เริ่มจากเราไปหาหมอด้วยอาการมือสั่นที่โรงพยาบาลเอกชน(ระดับกลางๆ)แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ รักษาอยู่นานแล้วอาการก็ดีขึ้น แต่พอปรับยาอาการก็แย่ลง มือสั่นเหมือนเดิม แล้วมีอยู่วันหนึ่งที่อาการทรงๆมือสั่นไม่มาก แต่อยู่ดีๆก็รู้สึกว่า อาทิตย์นี้มือสั่นเยอะ พอไปพบแพทย์ตามนัด แพทย์ก็ทักว่าคอมันดูโตๆ หมอเลยส่งไปตรวจเลือดสรุปเป็นไทรอยด์เลยส่งตัวไปรักษามี่แผนกอายุรกรรม ครั้งนั้นหาหมอตรวจเลือด หมดไป 2 พันปลายๆ หมอว่าโดยเฉลี่ยใช้การรักษาประมาณ 2 ปี แต่ก็แล้วแต่คนด้วยนะ (วิธีการรักษามีทั้งหมด 3 วิธี ทานยา กลืนแร่ ผ่า) เราเลยหาข้อมูลในเนตดู บางคนแนะนำว่าไทรอยด์เป็นพิษรักษายาวใช้สิทธิประกันสังคมดีกว่า พอดีอีกไม่กี่วันก็ต้องไปหาหมอที่โรงบาลเทพปัญญา(สิทธิปกส) เราเลยเอาผลตรวจเลือดไป บอกหมอว่าขอย้ายมารักษาที่นี่แทน หมอก็โอเค
พอย้ายมารักษาโรงบาลเทพปัญญา (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณวันที่ 10/03/67) หมอก็ถามว่ากินยาอะไรยังไง ก็ให้หมอดู หมอก็ว่าให้กินอันนี้แหละ แต่หมอก็ทักนะว่า ทานยาเยอะนะเนี่ย (หมออยากให้รักษาด้วยการกลืนแร่ หรือผ่าดีกว่าจะได้ไม่ต้องทานยาเยอะ) แต่หมอก็ให้ทานยาตามที่โรงพยาบาลเก่าดูก่อน พอครบกำหนดนัด หมอก็ให้ตรวจเลือด ดูค่าไทรอยด์สรุป ไม่ดีขึ้นเลย หมอว่าคงต้องกลืนแร่ หรือผ่าแล้ว ก็ส่งตัวเราไปหาหมอหู คอ จมูก(หมอพิเศษ ที่โรงพยาบาลเชิญมาตรวจเฉพาะวันอาทิตย์)
พอไปพบหมอหู คอ จมูก (05/05/67) หมอก็ว่าให้ทานยาอีกตัวก่อนทานตัวนี้อาจจะได้ผลหมอให้เปลี่ยนยาเป็น Ptu propyl 50 ml ทาน 2 เม็ด เช้า-กลางวัน-เย็น ค่าเลือดดีขึ้น แต่ไม่มากเท่าไหร่ เลยเปลี่ยนทาน 3 เม็ด เช้า-กลางวัน-เย็น อยู่หลายเดือน หมอว่าค่าเลือดดีขึ้นนะแต่ไม่หายเป็นพิษ ทานยาก็เยอะแล้วนะ หมอไม่ค่อยอยากให้ทานเพิ่มแล้ว เลยบอกว่าลองไปรักษาด้วยการกลืนแร่ดีกว่าเลยเอาใบส่งตัวไปโรงพยาบาลสวนดอก บอกสะดวกวันไหนก็ไป แต่ไปได้แค่วันพุธ กับศุกร์ (ถ้าจำไม่ผิด) (และก่อนไปตรวจต้องมาเอาใบส่งตัวที่โรงบาลเทพปัญญาทุกครั้ง) ครั้งแรกเราไปปรึกษา เราไปศูนย์ศรีพัฒน์ขี้เกียจรอนาน หมดไปประมาณ 600 บาท หมอก็ว่าคงต้องกลืนแร่ ถ้ากลืนนัดเลย (มีคิว)เสียค่ากลืนประมาณ 5 พัน หรือจะใช้สิทธิประกันสังคมของสวนดอกก็ได้แต่ก็ต้องยอมรับว่ารอนาน (เราก็คิดถ้ากลืนเสร็จมันก็ต้องมีการพบหมอเรื่อยๆ ถ้าย้ายมาศูนย์ศรีพัฒน์ตลอดค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ) เลยตัดสินใจใช้สิทธิ์ ปกส เราไปเอาใบส่งตัวที่เทพปัญญาไปตรวจที่สวนดอก (23/01/68) หมอก็คุยถามข้อมูล การรักษาที่รักษามา จับคอคลำก้อนไทรอยด์ แล้วก็เขียนใบระบุปริมาณที่แร่ที่ต้องกลืนไว้ให้ หมอว่ามีคิวกลืนต้นเดือนหน้า แต่เตรียมตัว ตามนี้ (บอกเลยชีวิตช่วงนี้ลำบากมากๆๆๆ กินอะไรก็ไม่ค่อยได้ ต้องทำอาหารทานเองอย่างเดียว)
ตอนไปหาหมอที่โรงพยายาลก็จะมีเกลือที่ไม่ผสมไอโอดีนตำหน่ายจะใช้เกลือทำกับข้าวอย่างเดียวไม่ได้ มันไม่อร่ิอย แต่ยังดีที่มันจะมีพวกซอสทาคูมิ โอมากาเสะที่มันจะใส่เกลือไม่มีไอโอดีน หรือซอสบางอย่าง เช่น ซีอิ๊วดำ ต้องอ่านข้างขวดเอา
**หมายเหตุของเราหมอให้หยุดยาก่อนกลืนแค่ 5 วัน อันนี้หมอเป็นคนบอกเอง แต่ให้ทานยาลดอาการใจสั่นแทน
ก่อนจะไปกลืนแร่ตามที่นัด 1 วันก็ไปเอาใบส่งตัวที่โรงพยาบาลเทพปัญญา เราก็ขอดูใบนัด แล้วเขาก็ให้ตรวจการตั้งครรภ์ไป เพราะในใบนัดของโรงบาลสวนดอกระบุว่าก่อนกลืนต้องตรวจเรื่องตั้งครรภ์ (จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปตรวจที่สวนดอก)
เมื่อวันกลืนแร่มาถึง (05/02/68) เขาก็ให้เราไปพบแพทย์ก่อนจากนั้นก็ส่งไปที่ห้องกลืนแร่ เขาก็ทำเอกสารโน่นนี่นั่น (เพราะกลืนแล้วเราค้องอยู่ห่างๆจากคนอื่น ) เพื่อรายงานผลกลับมาให้หมอที่เทพปัญญา ว่ากลืนแร่ปริมาณเท่าไหร่ แล้วให้กลับมาทานยาเหมือนเดิมหลังจากนั้น 1 อาทิตย์ (ช่วงหยุดยา น้ำหนักก็ลงค่ะบวกกับทานอะไรไม่ค่อยได้เพราะคุมไอโอดีน) พอมาที่ห้องเตรียมตัวกลืนแร่คนเยอะเหมือนกันของเราได้กลืน 17 mi
เขาก็ให้นั่งรอในห้อง พอคนมาเยอะๆ นักรังสีก็สาธิตวิธีการกลืน (ใส่ถุงมือด้านที่จะจับยา (แคปซูล) เปิดขวดมันน่าจะเป็นโลหะหนักเหมือนกัน เทยาลงมือข้างที่ใส่ถุงมือ) กลืน กินน้ำ เอาแก้วทิ้งตรงนี้ แล้วมายืนตรงจุดนี้ เพื่อเช็คปริมาณรังสี (นักรังสีก็จะยืนหลังฉาก) เหมือนจะต้องยืน 3 จุดถ้าจำไม่ผิด ผ่านก็กลับบ้านได้ พอกลืนเสร็จก็ต้องปฏิบัติตัวตามนี้ค่ะ รู้สึกได้เลยว่าตัวเองมีกลิ่นรังสีแรงมากกกกกกกกก อาบน้ำสระผม เช้า-เย็นเลย กว่าจะหายก็ครบอาทิตย์ตามที่เขากำหนดแหละค่ะ พอครบตามกำหนดแล้วกลับมาทานยาเหมือนเดิม
จากนั้นก็กลับมาหาหมอที่เทพปัญญาเหมือนเดิม หลังจากกลืนแร่ 1 เดือนค่าเลือดแย่กว่าก่อนกลืน
ตรวจเลือดเรื่อยๆ ไม่ดี 4 เดือน (ไม่หาย) หมอยังพูดเลยว่า “สงสัยจะได้ไปสวนดอกอีกรอบ”
แต่พอตรวจเลือดอีกที 02/08/68 (ครบกำหนด 6 เดือน) กลายเป็น ”ไทรอยด์ต่ำ “
