[1] สถานการณ์ของพายุ คาจิกิ (Kajiki) เมื่อเวลาเช้าวันนี้ (24 ส.ค.)
ได้พัฒนาจากระดับโซนร้อนเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
[2] ข้อมูล ณ เวลา 07:00 น. วันที่ 24 ส.ค. 2568
ตำแหน่ง (Lat/Lon) : ใกล้หมู่เกาะพาราเซล, ทะเลจีนใต้ (17.2°N 111.1°E)
ความกดอากาศต่ำสุดศูนย์กลาง : 985 hPa
ความเร็วลมสูงสุด : 120 กม/ชม. (ไต้ฝุ่นระดับ 1)
การเคลื่อนที่และความเร็ว : เคลื่อนตัวทิศตะวันตก ที่ ความเร็ว 22 กม/ชม.
คาดการขึ้นฝั่ง (ในอีก29ชม.) : เมืองวิญ, เวียดนามตอนเหนือ
[3] แนวเส้นทางล่าสุด (24 ส.ค. 68)
เมื่อพายุขึ้นฝั่งที่เวียดนามและลดระดับเป็นโซนร้อนและดีเปรสชันตามลำดับเมื่อเคลื่อนสู่ประเทศลาว
[4] ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. ช่วงวันที่ 25-28 ส.ค.
แสดงให้เห็นถึงเส้นทางของแนวฝนที่ตกสะสมมากตามการเคลื่อนตัวของพายุที่จะลดระดับลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบน
[5] พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุ
ไล่ไปตั้งแต่เวียดนามจะได้รับผลกระทบในด้านฝนตกหนักและลมกระโชกแรงเมื่อพายุขึ้นฝั่งและจะเริ่มลดระดับเป็นโซนร้อน ผ่านแนวเทือกเขาอันนัมจะลดระดับลงอย่างรวดเร็วเป็นดีเปรสชั่นในลาว และลดระดับเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงเมื่อถึงภาคเหนือตอนบนของไทย ทำให้เกิดฝนตกสะสมตามแนวที่มันเคลื่อนผ่าน โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน อาจจะรวมถึงภาคอีสานตอนบนบางพื้นที่ที่ติดลุ่มน้ำโขง
[6] แนวลมและความชื้นที่ระดับ 5500ม. ของช่วงประมาณวันที่ 26 ส.ค.
บ่งบอกถึงความชื้นที่มากในชั้นบรรยากาศระดับกลาง และแนวลมที่ยังคงหมุนวนอยู่จากการการสลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคเหนือ โดยอาจจะซ้ำเติมกับช่วงก่อนหน้าที่บางพื้นที่ประสบอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากจากพายุวิภา พื้นที่เสี่ยงสูงสุดก็เป็นแนวจังหวัดน่าน พะเยา เชียงราย ตามลำดับ พื้นที่อื่นๆจะเสี่ยงรองลงมา โดยจะได้รับผลกระทบในด้านฝนที่ตกสะสมและตกหนักในบางพื้นที่ปริมาณฝนตกสะสมอาจสูงถึง 200-300มม. เสี่ยงเกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วม ตามการคาดการณ์ด้านล่างจังหวัดน่านฝนจะตกสะสมมากที่สุดอยู่ในช่วงวันที่ 26-27 ส.ค.
