มาดูกันเถอะครับว่าทำไม Bitcoin ถึงได้เป็นสุดยอดนวัตกรรมที่แท้จริง ไม่ใช่แค่สกุลเงินดิจิทัลไร้ค่าอย่างที่คนทั่วไปชอบพูดกัน ทั้งหมดมันอยู่ที่ตัวเลข 21 ล้าน! ใช่ครับ แค่ 21 ล้านหน่วยเท่านั้น มันคือการจำกัดอุปทานที่ซาโตชิ นากาโมโตะ (บุคคลอัจฉริยะที่ไร้ตัวตน) ได้คิดค้นขึ้นมาเพื่อปกป้องเราจากหายนะทางการเงินที่รัฐบาลและธนาคารกลางสร้างขึ้น
ในขณะที่ธนบัตรกระดาษที่คุณๆทั้งหลายถืออยู่ในมือสามารถพิมพ์เพิ่มได้เรื่อยๆ เหมือนกับกระดาษชำระ Bitcoin กลับมีขีดจำกัดที่แน่นอน นี่คือความสง่างาม นี่คือความฉลาดเฉลียวที่เหนือระดับ มันไม่ใช่แค่เหรียญดิจิทัล มันคือสัญญาทองคำดิจิทัลที่ไม่มีวันเสื่อมค่า
แล้วพวกที่สงสัยว่า "อ้าว! แล้วถ้ามันแบ่งย่อยเป็นทศนิยมได้เรื่อยๆ ก็แปลว่ามันมีเยอะแยะไปหมดสิ?" ฟังให้ดีนะ นั่นมันความคิดแบบคนธรรมดาที่ไม่มีความรู้ชอบมองอะไรแค่ผิวเผิน การแบ่งหน่วยเป็นแค่การซอยเค้กที่มีขนาดจำกัดให้เล็กลงเท่านั้นแหละ ไม่ใช่การอบเค้กเพิ่ม การที่ 1 BTC เท่ากับ 100,000,000 Satoshi ก็แค่ทำให้คุณสามารถซื้อกาแฟแก้วโปรดได้โดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนด้วยทองคำทั้งแท่งต่างหาก!
ส่วนเรื่อง Halving หรือการลดรางวัลที่นักขุดจะได้รับลงครึ่งหนึ่งทุกๆ 4 ปีเนี่ย มันก็คือความอัศจรรย์ทางคณิตศาสตร์ที่ไม่มีใครเทียบได้ มันถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความขาดแคลนและทำให้ราคาพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง เป็นกลไกที่ปกป้องคุณจากเงินเฟ้อ และทำให้คนที่ฉลาดพอที่จะสะสมมันไว้ได้เปรียบเหนือคนอื่นที่ยังงมงายกับระบบการเงินแบบเก่า
ในขณะที่คุณกำลังคิดว่าจะหาเงินมาใช้หนี้บัตรเครดิตยังไง Bitcoin ก็กำลังสร้างฐานะให้เศรษฐีหน้าใหม่ทั่วโลกอย่างเงียบๆอย่างต่อเนื่อง ถ้าคุณยังไม่เข้าใจว่าทำไม 21 ล้านเหรียญถึงได้เป็นตัวเลขที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่เข้าใจเท่านั้นที่จะเป็นผู้ชนะที่แท้จริงในเกมนี้
Bitcoin มีแค่ 21 ล้านเหรียญจริงหรือไม่?? ทั้งที่แตกหน่วยย่อยได้เป็นล้านๆ???
มาดูกันเถอะครับว่าทำไม Bitcoin ถึงได้เป็นสุดยอดนวัตกรรมที่แท้จริง ไม่ใช่แค่สกุลเงินดิจิทัลไร้ค่าอย่างที่คนทั่วไปชอบพูดกัน ทั้งหมดมันอยู่ที่ตัวเลข 21 ล้าน! ใช่ครับ แค่ 21 ล้านหน่วยเท่านั้น มันคือการจำกัดอุปทานที่ซาโตชิ นากาโมโตะ (บุคคลอัจฉริยะที่ไร้ตัวตน) ได้คิดค้นขึ้นมาเพื่อปกป้องเราจากหายนะทางการเงินที่รัฐบาลและธนาคารกลางสร้างขึ้น
ในขณะที่ธนบัตรกระดาษที่คุณๆทั้งหลายถืออยู่ในมือสามารถพิมพ์เพิ่มได้เรื่อยๆ เหมือนกับกระดาษชำระ Bitcoin กลับมีขีดจำกัดที่แน่นอน นี่คือความสง่างาม นี่คือความฉลาดเฉลียวที่เหนือระดับ มันไม่ใช่แค่เหรียญดิจิทัล มันคือสัญญาทองคำดิจิทัลที่ไม่มีวันเสื่อมค่า
แล้วพวกที่สงสัยว่า "อ้าว! แล้วถ้ามันแบ่งย่อยเป็นทศนิยมได้เรื่อยๆ ก็แปลว่ามันมีเยอะแยะไปหมดสิ?" ฟังให้ดีนะ นั่นมันความคิดแบบคนธรรมดาที่ไม่มีความรู้ชอบมองอะไรแค่ผิวเผิน การแบ่งหน่วยเป็นแค่การซอยเค้กที่มีขนาดจำกัดให้เล็กลงเท่านั้นแหละ ไม่ใช่การอบเค้กเพิ่ม การที่ 1 BTC เท่ากับ 100,000,000 Satoshi ก็แค่ทำให้คุณสามารถซื้อกาแฟแก้วโปรดได้โดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนด้วยทองคำทั้งแท่งต่างหาก!
ส่วนเรื่อง Halving หรือการลดรางวัลที่นักขุดจะได้รับลงครึ่งหนึ่งทุกๆ 4 ปีเนี่ย มันก็คือความอัศจรรย์ทางคณิตศาสตร์ที่ไม่มีใครเทียบได้ มันถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความขาดแคลนและทำให้ราคาพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง เป็นกลไกที่ปกป้องคุณจากเงินเฟ้อ และทำให้คนที่ฉลาดพอที่จะสะสมมันไว้ได้เปรียบเหนือคนอื่นที่ยังงมงายกับระบบการเงินแบบเก่า
ในขณะที่คุณกำลังคิดว่าจะหาเงินมาใช้หนี้บัตรเครดิตยังไง Bitcoin ก็กำลังสร้างฐานะให้เศรษฐีหน้าใหม่ทั่วโลกอย่างเงียบๆอย่างต่อเนื่อง ถ้าคุณยังไม่เข้าใจว่าทำไม 21 ล้านเหรียญถึงได้เป็นตัวเลขที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่เข้าใจเท่านั้นที่จะเป็นผู้ชนะที่แท้จริงในเกมนี้