สูงอายุ
เดินเขา..นอรเวย์ ...Kjerag, Preikestolen และTrolltunga
ใช้บริการป้าม่วงออกจากสุวรรณภูมิไปกลับออสโล...ไม่ผิดหวังตรงเวลาเป๊ะบริการก็สะดวกสบาย
ถึงสนามบิน Gardermoen เรามีเวลาเหลือเฟือที่จะยืดเส้นยืดสายล้างหน้าล้างตา ผ่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อรอต่อเครื่อง local ของ Norwegianไป Stavanger ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง
สนามบินStavangerอยู่ห่างจากตัวเมืองไม่มาก นั่งบัสไปประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ถึง Central bus station bus ประจำทางจากสนามบินสะดวก มีน้อยกว่า ช้ากว่า เล็กน้อยแต่ราคาย่อมเยาคุ้มค่ากว่า Flybussenที่รับส่งจากสนามบินโดยเฉพาะ วิวระหว่างทางธรรมชาติเขียวขจี บางช่วงก็ผ่านlake สวยๆ มองเพลินครับ
ถึง bus station ...ใจกลางเมือง Stavanger ก็อยู่ตรงหน้าเรา
ที่พักของเราต้องเดินขึ้นไปอีกนิด Stavanger bed and breakfast ป้ายหน้าโรงแรมน่าสนใจดีครับ อ่านแล้วยิ้มให้กับความช่างคิด!!
เราถึงที่พัก ประมาณ ห้าโมงเย็น ช่วงนี้พระอาทิตย์ตกประมาณ เกือบ 5 ทุ่ม เราควรจะได้มีเวลาสำรวจ Stavanger กันก่อน แต่อากาศไม่เป็นใจครับฝนตกปรอยๆฟ้าก็ตุ่นๆ เราจึงได้สำรวจ แค่รอบๆ
สวน Byparken และตรงไปทางท่าเรือ private cruise ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เราก็เลยตัดสินใจกลับเข้าที่พัก เก็บแรงเอาไว้สำหรับพรุ่งนี้กันดีกว่า
ที่พักเป็นhostel ห้องน้ำรวม ห้องอาบน้ำ แยกกับห้องส้วม มีเพียงพอ ที่ชอบคือ มีที่ทานอาหารรวม มี microwave ที่ปิ้งขนมปัง และชา
กาแฟ ไว้บริการ ผมใช้บริการเพิ่มเติมคือรบกวนให้เขาช่วยต้มไข่ให้ เขาก็บริการอย่างดีครับ เราพักที่นี่ 2 คืน ไม่ได้ซื้อบริการอาหารเช้าเพราะต้องออกไปตั้งแต่ก่อนแปดโมง ทั้งสองวัน ห้องพักเล็กๆ เตียงเดี่ยวสะอาดในห้องสีขาวน่านอนครับ !!
หลังจากหลับสนิทอย่างดีและเพียงพอ จากการที่ได้กำไรเวลาที่ช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง ผมก็พร้อมสำหรับ Kjeragbolten ภูเขาลูกแรกในทริป ที่เป้าหมายคือหินลอยทีติดอยู่ระหว่างผาสองด้าน เป็นภูเขาที่มีความยากคือมีบางช่วงต้องใช้การปีน แต่สำหรับเราวันนี้ยิ่งยากเข้าไปใหญ่...เพราะฝนยังไม่หยุดตก 55 แต่ก็เป็นลักษณะของฝน shower เราต้องขึ้น bus ของ Go fjords ซึ่งจองตั๋วล่วงหน้าไว้แล้ว จาก Central bus station ในเวลา 07.30 น.เดินทางอีก 139 km ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อออกจากตัวเมือง เราจะเข้าสู่ถนนลาดยางแต่แคบรถพอสวนกันได้ ธรรมชาติสองข้างทาง เขียวชอุ่ม มีlake และน้ำตกที่สวยงาม บางช่วงก็จะมีฝูงแกะเดินข้ามถนนเป็นกลุ่มๆ ระหว่างทาง ฝนก็หยุดบ้าง ตกบ้างสลับกันไป เมื่อเราถึงอุทยานฝนยังตกปรอยๆ ผู้คนในรถทุกคนเป็นนักท่องเที่ยวที่มาปีนเขา รถคันที่มาส่งเราจะรอรับเรากลับตอนเวลา 16.15 น. อย่างช้าสุด
หรืออาจจะก่อนหน้านั้นเมื่อนักท่องเที่ยวมากันครบ ถ้ากลับมาสายกว่านี้จะไม่มีรถกลับ คงจะต้องเป็นพวกนอนเต๊นท์ครับเพราะไม่เห็นมีที่พักแถวนี้
