วิจารณ์กลายเป็นหมิ่นประมาท

การวิพากษ์วิจารณ์เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ไม่ว่าจะเกี่ยวกับเรื่องอะไร เป็นหนึ่งในการแสดงความคิดเห็นออกไปบนหลักเหตุและผล รวมไปถึงข้อเท็จจริงต่างๆที่มีประกอบควบคู่กันไป การวิพากษ์วิจารณ์ไม่ใช่การใส่ร้ายหรือทำให้เกิดความเสียหายแก่สิ่งนั้นแต่เป็นการ“ติเพื่อก่อ”ให้พัฒนาได้ดียิ่งขึ้น
      เมื่อเทียบกับการหมิ่นประมาทที่นอกจากจะไม่สนับสนุนเรื่องที่ว่านั้นแล้วยังก่อให้เกิดความเสียหาย เกลียดชัง และการเข้าใจผิดจากการใส่สีตีไข่ของตัวผู้แสดงความคิดเห็นนั้น นอกจากไมีสร้างประโยชน์อะไรนอกจากคนที่โดนรู้สึกไม่ดี ยังผิดต่อกฎหมายอีกต่างหาก
       คำพูดเพื่อก่อหรือทำลาย
       “การวิพากษ์วิจารณ์ที่ดีจะไม่ทำให้เรื่องนั้นต้องเสียหาย” เป็นคำนิยามของตัวผู้เขียนที่คิดว่าเหมาะสมกับการเป็นการแสดงออกที่ดีไม่ใช่แค่ต่อตัวเราที่รู้สึกว่ามันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ยังต่อดีตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวเพื่อให้นำไปปรับปรุงบนฐานความน่าจะเป็นที่สามารถทำได้ แน่นอนว่าทุกคนจะเล่าเรื่องและทำสิ่งต่างๆผ่านหน้าต่างของประสมการณ์ตัวเอง ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีใครเห็นด้วยกับเราในมุมมองของเราที่เราคิดว่า “มันก็ดีแล้วนะ คุณคิดว่ามันไม่ดีเหรอ” ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเปิดใจรับความเห็นต่างอันมากมายในเรื่องของเราที่เราภูมิใจกับมัน
       ไม่มีใครรับความเห็นต่างได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ และไม่มีใครชอบกับการแสดงออกที่ทำให้เรารู้สึก “ผิดพลาด” จนคิดไปเองว่ามันด่าเราอยู่หรือเปล่า
       ไม่น้อยเลยที่ใครๆต่างก็ไม่ชอบที่เราทำจนทำให้อยากเอาคืนโดยคิดเองเออเองว่าทำให้เราเสียหายบ้าง ขายหน้าบ้าง ชักจูงให้เกิดความเกลียดชังบ้าง คนประเภทนี้พบในกลุ่มที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ร้านค้าออนไลน์เช่นในติ๊กต๊อก(Tiktok) หรือพวกครีเอเตอร์
       ทำให้ผู้ที่ต้องการสนับสนุนผ่านการวิพากษ์วิจารณ์มักถูกเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนดังกล่าวผ่านสิ่งที่เรียกว่า “หมิ่นประมาท”
       การหมิ่นประมาทคือการพูดโดยต้องการให้เสียหายต่อให้จะจริงหรือไม่ ง่ายๆเลยคือเอาสนุกปากไม่ได้อยู่บนข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ และเป็นการด่าแบบให้คนอื่นรู้ด้วยว่าตัวเองด่าใคร ซึ่งก็มีข้อกฎหมายที่บอกเรื่องนี้อยู่ คือ
       ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
       เข้าใจแบบง่ายๆคือ ใส่สีตีไข่เรื่องๆนึงให้คนอื่นฟังโดยที่เรื่องนั้นจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งก็นับหมด แน่นอนว่าการวิพากษ์วิจารณ์กับการหมิ่นประมาทมันมีเส้นกั้นอยู่ซึ่งการตัดสินว่าเรื่องนั้นจะเข้าฝั่งไหนก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลถ้าฟ้องกันอะนะ
