เพื่อนถามว่า เมนูอะไรที่ "ผิดหวัง" ที่สุดในการไปเดินกินคนเดียว
บนเกาะปีนัง
คิดทบทวนสะระตะแล้ว ตอบว่า "สะเต๊ะ" ค่ะ
ร้านหรูริมถนนสายหลัก ใกล้ย่านอาร์มีเนี่ยนด้วยนะคะ
คนขายในร้าน หลอกดาวทุกเมนูเลยค่ะ ทว่าเมนูอื่น รสชาติพอแหลกล่ายแหละ
ยกเว้น เมนูสะเต๊ะ ที่คุณคนขายบอกว่า อร่อยที่สุดในสามทวีป
พบว่า นอกจากข้าวปั้น ที่ร้านใช้แทนขนมปังแล้ว
รสชาติอย่างถ่มเลยค่ะ
คือกินไม่ได้เลย ทั้งที่สะเต๊ะร้านอื่น ๆ แผงอื่น ๆ ริมทาง กินได้หมด
หน้าตาเมนูที่กินไม่ได้ที่สุด คือ เยี่ยงนี้ค่ะ

เลือกเก็บรูปที่ไม่เน้นสะเต๊ะ เพราะกินไม่ได้ 555+
ถ่ายแต่ความประทับใจตรงข้าวปั้นค่ะ
เหมือนข้าวต้มปั้นเลย
ข้างล่างนี้ ส่งสะเต๊ะจากนานาเมือง มาประกอบนะคะ

ร้านอาหารในโรงแรมที่ไปพักเมื่อกลางปี
กินได้ค่ะ
แต่... รสชาติขายฝรั่งค่ะ หน้าตาเลยไม่ออกสะเต๊ะเท่าไหร่
ทว่า กินได้ค่ะ กินได้หมดทุกไม้ เพราะไก่ข้างใน นุ่ม
เทียบระหว่าง กรุงเทพฯ กับ หาดใหญ่
หาดใหญ่ชนะเลิศค่ะ
แต่ร้านที่ชนะเลิศจริง ๆ คือ ร้านเตาถ่าน ไว้ค่อยรีวิวนะคะ
ส่วนร้านนี้ อลังฯ มากค่ะ
อยู่ในย่านเมืองเก่า สงขลา
สวยค่ะ อร่อยค่ะ แต่....
อืมมมมมมมมมมมม จบแค่นี้ 5555+...
ปิดท้ายด้วย ขึ้นรายการว่าคือ สะเต๊ะ
แต่เป็นร้านฝรั่งในแอลเอค่ะ
หน้าตาไม่เหมือนสะเต๊ะ ออกแนวเนื้อย่างญี่ปุ่น
ทว่า อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
และมาพร้อมน้ำจิ้มสะเต๊ะด้วย... นี่สิ
เลย อ๊ะ อ๊ะ เอาเหอะ สะเต๊ะก็สะเต๊ะค่ะ
ส่งท้ายด้วยความรู้นิดนึงค่ะ จะได้พอมีสาระ
เชื่อกันว่า สะเต๊ะรูปแบบแรก มีที่มาจากอาหารชวา (บนเกาะชวาหรือเกาะสุมาตรา)
แล้วเผยแพร่ไปทั่วอินโดนีเซีย จนกลายเป็นอาหารประจำชาติ
จนได้รับความนิยมในประเทศอื่น ๆ ด้วย เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์
ส่วนประเทศไทย สะเต๊ะเข้ามาในสมัยรัชกาลที่ 5
คำว่า "สะเต๊ะ" เชื่อว่ามีที่มาจากประเทศจีนในอดีต โดยมาจากภาษาหมิ่นใต้
คำว่า "แซบัก" (จีน: 三疊肉; พินอิน: sae bak) หมายถึง "เนื้อสามชิ้น"
แต่นักวิชาการร่วมสมัยกล่าวว่า "สะเต๊ะ" ในภาษาอังกฤษ มาจาก
ภาษาอินโดนีเซีย "ซาเต" (sate) และภาษามลายู: "ซาเต" (sate) หรือ "ซาไต" (satai)
