เราก็แค่พนักงานเงินเดือนหมื่นสองหมื่นคนนึงที่อยากมีรายได้เสริมขายของก๊อกแก๊กๆแต่มันดันไม่ได้ประสบความสำเร็จสักครั้งนั่นแหละค่ะ ทุกครั้งที่ลงทุนเราใช้เงินเก็บของเราเอง คุมงบไม่เคยเกิน20%ของเงินเก็บเพราะเราเริ่มแบบเล็กๆมาตลอด เราภูมิใจด้วยซ้ำที่ถึงเจ๊งแต่ก็เจ๊งตามแผนหยุดตอนที่ควรหยุดแถมบริหารเงินได้ดีไม่มีหนี้สินไม่หมดตัว
เราจัดการกับความรู้สึกตอนธุรกิจไปต่อไม่ได้ค่อนข้างดี มีความคิดที่จะเริ่มต้นใหม่ อายุก็ยังน้อย แต่พอครอบครัวมารู้เรื่องที่เราเจ๊ง อยู่ๆมาดูถูกเราต่อหน้าพูดจาไม่ดีใส่ว่าทำอะไรไม่เคยปรึกษา(เขารับรู้ว่าเราจะทำอะไรทุกครั้งแต่ครั้งล่าสุดเราไม่ได้บอกใครค่ะ) กูว่าแล้วต้องเจ๊งรู้ตั้งแต่คิดจะทำนั่นแหละเป็นอะไรนักหนาอยู่ดีๆไม่ได้ต้องเอาเงินไปทิ้งโง่ๆ ที่ทำมันมองไม่เห็นอนาคตคิดให้รอบคอบก่อนจะทำสิวันหลัง ตัวเองก็ไม่มีประสบการณ์ที่บ้านก็ไม่มีพื้นฐานดั้นด้นทำอยู่ได้ พ่อแม่บอกอะไรไม่เคยเชื่อเชื่อแม่สิทำงานประจำสอบเข้าราชการดีสุดแม่เคยผ่านมาแล้วแกจะไปรู้อะไรดีกว่าแม่
เราไม่มีโอกาสโกรธพ่อกับแม่ด้วยซ้ำที่พูดจาไม่ดีใส่เรา เพราะพ่อแม่ชิงโกรธเราก่อนแล้วแค่เดินผ่านเขาก็มาหึใส่ แซะไม่เลิก ทำหน้าบูดบึ้ง ไม่ฟังความเห็นอะไรเราเลยจากที่ไม่เคยฟังอยู่แล้วแต่คราวนี้แย่กว่าเดิมอีก พ่อบอกเราไม่ฟังที่เขาพูดก่อนเองนะโดนเองรู้สึกยังไงบ้าง
ที่พูดไปแบบนี้เพราะตั้งแต่เราเรียนจบก็ไม่เคยช่วยเหลือให้เงินครอบครัวเลยถ้าลงเอยด้วยการมีปัญหาเรื่องเงินอีกสุดท้ายก็ต้องมาเป็นภาระที่บ้าน
เราพยายามทำจิตใจให้เข้มแข็งธุรกิจเรา เงินเรา ชีวิตเราต้องรับผิดชอบเอง ไม่ต้องไปเครียดไปโกรธแบบเขาเดี๋ยวเราจะไม่มีความสุขซะเอง ถึงเราจะพยายามปลอบใจตัวเอง ไม่อยากท้อแท้ พ่อแม่แค่เป็นห่วง คิดว่าจิตใจเราโอเคไม่เป็นไรมีโอกาสใหม่ๆก็ไปต่อได้ แต่อยู่ดีๆร่างกายเราก็เครียดจิตตกขึ้นมาเอง นอนหลับๆตื่นๆถึงขนาดฝันร้ายเป็นท่าทางที่พ่อเยาะเย้ยเรา กลางคืนปวดแสบท้องจนตื่นเองก็มี ปวดหลังปวดบ่าแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เราบอกตัวเองทุกวันว่าจะให้ปัญหาตรงนี้กระทบชีวิตไม่ได้ อย่าไปกลัวที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เราเห็นคุณค่าสิ่งที่เราทำ ภูมิใจกับการค้าขายมีความสุขมากกว่าตอนทำงานอีก ไม่ได้เรียกร้องการยอมรับจากพ่อแม่หรือต้องรอใครมาอนุมัติ แต่กลายเป็นว่าเรากลัวที่จะเริ่มใหม่จริงๆ เอาแต่คิดว่าเพราะเราไม่ฟังใครเลยล้มเหลว
เราไปทำงานแล้วกลับบ้านแบบไม่มีความสุขทุกวัน คิดแต่ว่ามีเงินเก็บเพิ่มขึ้นนิดนึงก็ดี แต่เราอดเสียดายเวลาและโอกาสไม่ได้ ปกติคนอื่นเห็นหน้าครอบครัวเป็นแรงผลักดันแต่ทุกวันนี้แค่เห็นหน้าครอบครัวใจก็ห่อเหี่ยวไม่อยากจะทำอะไรเลยค่ะ
เรื่องเกิดตั้งแต่พฤศจิกายนปีที่แล้ว เสียใจเองหายเองแล้ว พ่อแม่ก็พูดดีด้วยแล้วแต่ปมไม่เคยหายไปเลยค่ะ