*** เราอ่านในเนตแร่ที่กลืนจะออกฤทธิ์เต็มที่ ช่วง4-6 เดือนหลังกลืน***
ตอนนี้หมอเลยให้ทานเหลือเช้า-เย็น อย่างละ 1 เม็ด อีก 2 เดือนถึงนัดตรวจเลือด ค่อยว่ากัน
** อันนี้มาแชร์ประสบการณ์ให้สำหรับผู้ที่จะกลืนแร่ได้เตรียมตัว เป็นกำลังใจให้คนเป็นไทรอยด์เป็นพิษเหมือนกัน จะบอกว่าการใช้สิทธิประกันสังคมไม่ได้แย่อย่างที่คิด ***
แชร์ประสบการณ์ รักษาไทรอย์ด้วยการกลืนแร่ (ประกันสังคม)
พอย้ายมารักษาโรงบาลเทพปัญญา (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณวันที่ 10/03/67) หมอก็ถามว่ากินยาอะไรยังไง ก็ให้หมอดู หมอก็ว่าให้กินอันนี้แหละ แต่หมอก็ทักนะว่า ทานยาเยอะนะเนี่ย (หมออยากให้รักษาด้วยการกลืนแร่ หรือผ่าดีกว่าจะได้ไม่ต้องทานยาเยอะ) แต่หมอก็ให้ทานยาตามที่โรงพยาบาลเก่าดูก่อน พอครบกำหนดนัด หมอก็ให้ตรวจเลือด ดูค่าไทรอยด์สรุป ไม่ดีขึ้นเลย หมอว่าคงต้องกลืนแร่ หรือผ่าแล้ว ก็ส่งตัวเราไปหาหมอหู คอ จมูก(หมอพิเศษ ที่โรงพยาบาลเชิญมาตรวจเฉพาะวันอาทิตย์)
พอไปพบหมอหู คอ จมูก (05/05/67) หมอก็ว่าให้ทานยาอีกตัวก่อนทานตัวนี้อาจจะได้ผลหมอให้เปลี่ยนยาเป็น Ptu propyl 50 ml ทาน 2 เม็ด เช้า-กลางวัน-เย็น ค่าเลือดดีขึ้น แต่ไม่มากเท่าไหร่ เลยเปลี่ยนทาน 3 เม็ด เช้า-กลางวัน-เย็น อยู่หลายเดือน หมอว่าค่าเลือดดีขึ้นนะแต่ไม่หายเป็นพิษ ทานยาก็เยอะแล้วนะ หมอไม่ค่อยอยากให้ทานเพิ่มแล้ว เลยบอกว่าลองไปรักษาด้วยการกลืนแร่ดีกว่าเลยเอาใบส่งตัวไปโรงพยาบาลสวนดอก บอกสะดวกวันไหนก็ไป แต่ไปได้แค่วันพุธ กับศุกร์ (ถ้าจำไม่ผิด) (และก่อนไปตรวจต้องมาเอาใบส่งตัวที่โรงบาลเทพปัญญาทุกครั้ง) ครั้งแรกเราไปปรึกษา เราไปศูนย์ศรีพัฒน์ขี้เกียจรอนาน หมดไปประมาณ 600 บาท หมอก็ว่าคงต้องกลืนแร่ ถ้ากลืนนัดเลย (มีคิว)เสียค่ากลืนประมาณ 5 พัน หรือจะใช้สิทธิประกันสังคมของสวนดอกก็ได้แต่ก็ต้องยอมรับว่ารอนาน (เราก็คิดถ้ากลืนเสร็จมันก็ต้องมีการพบหมอเรื่อยๆ ถ้าย้ายมาศูนย์ศรีพัฒน์ตลอดค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ) เลยตัดสินใจใช้สิทธิ์ ปกส เราไปเอาใบส่งตัวที่เทพปัญญาไปตรวจที่สวนดอก (23/01/68) หมอก็คุยถามข้อมูล การรักษาที่รักษามา จับคอคลำก้อนไทรอยด์ แล้วก็เขียนใบระบุปริมาณที่แร่ที่ต้องกลืนไว้ให้ หมอว่ามีคิวกลืนต้นเดือนหน้า แต่เตรียมตัว ตามนี้ (บอกเลยชีวิตช่วงนี้ลำบากมากๆๆๆ กินอะไรก็ไม่ค่อยได้ ต้องทำอาหารทานเองอย่างเดียว)