สะเต๊ะสาระ สาระจัด ๆ กับสะเต๊ะนานาที่ที่เก็บภาพไว้ค่ะ
บนเกาะปีนัง
คิดทบทวนสะระตะแล้ว ตอบว่า "สะเต๊ะ" ค่ะ
ร้านหรูริมถนนสายหลัก ใกล้ย่านอาร์มีเนี่ยนด้วยนะคะ
คนขายในร้าน หลอกดาวทุกเมนูเลยค่ะ ทว่าเมนูอื่น รสชาติพอแหลกล่ายแหละ
ยกเว้น เมนูสะเต๊ะ ที่คุณคนขายบอกว่า อร่อยที่สุดในสามทวีป
พบว่า นอกจากข้าวปั้น ที่ร้านใช้แทนขนมปังแล้ว
รสชาติอย่างถ่มเลยค่ะ
คือกินไม่ได้เลย ทั้งที่สะเต๊ะร้านอื่น ๆ แผงอื่น ๆ ริมทาง กินได้หมด
หน้าตาเมนูที่กินไม่ได้ที่สุด คือ เยี่ยงนี้ค่ะ
เลือกเก็บรูปที่ไม่เน้นสะเต๊ะ เพราะกินไม่ได้ 555+
ถ่ายแต่ความประทับใจตรงข้าวปั้นค่ะ
เหมือนข้าวต้มปั้นเลย
ข้างล่างนี้ ส่งสะเต๊ะจากนานาเมือง มาประกอบนะคะ
ร้านอาหารในโรงแรมที่ไปพักเมื่อกลางปี
กินได้ค่ะ
แต่... รสชาติขายฝรั่งค่ะ หน้าตาเลยไม่ออกสะเต๊ะเท่าไหร่
ทว่า กินได้ค่ะ กินได้หมดทุกไม้ เพราะไก่ข้างใน นุ่ม
เทียบระหว่าง กรุงเทพฯ กับ หาดใหญ่
หาดใหญ่ชนะเลิศค่ะ
แต่ร้านที่ชนะเลิศจริง ๆ คือ ร้านเตาถ่าน ไว้ค่อยรีวิวนะคะ
ส่วนร้านนี้ อลังฯ มากค่ะ
อยู่ในย่านเมืองเก่า สงขลา
สวยค่ะ อร่อยค่ะ แต่....
อืมมมมมมมมมมมม จบแค่นี้ 5555+...
ปิดท้ายด้วย ขึ้นรายการว่าคือ สะเต๊ะ
แต่เป็นร้านฝรั่งในแอลเอค่ะ
หน้าตาไม่เหมือนสะเต๊ะ ออกแนวเนื้อย่างญี่ปุ่น
ทว่า อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
และมาพร้อมน้ำจิ้มสะเต๊ะด้วย... นี่สิ
เลย อ๊ะ อ๊ะ เอาเหอะ สะเต๊ะก็สะเต๊ะค่ะ
ส่งท้ายด้วยความรู้นิดนึงค่ะ จะได้พอมีสาระ
เชื่อกันว่า สะเต๊ะรูปแบบแรก มีที่มาจากอาหารชวา (บนเกาะชวาหรือเกาะสุมาตรา)
แล้วเผยแพร่ไปทั่วอินโดนีเซีย จนกลายเป็นอาหารประจำชาติ
จนได้รับความนิยมในประเทศอื่น ๆ ด้วย เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์
ส่วนประเทศไทย สะเต๊ะเข้ามาในสมัยรัชกาลที่ 5
คำว่า "สะเต๊ะ" เชื่อว่ามีที่มาจากประเทศจีนในอดีต โดยมาจากภาษาหมิ่นใต้
คำว่า "แซบัก" (จีน: 三疊肉; พินอิน: sae bak) หมายถึง "เนื้อสามชิ้น"
แต่นักวิชาการร่วมสมัยกล่าวว่า "สะเต๊ะ" ในภาษาอังกฤษ มาจาก
ภาษาอินโดนีเซีย "ซาเต" (sate) และภาษามลายู: "ซาเต" (sate) หรือ "ซาไต" (satai)