เมื่อคุณบริจาคเลือดแล้ว ทางหน่วยงานที่รับบริจาคจะนำเลือดของคุณเข้าสู่กระบวนการที่ซับซ้อนและปลอดภัย เพื่อให้เลือดสามารถนำไปใช้ช่วยชีวิตผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสรุปขั้นตอนหลักๆ ได้ดังนี้
1. การตรวจคัดกรองและแยกส่วนประกอบ
หลังจากที่คุณบริจาคเลือดเสร็จ เจ้าหน้าที่จะนำเลือดของคุณไปตรวจในห้องปฏิบัติการอย่างละเอียด เพื่อตรวจหาเชื้อโรคสำคัญต่างๆ เช่น ไวรัสเอชไอวี (HIV), ไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี (Hepatitis B & C) และซิฟิลิส รวมถึงตรวจหาหมู่เลือดและส่วนประกอบอื่นๆ อย่างละเอียด
จากนั้น เลือดจะถูกนำไป ปั่นแยก (centrifugation) เพื่อแยกออกเป็นส่วนประกอบหลักๆ ดังนี้
เม็ดเลือดแดง (Packed Red Cells): ใช้สำหรับผู้ป่วยที่เสียเลือดมาก เช่น จากอุบัติเหตุ การผ่าตัดใหญ่ หรือผู้ป่วยโรคโลหิตจาง
เกล็ดเลือด (Platelet Concentrate): ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ เช่น ผู้ป่วยไข้เลือดออก หรือผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ต้องทำเคมีบำบัด
พลาสมา (Fresh Frozen Plasma): เป็นส่วนประกอบที่เป็นของเหลวของเลือด ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเลือดไม่แข็งตัว หรือผู้ป่วยที่มีภาวะขาดโปรตีนบางชนิด
โปรตีนอื่นๆ: บางครั้งจะมีการนำพลาสมาไปสกัดเป็นผลิตภัณฑ์ยาอื่นๆ เช่น อิมมูโนโกลบูลิน (Immunoglobulin) สำหรับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรืออัลบูมิน (Albumin) สำหรับผู้ป่วยตับและไต
2. การนำไปใช้ประโยชน์
เลือดและส่วนประกอบที่ผ่านการตรวจและแยกแล้ว จะถูกนำไปจัดเก็บอย่างเหมาะสม และจะถูกส่งไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับเลือด ซึ่งอาจเป็นกรณีเร่งด่วน เช่น อุบัติเหตุ, การคลอดบุตรที่เสียเลือดมาก หรือการผ่าตัด หรือเพื่อรักษาโรคประจำตัว เช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย หรือโรคมะเร็งบางชนิด
การบริจาคเลือด 1 ถุง จึงสามารถช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยได้ถึง 3 ชีวิต เลยทีเดียว เนื่องจากแต่ละส่วนประกอบของเลือดสามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยที่ต้องการส่วนประกอบนั้นๆ โดยเฉพาะ
ถ้าคุณสนใจเรื่องนี้เพิ่มเติม สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ที่จุดรับบริจาคโลหิตได้เลยครับ พวกเขายินดีที่จะให้ข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อให้คุณเข้าใจว่าการเสียสละของคุณนั้นมีคุณค่ามากแค่ไหน
บริจาคเลือดแล้วเลือดเราไปไหน
1. การตรวจคัดกรองและแยกส่วนประกอบ
หลังจากที่คุณบริจาคเลือดเสร็จ เจ้าหน้าที่จะนำเลือดของคุณไปตรวจในห้องปฏิบัติการอย่างละเอียด เพื่อตรวจหาเชื้อโรคสำคัญต่างๆ เช่น ไวรัสเอชไอวี (HIV), ไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี (Hepatitis B & C) และซิฟิลิส รวมถึงตรวจหาหมู่เลือดและส่วนประกอบอื่นๆ อย่างละเอียด
จากนั้น เลือดจะถูกนำไป ปั่นแยก (centrifugation) เพื่อแยกออกเป็นส่วนประกอบหลักๆ ดังนี้
เม็ดเลือดแดง (Packed Red Cells): ใช้สำหรับผู้ป่วยที่เสียเลือดมาก เช่น จากอุบัติเหตุ การผ่าตัดใหญ่ หรือผู้ป่วยโรคโลหิตจาง
เกล็ดเลือด (Platelet Concentrate): ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ เช่น ผู้ป่วยไข้เลือดออก หรือผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ต้องทำเคมีบำบัด
พลาสมา (Fresh Frozen Plasma): เป็นส่วนประกอบที่เป็นของเหลวของเลือด ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเลือดไม่แข็งตัว หรือผู้ป่วยที่มีภาวะขาดโปรตีนบางชนิด
โปรตีนอื่นๆ: บางครั้งจะมีการนำพลาสมาไปสกัดเป็นผลิตภัณฑ์ยาอื่นๆ เช่น อิมมูโนโกลบูลิน (Immunoglobulin) สำหรับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรืออัลบูมิน (Albumin) สำหรับผู้ป่วยตับและไต
2. การนำไปใช้ประโยชน์
เลือดและส่วนประกอบที่ผ่านการตรวจและแยกแล้ว จะถูกนำไปจัดเก็บอย่างเหมาะสม และจะถูกส่งไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับเลือด ซึ่งอาจเป็นกรณีเร่งด่วน เช่น อุบัติเหตุ, การคลอดบุตรที่เสียเลือดมาก หรือการผ่าตัด หรือเพื่อรักษาโรคประจำตัว เช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย หรือโรคมะเร็งบางชนิด
การบริจาคเลือด 1 ถุง จึงสามารถช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยได้ถึง 3 ชีวิต เลยทีเดียว เนื่องจากแต่ละส่วนประกอบของเลือดสามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยที่ต้องการส่วนประกอบนั้นๆ โดยเฉพาะ
ถ้าคุณสนใจเรื่องนี้เพิ่มเติม สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ที่จุดรับบริจาคโลหิตได้เลยครับ พวกเขายินดีที่จะให้ข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อให้คุณเข้าใจว่าการเสียสละของคุณนั้นมีคุณค่ามากแค่ไหน