[7] เปรียบเทียบเส้นทางของพายุโซนร้อนวิภากับพายุไต้ฝุ่นคาจิกิ
แนวเส้นทางเมื่อขึ้นฝั่งจะพาดผ่านภาคเหนือตอนบนซึ่งใกล้เคียงกัน ซึ่งพายุวิภาที่ผ่านมาทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดน่าน แต่พายุคาจิกิจะแรงกว่าในด้านความเร็วลม แต่ผลกระทบสำหรับภาคเหนือก็ยังคงเป็นปริมาณฝนที่ตกสะสมเช่นกัน และเคลื่อนตัวตามแนวร่องมรสุม สามารถส่งผลกระทบไปได้ถึงพม่ามากกว่าพายุวิภา
[8] อุณหภูมิน้ำทะเลฝั่งแปซิฟิกตะวันตก
ยังคงร้อนโดยทั่วกันโดยเฉพาะฝั่งตะวันออกของฟิลิปปินส์ที่ยังคงอยู่ในระดับ 30-31°C โดยอุณหภูมิน้ำทะเลที่เอื้อต่อการก่อตัวของพายุจะอยู่ที่ประมาณ 27°C ขึ้นไป ทำให้ช่วงนี้พายุอาจจะก่อตัวได้ต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะเกิดหย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตามมาอีกหลังพายุคาจิกิขึ้นฝั่งแล้ว
(คาดการณ์โดย ECMWF *ยังคงเปลี่ยนแปลงได้)
[9] การคาดการณ์สภาวะ ENSO ณ เดือนสิงหาคม 2568
หลายสำนักส่วนใหญ่ คาดการณ์ว่าจะเป็นกลางจนถึงราวๆช่วงต้นกันยายน หลังจากนั้นจะมีแนวโน้มเกิดลานีญา(กำลังอ่อน)ขึ้นช่วงสั้นๆ ในช่วงต้นฤดูหนาวปี 2568-2569 ก่อนที่จะกลับสู่สภาวะเป็นกลางต่อไป
[10] ที่มาของชื่อพายุ "คาจิกิ"
ตั้งโดยประเทศญี่ปุ่น (Kajiki : カジキ) เป็นชื่อปลาทะเลชนิดหนึ่ง ชื่อไทยจะเป็น "ปลากระโทงสีน้ำเงิน" หรือ Blue Marlin Fish เป็นปลาน้ำลึกขนาดใหญ่ที่มีปลายปากบนยาวแหลมคล้ายหอก แต่ก็มีควาปราดเปรียว ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งท้องทะเล เนื่องจากมันสามารถกระโดดขึ้นจากน้ำได้อย่างงดงาม โดยปกติจะมีความยาวได้สูงสุดถึง 5 เมตร ชาวญี่ปุ่นนิยมนำมาทำเป็นซาชิมิและซูชิ
...ข้อมูลการพยากรณ์จาก ECMWF และกรมอุตุนิยมวิทยา...
...ข้อมูลการพยากรณ์ ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2568...
อิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น "คาจิกิ" ที่อาจจะซ้ำรอยพายุโซนร้อนวิภา
[1] สถานการณ์ของพายุ คาจิกิ (Kajiki) เมื่อเวลาเช้าวันนี้ (24 ส.ค.)
ได้พัฒนาจากระดับโซนร้อนเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
[2] ข้อมูล ณ เวลา 07:00 น. วันที่ 24 ส.ค. 2568
ตำแหน่ง (Lat/Lon) : ใกล้หมู่เกาะพาราเซล, ทะเลจีนใต้ (17.2°N 111.1°E)
ความกดอากาศต่ำสุดศูนย์กลาง : 985 hPa
ความเร็วลมสูงสุด : 120 กม/ชม. (ไต้ฝุ่นระดับ 1)
การเคลื่อนที่และความเร็ว : เคลื่อนตัวทิศตะวันตก ที่ ความเร็ว 22 กม/ชม.
คาดการขึ้นฝั่ง (ในอีก29ชม.) : เมืองวิญ, เวียดนามตอนเหนือ
[3] แนวเส้นทางล่าสุด (24 ส.ค. 68)
เมื่อพายุขึ้นฝั่งที่เวียดนามและลดระดับเป็นโซนร้อนและดีเปรสชันตามลำดับเมื่อเคลื่อนสู่ประเทศลาว
[4] ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. ช่วงวันที่ 25-28 ส.ค.
แสดงให้เห็นถึงเส้นทางของแนวฝนที่ตกสะสมมากตามการเคลื่อนตัวของพายุที่จะลดระดับลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบน
[5] พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุ
ไล่ไปตั้งแต่เวียดนามจะได้รับผลกระทบในด้านฝนตกหนักและลมกระโชกแรงเมื่อพายุขึ้นฝั่งและจะเริ่มลดระดับเป็นโซนร้อน ผ่านแนวเทือกเขาอันนัมจะลดระดับลงอย่างรวดเร็วเป็นดีเปรสชั่นในลาว และลดระดับเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงเมื่อถึงภาคเหนือตอนบนของไทย ทำให้เกิดฝนตกสะสมตามแนวที่มันเคลื่อนผ่าน โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน อาจจะรวมถึงภาคอีสานตอนบนบางพื้นที่ที่ติดลุ่มน้ำโขง
[6] แนวลมและความชื้นที่ระดับ 5500ม. ของช่วงประมาณวันที่ 26 ส.ค.