วันที่เราไปถึงร้านกาแฟของอุทยานปิดครับ มีแต่จุดให้เช่ารองเท้าเสื้อกันฝนและ trekking pole ที่เปิดอยู่ ไม่มีที่นั่งพักอะไรที่หลบฝนได้สะดวกนอกจากชายคาอาคารและหน้าห้องน้ำ เราจึงตัดสินในปีนกันเลยครับหลังจากที่ใส่เสื้อกันฝนกันเรียบร้อย
Kjeragbolten เป็นการเดินข้ามภูเขาชันๆ3 ลูก เพื่อไปยังหินรูปร่างกลมรีที่ติดอยู่ระหว่างผาสูงชัน 2 ผา ระยะทางไปกลับประมาณ11 km เริ่มต้นก็เป็นภูเขาหินสูงชันให้ไต่กันเลย เขาจะมีโซ่ให้จับครับ แต่ต้องระวังลื่นกันครับทั้งตอนลงและขึ้นนะแหละ พอถึงจุดสูงสุดของเขาลูกแรกก็จะเริ่มเห็นสีเขียวชุ่มชื้นทุ่งหญ้าแอ่งน้ำสวยๆของหุบเขาให้มีแรงเดินลงหุบกันครับ
ปีนขึ้นเขาลูกที่ 2 กันต่อ บนเขาลูกที่ 2 จะมีที่พัก ลักษณะเป็น shelter ตั้งอยู่ ถึงแม้จะปิดแต่เราก็ใช้บริเวณชายคาเป็นที่หลบฝน พักกินอาหารกันได้ รอบๆshelter มีแกะที่เขาเลี้ยงไว้เดินโชว์หุ่นงามๆอยู่3-4 ตัว ก็ดูเป็นมิตรดีอยู่ครับ
เดินลงสู่หุบเขาที่สองซึ่งมีลำธารขนาดใหญ่อยู่ในหุบเราต้องเดินข้ามสะพานไป ผมชอบวิวตรงนี้ครับสวยมาก หลังจากนั้นก็ต้องปีนขึ้นภูเขาหินลูกที่3 ปีนและเดินยาวๆไป จนถึงหุบที่3 ที่มีทางน้ำไหลระหว่างซอกผา เดินตามทางน้ำไปก็จะได้เจอกับ หินที่ตามหากันของ Kjeragbolten wow!! ดูจาก App garminเราใช้เวลาไป ประมาณ 2.29 ชั่วโมง check in กับหินใช้เวลาแป้ปๆ... ตัดใจไม่ขึ้นไปยืนบนหิน คนไม่เยอะไม่มีคิวแต่ไม่กล้า...กลัวลื่น ผาลึกอย่างแรง
เราใช้เวลาเดินลงกันอีกประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง ขากลับลมแรงมากเดินลำบากกว่าขาไปครับ รองเท้าคู่เก่าผม 2 ปี สมัยไปkinabaluก็ต้องปลดประจำการครับ พื้นหลุดเรียบร้อย ดีที่มีbandage พันเคล็ดมาด้วย เอามาพันรัดไว้ทำให้สามารถช่วยให้ผมลงมาได้ตลอดลอดฝั่ง ....เขาลูกนี้
ประทับใจเรื่องความยากลำบากในการเดินทาง การ check in ที่หินและบรรยากาศ ข้างทางเป็นเรื่องรอง
แล้วเราก็นั่งบัสกลับมาStavanger ในสภาพที่เรียกว่ามะลอกมะแลกกันทั้งBus แต่รองเท้าผมสภาพน่าจะเยินที่สุด มีนักท่องเที่ยวร่วมบัส มาขอถ่ายรูปไว้ด้วยนะครับหึหึ ... ถึงStavanger ก็เกือบหนึ่งทุ่ม แวะที่ ร้าน grocery store REMA 1000 ซื้อของกินสำหรับอาหารเย็นเอาไปกินกันง่ายๆที่โรงแรมแล้วก็ได้เวลานอนน
นอนหลับอย่างสนิทก็เลยตื่นมาอย่างสดชื่น หลังจากจัดการกับตัวเองเรียบร้อย และ check out ฝากของไว้แล้ว เราก็พร้อมสำหรับ trip Preikestolen (pulpit rock) ซึ่งเราใช้บริการของ Preikestolen Express Bus
ผ่านระบบอุโมงค์ใต้ทะเลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบอุโมงค์ Ryfas ที่ยาวที่สุดในโลกเดินทางเพียงแค่ 40 นาทีจากจุดจอดรถ หน้าโรงแรม Radisson blu Atlantic hotel ก็พาเราไปสู่จุดเริ่มต้นของการhiking ที่ Preikestolen Mountain Lodge ที่นี่ มีร้านขายไอศกรีม coffee shop ร้านขายอาหาร ที่จุดจอดรถบรรยากาศคึกคัก มีผู้คนเดินทางมาปีนเขากันมาก อาจจะเพราะสะดวกในการเดินทางและระยะทางเดินใน trail ไม่ไกลและไม่ยากมาก จุดเริ่มต้นเดินระดับ 270 เมตรจากระดับน้ำทะเล เดินไป 3.8 km สู่ Pulpit rock ที่ระดับ 604 เมตรจากระดับน้ำทะเล เราจึงเห็นพ่อแม่ที่เป็นฝรั่งบางคน ก็พาลูกเล็กๆมาปีนเขากันด้วยเลย.