       สิ่งที่น่าสนใจคือถ้าเราอยู่ในกลุ่มเฟสบุ๊คที่เอาไว้คอยระบายเรื่องต่างๆเช่น “มออู้บู้ร้อยวัน พันเรื่อง” หรือตามกลุ่มรีวิวหอพักจากผู้พักจริงมักจะไม่บอกว่าหอพักนั้นชื่ออะไร ตั้งที่ไหน หรือหากจะพูดถึงสถานที่ใดก็มักจะเป็นตัวย่อซะมากกว่า เหตุที่ทำแบบนั้นก็เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทและเป็นการเซฟตัวเองในระดับนึง
       อ้าว แล้วแบบนี้มันทำได้ด้วยเหรอ ต้องบอกตามตรงว่าทำได้และไม่ได้แล้วแต่กรณีไปขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่ระบายออกมา เพราะเราต้องเข้าใจด้วยว่าไม่ใช่ทุกคนที่รับได้โดยเฉพาะคนที่ต้องหากินกับสิ่งที่ถูกพาดพิงเช่น มีคนมาโพสต์บอกว่าหอนี้ไม่สะอาดทั้งฝุ่นทั้งขยะ คนที่เป็นเจ้าของหอก็ไม่พอใจแน่ๆต่อให้เป็นเรื่องจริง ถึงแม้จะใช้ตัวย่อ ไม่บอกชื่อ หรือมีแค่ภาพถ่ายถ้าคนในกลุ่มรู้ว่าเป็นที่ไหนก็ถือว่าเข้าข่ายเหมือนกัน
       อ้าว แปลว่าเราก็ทำอะไรไม่ได้อะดิ่ต้องปล่อยไปงี้เหรอ ไม่ใช่แน่นอน นอกจากกฎหมายข้างต้นแล้วก็มีกฎหมายอีกตัวที่คุ้มครองคนที่โดนแจ้งความเอาไว้อยู่ ซึ่งคือ
       ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 330  ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำความผิด พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
       แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
       จากตัวอย่างที่กล่าวข้างต้น ถ้าคนโพสต์เรื่องหอพักนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่าหอพักไม่สะอาดมีแต่ขยะได้จริง นะโพสต์ก็จะไม่มีความผิดและเป็นการป่าวประกาศไปในตัวว่าหอพักนี้สกปรกของแท้
       นอกจากเรื่องหอพักแล้วก็สามารถเอามาใช้ในเรื่องอื่นๆได้ ถ้าทำให้เกิดประโยชน์แก่คนในสังคม แต่ก็มีข้อห้ามคือต้องไม่ใช่เรื่องส่วนตัวต่อให้เรื่องนั้นจะเป็นจริง เพราะมันไม่เกิดประโยชน์ต่อคนหมู่มากแถมยังถือว่าเข้าไป “ยุ่ง” เรื่องชาวบ้านอีก
ส่วนมากเรื่องจะไม่ดำเนินจนไปถึงศาลจะจบที่หน้าโรงพักมากกว่า แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันเสียเวลาเสียการเสียงานสุดๆ
       ต้องทำใจไว้ก่อนเลยว่ามีคนแบบนี้อยู่ในสังคมทุกระดับซึ่งมันก็น่ารำคาญทั้งที่มันก็เป็นเรื่องจริงที่ควรปรับปรุงและเราก็หวังดีที่อยากจะติเพื่อก่อ เพื่อไม่ให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวและง่ายต่อการดำเนินชีวิต การคิดก่อนค่อยโพสต์หรือพิมพ์อะไรไปย่อมดีกว่าการไปเสียเวลาเพียงเพราะความ “แย่” ของคนใจแคบไม่รับความเห็นต่างในเรื่องที่ควรทำให้ดีขึ้น
       ทั้งนี้ก็เพื่อตัวเราและเวลาที่มีค่าทำสิ่งที่อยากทำ แต่ถ้าสิ่งที่คุณอยากทำมันคือเรื่องที่กล่าวมาข้างต้น อันนี้ก็เรื่องของคุณ
*ขออภัยสำหรับคำไม่สุภาพ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่