บ่งบอกถึงความชื้นที่มากในชั้นบรรยากาศระดับกลาง และแนวลมที่ยังคงหมุนวนอยู่จากการการสลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคเหนือ โดยอาจจะซ้ำเติมกับช่วงก่อนหน้าที่บางพื้นที่ประสบอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากจากพายุวิภา พื้นที่เสี่ยงสูงสุดก็เป็นแนวจังหวัดน่าน พะเยา เชียงราย ตามลำดับ พื้นที่อื่นๆจะเสี่ยงรองลงมา โดยจะได้รับผลกระทบในด้านฝนที่ตกสะสมและตกหนักในบางพื้นที่ปริมาณฝนตกสะสมอาจสูงถึง 200-300มม. เสี่ยงเกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วม ตามการคาดการณ์ด้านล่างจังหวัดน่านฝนจะตกสะสมมากที่สุดอยู่ในช่วงวันที่ 26-27 ส.ค.
[7] เปรียบเทียบเส้นทางของพายุโซนร้อนวิภากับพายุไต้ฝุ่นคาจิกิ
แนวเส้นทางเมื่อขึ้นฝั่งจะพาดผ่านภาคเหนือตอนบนซึ่งใกล้เคียงกัน ซึ่งพายุวิภาที่ผ่านมาทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดน่าน แต่พายุคาจิกิจะแรงกว่าในด้านความเร็วลม แต่ผลกระทบสำหรับภาคเหนือก็ยังคงเป็นปริมาณฝนที่ตกสะสมเช่นกัน และเคลื่อนตัวตามแนวร่องมรสุม สามารถส่งผลกระทบไปได้ถึงพม่ามากกว่าพายุวิภา
[8] อุณหภูมิน้ำทะเลฝั่งแปซิฟิกตะวันตก
ยังคงร้อนโดยทั่วกันโดยเฉพาะฝั่งตะวันออกของฟิลิปปินส์ที่ยังคงอยู่ในระดับ 30-31°C โดยอุณหภูมิน้ำทะเลที่เอื้อต่อการก่อตัวของพายุจะอยู่ที่ประมาณ 27°C ขึ้นไป ทำให้ช่วงนี้พายุอาจจะก่อตัวได้ต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะเกิดหย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตามมาอีกหลังพายุคาจิกิขึ้นฝั่งแล้ว (คาดการณ์โดย ECMWF *ยังคงเปลี่ยนแปลงได้)
[9] การคาดการณ์สภาวะ ENSO ณ เดือนสิงหาคม 2568
หลายสำนักส่วนใหญ่ คาดการณ์ว่าจะเป็นกลางจนถึงราวๆช่วงต้นกันยายน หลังจากนั้นจะมีแนวโน้มเกิดลานีญา(กำลังอ่อน)ขึ้นช่วงสั้นๆ ในช่วงต้นฤดูหนาวปี 2568-2569 ก่อนที่จะกลับสู่สภาวะเป็นกลางต่อไป
[10] ที่มาของชื่อพายุ "คาจิกิ"
ตั้งโดยประเทศญี่ปุ่น (Kajiki : カジキ) เป็นชื่อปลาทะเลชนิดหนึ่ง ชื่อไทยจะเป็น "ปลากระโทงสีน้ำเงิน" หรือ Blue Marlin Fish เป็นปลาน้ำลึกขนาดใหญ่ที่มีปลายปากบนยาวแหลมคล้ายหอก แต่ก็มีควาปราดเปรียว ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งท้องทะเล เนื่องจากมันสามารถกระโดดขึ้นจากน้ำได้อย่างงดงาม โดยปกติจะมีความยาวได้สูงสุดถึง 5 เมตร ชาวญี่ปุ่นนิยมนำมาทำเป็นซาชิมิและซูชิ
...ข้อมูลการพยากรณ์จาก ECMWF และกรมอุตุนิยมวิทยา...
...ข้อมูลการพยากรณ์ ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2568...