เป็นอีกวันหนึ่งที่ฝนก็ยังตกอยู่เป็นช่วงๆ เส้นทางไม่ชันมากค่อยๆไต่ระดับช่วงแรกผ่านไปในป่าค่อนข้างหนาทึบ เมื่อถึงความสูงระดับหนึ่ง ก็จะทะลุป่าทึบไปเป็นทุ่งหญ้าโปร่งทางเดินทำเป็นสะพานไม้เดินผ่านทุ่งหญ้าโปร่งไปแล้วก็เดินเข้าป่าค่อยๆไล่ระดับไปจนถึงลานหินกว้างเดินเลียบตามขอบไปจนถึงจุดที่เป็นตัว Pulpit rock ซึ่งเป็นลานหินขนาดกว้างใหญ่ที่ขอบลานหินก็จะเป็นผาลึกตรงดิ่งลงไปสู่ Lysefjord ที่อยู่ด้านล่าง ได้มุมถ่ายรูป ตามหนัง Mission impossible ตอน Fallout เลยครับ. สำหรับผมฟ้าปิด หมอกเต็มก็ได้ภาพเท่าทีเอามาโชว์ครับ 55 ถ่ายรูปเช็คอินเป็นที่เรียบร้อยก็เดินลงกันใช้เวลาไม่มากประมาณบ่ายโมงกว่าๆก็ถึงจุดรอรถ ได้โอกาสแวะร้านกาแฟร้าน ไอติมเติมพลังกันครับ
เรากลับถึง Stavanger ยังไม่ถึงบ่ายสามโมง ซึ่งตามที่เรากะไว้ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เราใช้สำหรับการสำรวจ Stavanger เป็นเมืองเล็กๆที่มีถนนคนเดิน,จุดจอดเรือ Cruise และมีโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของ Norway สถานที่ทุกอย่างคอมแพคกันบริเวณรอบๆLake และริมทะเล เราจึงสำรวจกันได้ง่ายๆโดยใช้เพียงการเดินครับ
หลังจากไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้กับโรงแรมเราก็พร้อมสำหรับการเดินทางโดยรถบัสยาวๆเกือบ 5 ชั่วโมง จาก Stavanger ไปยังเมือง Bergen เราตั้งใจเดินทางโดยBusเพราะเป็นเส้นทางที่สวยงามเรียบไปตาม west coast ของนอร์เวย์โดยจะวิ่งผ่านระบบอุโมงค์ใต้ทะเล และต้อง ลง Ferry 2 ครั้ง ตามเส้นทาง E 39 ตอนแรกสับสนอยู่ครับเพราะว่าเราเดินทางตอนช่วง6 โมงเย็น ไปถึงปลายทาง 4 ทุ่มครึ่ง เราจะได้เห็นอะไรไหมนี่
แต่น้องบอกให้รู้ว่าถึงแม้มันเป็นกลางคืนแต่พระอาทิตย์ยังขึ้นอยู่นะครับพี่...555 รีบจองเลยเอาที่นั่งด้านหน้าสุดบนชั้น 2 ของ Busเพิ่มเงินอีกเล็กน้อยแต่น่าจะคุ้มค่า...ก็คุ้มค่าจริงๆครับระหว่างทางสดชื่นสวยงามแต่บางช่วงฟ้าก็ไม่ได้ใส ก็ยังทึมๆ เอาบรรยากาศมาฝากครับ