ใครที่มีประสบการณ์แบบนี้เล่าสู่กันฟัง ช่วยชี้แนะ ให้คำแนะนำ หรือจะตักเตือนใจอะไรเรายินดีรับฟังหมดเลยค่ะ ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ
คนที่ทำธุรกิจเจ๊งเผชิญหน้ากับคำดูถูกจากครอบครัวมาได้ยังไงคะ
เราจัดการกับความรู้สึกตอนธุรกิจไปต่อไม่ได้ค่อนข้างดี มีความคิดที่จะเริ่มต้นใหม่ อายุก็ยังน้อย แต่พอครอบครัวมารู้เรื่องที่เราเจ๊ง อยู่ๆมาดูถูกเราต่อหน้าพูดจาไม่ดีใส่ว่าทำอะไรไม่เคยปรึกษา(เขารับรู้ว่าเราจะทำอะไรทุกครั้งแต่ครั้งล่าสุดเราไม่ได้บอกใครค่ะ) กูว่าแล้วต้องเจ๊งรู้ตั้งแต่คิดจะทำนั่นแหละเป็นอะไรนักหนาอยู่ดีๆไม่ได้ต้องเอาเงินไปทิ้งโง่ๆ ที่ทำมันมองไม่เห็นอนาคตคิดให้รอบคอบก่อนจะทำสิวันหลัง ตัวเองก็ไม่มีประสบการณ์ที่บ้านก็ไม่มีพื้นฐานดั้นด้นทำอยู่ได้ พ่อแม่บอกอะไรไม่เคยเชื่อเชื่อแม่สิทำงานประจำสอบเข้าราชการดีสุดแม่เคยผ่านมาแล้วแกจะไปรู้อะไรดีกว่าแม่
เราไม่มีโอกาสโกรธพ่อกับแม่ด้วยซ้ำที่พูดจาไม่ดีใส่เรา เพราะพ่อแม่ชิงโกรธเราก่อนแล้วแค่เดินผ่านเขาก็มาหึใส่ แซะไม่เลิก ทำหน้าบูดบึ้ง ไม่ฟังความเห็นอะไรเราเลยจากที่ไม่เคยฟังอยู่แล้วแต่คราวนี้แย่กว่าเดิมอีก พ่อบอกเราไม่ฟังที่เขาพูดก่อนเองนะโดนเองรู้สึกยังไงบ้าง
ที่พูดไปแบบนี้เพราะตั้งแต่เราเรียนจบก็ไม่เคยช่วยเหลือให้เงินครอบครัวเลยถ้าลงเอยด้วยการมีปัญหาเรื่องเงินอีกสุดท้ายก็ต้องมาเป็นภาระที่บ้าน
เราพยายามทำจิตใจให้เข้มแข็งธุรกิจเรา เงินเรา ชีวิตเราต้องรับผิดชอบเอง ไม่ต้องไปเครียดไปโกรธแบบเขาเดี๋ยวเราจะไม่มีความสุขซะเอง ถึงเราจะพยายามปลอบใจตัวเอง ไม่อยากท้อแท้ พ่อแม่แค่เป็นห่วง คิดว่าจิตใจเราโอเคไม่เป็นไรมีโอกาสใหม่ๆก็ไปต่อได้ แต่อยู่ดีๆร่างกายเราก็เครียดจิตตกขึ้นมาเอง นอนหลับๆตื่นๆถึงขนาดฝันร้ายเป็นท่าทางที่พ่อเยาะเย้ยเรา กลางคืนปวดแสบท้องจนตื่นเองก็มี ปวดหลังปวดบ่าแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เราบอกตัวเองทุกวันว่าจะให้ปัญหาตรงนี้กระทบชีวิตไม่ได้ อย่าไปกลัวที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เราเห็นคุณค่าสิ่งที่เราทำ ภูมิใจกับการค้าขายมีความสุขมากกว่าตอนทำงานอีก ไม่ได้เรียกร้องการยอมรับจากพ่อแม่หรือต้องรอใครมาอนุมัติ แต่กลายเป็นว่าเรากลัวที่จะเริ่มใหม่จริงๆ เอาแต่คิดว่าเพราะเราไม่ฟังใครเลยล้มเหลว
เราไปทำงานแล้วกลับบ้านแบบไม่มีความสุขทุกวัน คิดแต่ว่ามีเงินเก็บเพิ่มขึ้นนิดนึงก็ดี แต่เราอดเสียดายเวลาและโอกาสไม่ได้ ปกติคนอื่นเห็นหน้าครอบครัวเป็นแรงผลักดันแต่ทุกวันนี้แค่เห็นหน้าครอบครัวใจก็ห่อเหี่ยวไม่อยากจะทำอะไรเลยค่ะ
เรื่องเกิดตั้งแต่พฤศจิกายนปีที่แล้ว เสียใจเองหายเองแล้ว พ่อแม่ก็พูดดีด้วยแล้วแต่ปมไม่เคยหายไปเลยค่ะ
ใครที่มีประสบการณ์แบบนี้เล่าสู่กันฟัง ช่วยชี้แนะ ให้คำแนะนำ หรือจะตักเตือนใจอะไรเรายินดีรับฟังหมดเลยค่ะ ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