ตอนไปหาหมอที่โรงพยายาลก็จะมีเกลือที่ไม่ผสมไอโอดีนตำหน่ายจะใช้เกลือทำกับข้าวอย่างเดียวไม่ได้ มันไม่อร่ิอย แต่ยังดีที่มันจะมีพวกซอสทาคูมิ โอมากาเสะที่มันจะใส่เกลือไม่มีไอโอดีน หรือซอสบางอย่าง เช่น ซีอิ๊วดำ ต้องอ่านข้างขวดเอา
**หมายเหตุของเราหมอให้หยุดยาก่อนกลืนแค่ 5 วัน อันนี้หมอเป็นคนบอกเอง แต่ให้ทานยาลดอาการใจสั่นแทน
ก่อนจะไปกลืนแร่ตามที่นัด 1 วันก็ไปเอาใบส่งตัวที่โรงพยาบาลเทพปัญญา เราก็ขอดูใบนัด แล้วเขาก็ให้ตรวจการตั้งครรภ์ไป เพราะในใบนัดของโรงบาลสวนดอกระบุว่าก่อนกลืนต้องตรวจเรื่องตั้งครรภ์ (จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปตรวจที่สวนดอก)
เมื่อวันกลืนแร่มาถึง (05/02/68) เขาก็ให้เราไปพบแพทย์ก่อนจากนั้นก็ส่งไปที่ห้องกลืนแร่ เขาก็ทำเอกสารโน่นนี่นั่น (เพราะกลืนแล้วเราค้องอยู่ห่างๆจากคนอื่น ) เพื่อรายงานผลกลับมาให้หมอที่เทพปัญญา ว่ากลืนแร่ปริมาณเท่าไหร่ แล้วให้กลับมาทานยาเหมือนเดิมหลังจากนั้น 1 อาทิตย์ (ช่วงหยุดยา น้ำหนักก็ลงค่ะบวกกับทานอะไรไม่ค่อยได้เพราะคุมไอโอดีน) พอมาที่ห้องเตรียมตัวกลืนแร่คนเยอะเหมือนกันของเราได้กลืน 17 mi
เขาก็ให้นั่งรอในห้อง พอคนมาเยอะๆ นักรังสีก็สาธิตวิธีการกลืน (ใส่ถุงมือด้านที่จะจับยา (แคปซูล) เปิดขวดมันน่าจะเป็นโลหะหนักเหมือนกัน เทยาลงมือข้างที่ใส่ถุงมือ) กลืน กินน้ำ เอาแก้วทิ้งตรงนี้ แล้วมายืนตรงจุดนี้ เพื่อเช็คปริมาณรังสี (นักรังสีก็จะยืนหลังฉาก) เหมือนจะต้องยืน 3 จุดถ้าจำไม่ผิด ผ่านก็กลับบ้านได้ พอกลืนเสร็จก็ต้องปฏิบัติตัวตามนี้ค่ะ รู้สึกได้เลยว่าตัวเองมีกลิ่นรังสีแรงมากกกกกกกกก อาบน้ำสระผม เช้า-เย็นเลย กว่าจะหายก็ครบอาทิตย์ตามที่เขากำหนดแหละค่ะ พอครบตามกำหนดแล้วกลับมาทานยาเหมือนเดิม
จากนั้นก็กลับมาหาหมอที่เทพปัญญาเหมือนเดิม หลังจากกลืนแร่ 1 เดือนค่าเลือดแย่กว่าก่อนกลืน
ตรวจเลือดเรื่อยๆ ไม่ดี 4 เดือน (ไม่หาย) หมอยังพูดเลยว่า “สงสัยจะได้ไปสวนดอกอีกรอบ”
แต่พอตรวจเลือดอีกที 02/08/68 (ครบกำหนด 6 เดือน) กลายเป็น ”ไทรอยด์ต่ำ “
*** เราอ่านในเนตแร่ที่กลืนจะออกฤทธิ์เต็มที่ ช่วง4-6 เดือนหลังกลืน***
ตอนนี้หมอเลยให้ทานเหลือเช้า-เย็น อย่างละ 1 เม็ด อีก 2 เดือนถึงนัดตรวจเลือด ค่อยว่ากัน
** อันนี้มาแชร์ประสบการณ์ให้สำหรับผู้ที่จะกลืนแร่ได้เตรียมตัว เป็นกำลังใจให้คนเป็นไทรอยด์เป็นพิษเหมือนกัน จะบอกว่าการใช้สิทธิประกันสังคมไม่ได้แย่อย่างที่คิด ***